Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 390 ม่านหมอก
ทันเซียวพ่นลมหายใจออกมา สัตว์อสูร 3 หัวมันคำรามออกมาน่ากลัวมาก หากจะบอกว่าเขาไม่กลัวคงจะเป็นเรื่องโกหก
แรงกดดันที่ถูกปล่อยออกมาจากสัตว์อสูรตัวนี้มันแข็งแกร่งเกินไป แม้แต่ระดับเซียนเทียนขั้นสูงสุดอย่างเขาก็ไม่สามารถเทียบกับมันได้ !
“โฮก !”
เคอร์เบอรอสเห่าอีกครั้งไปยังต้นไม้ใกล้ ๆ จากนั้นลึกลับที่ 1 ก็เดินออกมาจากต้นไม้ก่อนจะเดินมาตรงหน้าทันเซียว
เคอร์เบอรอสมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ภูมิใจในตัวเอง มันไม่ต้องการที่จะมีความสนิทกับมนุษย์ เมื่อเห็นว่าลึกลับที่ 1 อยู่ตรงนี้มันจึงให้เธอจัดการปัญหาให้แทน
ประกายเย็นชาพุ่งออกมาจากดวงตาลึกลับที่ 1 ในขณะที่มองคนตรงหน้า
“ผมคือคนที่ถูกส่งมาจากกรมผู้ฝึกตนของทหาร ผมมีข้อความสำคัญที่ต้องส่งให้ท่านเป่ยเฟิง”
ท่าทางของทันเซียวเต็มไปด้วยความเคารพ อย่าว่าแต่ความแข็งแกร่งของเป่ยเฟิงในฐานะผู้ที่อยู่ระดับสวรรค์เลย เพียงแค่สัตว์อสูรตรงหน้าที่เป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงของเขามันก็ทำให้ทันเซียวกลัวมากแล้ว
ความแตกต่างของระดับเซียนเทียนด้วยกันเองก็กว้างมาก ความแตกต่างในแต่ละระดับมันสามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่คนละระดับรู้ผลได้ทันทีเมื่อเจอหน้า
ลึกลับที่ 1 หยุดความโกรธเอาไว้และพูดขึ้นมา “อืม งั้นมากับฉัน”
ลึกลับที่ 1 ยังคงสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรสำคัญ ในเวลาเดียวกันเธอก็ไม่ได้ต้องการไปมีส่วนร่วมในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเธอ
ทันเซียวเดินตามหลังลึกลับที่ 1 ไปเงียบ ๆ เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย ‘อย่างที่คิด คนรอบตัวผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ย่อมไม่ธรรมดาทั้งนั้น !’
ในเวลาเดียวกัน เป่ยเฟิงและไป๋เซียงก็เดินกลับมาจากหลังเขา เมื่อมาถึงบ้านเขาก็รู้สึกได้ถึงมีคนแปลกหน้าอยู่ในบ้าน
“นายท่าน คุณกลับมาแล้ว มีคนบอกว่าเขามาจากหน่วยผู้ฝึกตนของทหาร เขามีข้อความที่จะบอกต่อนายท่าน” ลึกลับที่ 1 รายงานด้วยความเคารพ
“อืม ฉันรู้แล้ว เธอไปได้”
ใบหน้าของเป่ยเฟิงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็เข้าไปในบ้านก่อนจะเจอคนแปลกหน้า
“คารวะท่านเป่ยเฟิงที่เคารพ นี่คือจดหมายลับจากท่านประธานที่ได้ให้ผมนำมาให้ท่าน”
ทันเซียวไม่กล้าชักช้า แม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าเป่ยเฟิง แต่เป่ยเฟิงเป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงน่าเคารพมากในโลกแห่งการต่อสู้
“หืม ?”
