Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 601
ยิ่งเป่ยเฟิงกินเนื้อมากเข้าไปเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้เป่ยเฟิงรู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกเคลือบด้วยลาวาร้อน ๆ
ผิวหนังของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนกุ้งต้ม
“ฟิ้ว !”
หลังจากนั้นไม่นานอุณหภูมิในร่างกายของเขาก็ค่อย ๆ ลดลง เป่ยเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ลมหายใจที่เขาพ่นออกมาเป็นสีแดงและยังสามารถเปลี่ยนใบไม้ที่กำลังร่วงหล่นให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้ง่าย ๆ
“เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่จริง ๆ” เป่ยเฟิงพูดพร้อมกับเช็ดปากของเขา “กู่ฉี มันอร่อยจริง ๆ นะ เจ้าไม่อยากลองหน่อยรึ ?” เป่ยเฟิงหลอกล่อกู่ฉีพร้อมกับฉีกเนื้อในส่วนของมันออกมา
“กี้ กี้ !”
กู๋ฉีกรอกตาก่อนจะโยนแครอทใส่เป่ยเฟิง
เป่ยเฟิงขดริมฝีปากแล้วพูดขึ้น “ข้าเคยได้ยินแต่หมาเนรคุณ แต่ยังไม่เคยได้ยินกระต่ายเนรคุณมาก่อนเลย ดูสิ ไม่เพียงแค่เจ้ายังต้องการกัดคนดี ๆ แต่เจ้ายังไม่เข้าใจหัวใจของเขาอีกด้วย”
เนื่องจากกู่ฉีไม่อยากกิน ดังนั้นเป่ยเฟิงจึงต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง
เนื้อชิ้นเล็ก ๆ หล่นเข้าไปในท้องของเป่ยเฟิงจากนั้นก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นพลังงานให้กับเขา !
หลังจากนั้นมันก็ค่อย ๆ สลายไปอีกครั้งกลายเป็นพลังชีวิตแล้วไปฟื้นฟูแก่นแท้แห่งชีวิตของเขา
‘เพียงแค่ร่างของมันก็ช่วยข้าได้มากแล้ว มาดูกันดีกว่าว่าหงอนไก่ของมันทำอะไรได้’
เป่ยเฟิงคิดในขณะกินร่างของสัตว์อสูรตัวนี้ เขายังไม่ได้แตะหงอนไก่เลยแม้แต่น้อย
เขาหยิบหงอนไก่ขึ้นมาจากนั้นก็ลองกัดมัน เนื้อสัมผัสมันนุ่มและกรอบในเวลาเดียวกัน มันจึงกินได้ไม่ยาก
ทันทีที่เป่ยเฟิงกัดลงไป ของเหลวจำนวนมากก็ไหลทะลักในปากของเขา
ของเหลวมีสมชาติแปลก ๆ แต่มันไม่ได้ถึงกับน่ารังเกียจมากนัก แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มส่งกลิ่นหอมออกมาแทน
“บู้ม !”
เมื่อมันเข้าไปในกระเพาะอาหารของเขา ของเหลวก็ระเบิดพลังฉีที่บริสุทธิ์ออกมา
“นี่คือแก่นแท้ของมัน ? มันบริสุทธิ์มาก !” เป่ยเฟิงหลับตาพริม
ในฐานะที่เป็นคนพิถีพิถันในเรื่องอาหาร ดังนั้นเขาจึงกัดมันอย่างช้า ๆ
หลังจากกินมันเสร็จเขาก็พยายามส่งพลังที่ระเบิดออกมาไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายแต่มันก็ไม่สำเร็จ
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเพิ่มความเร็วในการดูดซับให้ร่างกายได้ แต่อย่างน้อยระบบย่อยอาหารของเขาก็ทำมันได้
หากเปรียบเทียบระหว่างการบังคับมันกับการให้มันไหลเวียนไปตามธรรมชาติ แน่นอนว่าการให้มันไหลไปเองย่อมดีกว่าการบังคับ
หลังจากดูดซับเลือดฉีได้จนหมด เนื้อบนมือขวาของเขาก็ค่อย ๆ งอกอกมาจนในไม่ช้ามันก็ห่อหุ้มกระดูกของเขา
กระบวนการฟื้นฟูใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แขนของเป่ยเฟิงก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ
นี้คือประโยชน์ที่แท้จริงของเลือดฉี สำหรับผู้มีพลังระดับราชาพันปีแล้ว การได้รับบาดเจ็บแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แม้ว่าแขนของเขาจะถูกฉีกกระชากไปจนขาด แต่เขาเพียงแค่ปล่อยทิ้งเอาไว้ไม่กี่วันมันก็จะงอกกลับมาใหม่ สำหรับผู้มีพลังระดับราชาพันปีแล้ว พวกเขาสามารถสร้างแขนขึ้นมาใหม่เท่าใดก็ได้ตราบที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ !
สำหรับการนำแขนของตนเองไปใส่แขนคนอื่นนั้นไร้ประโยชน์ เนื่องจากเซลล์ของผู้มีพลังระดับราชาพันปีมีความพิเศษอยู่
หากแขนของผู้มีพลังระดับราชาพันปีถูกนำไปต่อให้กับผู้มีพลังร้อยปี เซลล์ของเขาจะถูกฆ่าโดยเซลล์ของผู้มีพลังระดับราชาพันปีทันที !
มันจะน่ากลัวมากขึ้นหากการนำแขนของผู้มีพลังระดับราชาพันปีมาต่อให้กับผู้มีพลังระดับราชาพันปีเช่นเดียวกัน นั้นเพราะเซลล์ทั้งสองฝ่ายจะฆ่ากันเอง !
ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นตัวตนระดับราชาพันปีจะงอกแขนขึ้นมาแทนแขนเดิม
และหากพวกเขามีพลังระดับหมื่นปี พวกเขาอาจจะได้รับวิชาที่เรียกว่าฟื้นฟูจากเลือด !
พูดให้ถูกก็คือสามารถเกิดใหม่ได้ตราบใดที่ยังคงหลงเหลือเลือดเพียงหยดเดียว !
ด้วยการย่อยสลายเนื้ออย่างต่อเนื่อง มันทำให้ฉีของเป่ยเฟิงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
แม้แต่โครงสร้างร่างกายของเขาก็ใหญ่ขึ้นไปด้วย
เวลาผ่านไปไม่นาน ประกายแสงก็พุ่งออกมาจากดวงตาของเป่ยเฟิง
‘สัตว์อสูรตัวนี้พิเศษจริง ๆ การได้กินมันเทียบเท่ากับการกินสัตว์อสูรระดับเดียวกันถึง 10 ตัว !’
คุณภาพนั้นอยู่เหนือปริมาณ !
หากเป็นมังกร เพียงแค่เลือดหยดเดียวมันก็สามารถสังหารเป่ยเฟิงได้ !
‘สัตว์อสูรตัวนี้ช่วยเพิ่มพลังชีวิตของข้าเป็นสองเท่า หึหึ มาดูกันดีกว่าว่าสัตว์อสูรที่อยู่ในลาวามันทำอะไรได้บ้าง’
เป่ยเฟิงเดินไปที่สระน้ำอย่างอารมณ์ดี
แม้ว่าลาวาจะใสแต่มันก็ไม่สามารถมองเห็นก้นสระได้ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าสัตว์อสูรตัวนั้นอยู่ไหน
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเป่ยเฟิง รอยยิ้มปรากฎบนหน้าของเขาจากนั้นเขาก็หยิบแหวนมิติออกมาแล้วค้นหาสัตว์อสูรตัวเล็ก ๆ จากนั้นก็ฟันมันเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนพวกมันลงไปในสระ
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ภายใต้สายตาของเป่ยเฟิง ชิ้นเนื้อก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทองราวกับใกล้สุกแล้ว
ถึงอย่างนั้นสัตว์อสูรตัวนั้นก็ไม่ได้ออกมากินเนื้อ
เป่ยเฟิงไม่รีบ เขาหยิบเนื้อสัตว์อสูรออกมาอีกแล้วโยนพวกมันเข้าไปในสระอีกครั้งจากนั้นก็กลับมานั่งข้างสระราวกับชายชรา
“เรามาดูกันดีกว่าว่าใครจะใจร้อนมากกว่ากัน” เป่ยเฟิงพูมพึมพำ
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ พร้อมกับเนื้อชุดแรกที่ถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน
เป่ยเฟิงสงสัยว่าอาจเป็นเพราะคุณภาพของเนื้อก็เป็นได้ แต่สุดท้ายเขาก็คิดว่าไม่น่าใช่เพราะเนื้อสัตว์อสูรที่เขาเอาออกมาพวกมันมีพลังระดับราชาพันปี !
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป่ยเฟิงก็หัวเราะอย่างช้า ๆ
แทนที่จะหมกมุ่นอยู่กับสัตว์อสูรที่อยู่ในสระ เขาตัดสินใจออกเดินทางไปพร้อมกับกู่ฉีแทน
ผ่านไป 10 วัน เป่ยเฟิงนั่งอยู่บนกองกระดูกขนาดใหญ่
เมื่อสัมผัสหน้าท้อง เป่ยเฟิงสามารถบอกได้เลยว่าแก่นแท้แห่งชีวิตของเขาฟื้นฟูกลับมากว่า 70% แล้ว ยิ่งใกล้ถึงขีดจำกัดมันก็ยี่งต้องการพลังชีวิตมากขึ้น
‘ดูเหมือนว่าการเดินทางจะจบลงตรงนี้ ได้เวลาออกไปแล้ว’ เป่ยเฟิงคิดกับตัวเองเพราะเขารู้สึกว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกแล้วในตอนนี้
“หยินน !”
“โฮก !”
เสียงคำรามสองเสียงดังขึ้นพร้อมกับฉีที่น่าหวาดกลัวกระจายไปทั่วหุบเขา !
สัตว์อสูรทุกตัวที่ได้ยินเริ่มสั่นด้วยความหวาดกลัว มีบางตัวรีบวิ่งหนีลงเขาด้วยพลังทั้งหมด !
‘นี้คือการต่อสู้ระหว่างผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้ง 2 ตัว ?’ เป่ยเฟิงสงสัยมาก ร่างกายของเขาสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเสียงคำรามเมื่อครู่
เสียงคำรามดังออกมาจากท้องฟ้าพร้อมกับท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงสด มิติรอบ ๆ เต็มไปด้วยรอยแตกราวกับมันคือหายนะ
‘หากมีการต่อสู้กันจริง ๆ ข้าจะรอให้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บหนักจากนั้นข้าก็จะไปเอาเลือดจากพวกมันมา ถ้าข้าเอามันมาได้มากพอมันก็น่าจะฟื้นฟูแก่นแท้แห่งชีวิตของข้าได้ !’
เป่ยเฟิงคิดพร้อมกับมองไปยังหายนะด้านบน แม้แต่ตัวตนระดับราชาพันปีก็เปรียบเสมือนมดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหายนะเช่นนี้
สำหรับพลังของสัตว์อสูรทั้งสองนั้น เป่ยเฟิงไม่ต้องคิดอะไรมาก เขาคิดว่าอย่างน้อยพวกมันต้องมีพลังระดับหมื่นปี !
ดังนั้นทุกส่วนของร่างกายพวกมันจึงเป็นสมบัติล้ำค่า โดยเฉพาะเลือดฉีของพวกมัน เพียงแค่หยดเดียวมันก็สามารถนำมาทำสิ่งมหัศจรรย์จำนวนมากได้
หลังจากคำนวณจากเสียงปะทะและเสียงคำราม เขาพบว่าเขาอยู่ห่างจากอีกฝ่ายไกลกว่าร้อยลี้ ดังนั้นเขาจึงรีบเดินทางไปที่นั่นทันที
ถึงอย่างนั้นเสียงของพวกมันก็น่ากลัวมาก เป่ยเฟิงรู้ดีว่าหากเขาเข้าไปใกล้มากเกินไปเขาจะถูกสังหารเพราะคลื่นเสียงที่น่าหวาดกลัวพวกนั้น !
ในตอนแรกเป่ยเฟิงต้องการให้เจ้ากู่ฉีหนีไปและรอเขาอยู่ในที่ปลอดภัยซักที่ แต่ทว่าเจ้ากู่ฉีมันยืนกรานจะติดตามเขาไปด้วย
เมื่อเดินทางมาได้สักพัก เป่ยเฟิงก็สามารถมองเห็นสัตว์อสูรทั้งสองตัวที่กำลังสู้กันอยู่ !
หนึ่งคือนกที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ ส่วนอีกหนึ่งคือเต่ายักษ์ !
เต่ามีสีดำและมีแถบสีทองบนเปลือกที่วนไปมาจนดูราวกับลวดลายบางอย่าง !
นอกจากนี้มันยังมีหัวเหมือนมังกร !
ใช่แล้ว เป่ยเฟิงคิดว่ามันเหมือนแบบนั้น เขาคิดว่าเขามองไม่ผิด
หลังจากเข้าไปใกล้ ๆ เป่ยเฟิงก็มั่นใจมากขึ้นว่ามันคือหัวมังกร !
หัวมังกรดูน่ากลัวมาก นอกจากนี้มันยังมีเขาแหลม ๆ ที่ดูอันตรายอย่างยิ่ง !
ร่างมหึมาทั้งสองปะทะกันจนเกิดคลื่นพลังและแรงระเบิดฉีกระจายออกไปรอบ ๆ มันทำให้แม้แต่ตัวตนระดับราชาพันปีก็ไม่สามารถดูดซับหลิงฉีแถวนี้ได้
เมฆเห็ดขนาดใหญ่ลอยขึ้นฟ้าทุกครั้งที่พวกมันปะทะกัน มันไม่เกินจริงแม้แต่น้อยหากจะบอกว่าการโจมตีของพวกมันเหมือนการที่ภูเขาและทะเลปะทะกัน !
พื้นดินสั่นสะเทือนทุกครั้งที่การโจมตีหล่นมาถึงพื้น ผลกระทบของพวกมันรุนแรงมาก มันถึงกับทำให้เป่ยเฟิงสั่นสะท้านและแทบจะยืนบนพื้นที่ราบเรียบไม่ได้ ! และดูสิ่งที่หลงเหลือจากพลังโจมตีของพวกมันสิ หลุมขนาดยักษ์ !
พลังที่ทรงพลังของพวกมันทรงพลังมากขนาดที่ว่าสามารถทำลายภูเขาและตัดแม่น้ำได้สบาย ๆ !