เป่ยเฟิงรู้สึกตกใจในใจ ดูเหมือนทั่วโลกจะมีกรมผู้ฝึกตนทางทหารเหมือนกัน ความแข็งแกร่งของประธานถือว่าแข็งแกร่งมาก เพราะฉะนั้นคนที่สามารถสั่งให้เขาส่งคนมามอบจดหมายให้กับเขาอาจจะเป็น …
“ผู้ใต้บังคับบัญชาขอตัวลา”
ทันเซียวยืนขึ้นและโค้งคำนับเป่ยเฟิงอีกครั้ง สถานะปัจจุบันของเป่ยเฟิงคือรองประธานของกรมผู้ฝึกตนของทหาร ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่เขาจะเรียกตัวเองว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเป่ยเฟิง หลังจากนั้นเขาก็รีบออกไปจากบ้าน
“อย่างที่คิด มันเริ่มแล้วสินะ ? แต่การเริ่มต้นในตอนนี้พวกเขาไม่กลัวคนที่ซ่อนตัวอยู่งั้นหรอ ?” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเองในขณะที่อ่านจดหมาย หลังจากนั้นเขาก็ใช้พลังฉีเผาจดหมายทิ้ง
“ไป๋เซียง มีงานต้องทำ !”
เป่ยเฟิงเดินออกจากบ้านและเห็นไป๋เซียงจ้องมองเคอร์เบอรอส
ไป๋เซียงเกาหัวและพูดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ “หือ ? งานอะไรหรอครับ ?”
แม้ว่าเขาจะเคยเห็นเคอเบอรอสมาก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าหัวทั้ง 3 มันเชื่อมติดกันได้ยังไง
“น่าเกลียดจริง ๆ ทั้งที่ตอนนั้นไม่รู้จักพอกับหลุมดำน่ารักกว่านี้แท้ ๆ” ไป๋เซียงพูดกับเป่ยเฟิง
“โฮ่ง !”
แน่นหัวเห่าออกมาด้วยความโกรธ ไอ้ตัวบัดซบนี้มันกล้าเรียกมันว่าตัวน่าเกลียด มันจะต้องตัดสินแพ้ชนะกับตัวบัดซบในวันนี้ให้ได้ !
หลุมดำและไม่รู้จักพอก็เห่าเช่นกัน แต่มันเห่าด้วยความสุขเมื่อมันเห็นว่าไป๋เซียงชื่นชมพวกมัน
หมาเป็นสัตว์ที่มีความทรงจำดีเยี่ยม เมื่อพวกมันใช้เวลาอยู่กับใครซักคน มันก็จะจำเขาได้แม้ว่าจะไม่ได้เจอหน้ากันมานานหลายปี
ในขณะเดียวกันพวกมันทั้ง 2 ก็กำลังห้ามแน่นหัวที่กำลังคำรามและเห่าออกมาด้วยความโกรธ ดูเหมือนมันอยากจะสั่งสอนบทเรียนให้กับไป๋เซียงที่กล้าเรียกมันว่าตัวน่าเกลียด
“หยุดเล่นก่อน เดียวจะอดกระดูกวันนี้หรอก”
เป่ยเฟิงมองไปที่เคอร์เบอรอสก่อนจะพูดเบา ๆ
“หงิ๋ง หงิ๋ง”
ไม่รู้จักพอและหลุมดำรีบบังคับร่างวิ่งหนีไปพร้อมกับเสียงครวญคราง
“มันเป็นแบบนี้เองงั้นหรอ … ผมเข้าใจแล้ว”
ไป๋เซียงพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น ความต้องการในการต่อสู้ลุกโชนในดวงตาของเขา
“ฉันเรียกพวกลึกลับให้กลับมาแล้ว อย่าลืมว่าพวกเราไม่ได้มีเป้าหมายเดียวที่ต้องจัดการ”
เป่ยเฟิงพยักหน้าและเดินจากไป
ใบหน้าของไป๋เซียงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในขณะที่เหม่อมองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยความสงบ
ชายชราเคยบอกเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในโลกศิลปะการต่อสู้ให้เขาฟังเมื่อนานมาแล้ว เขาได้บอกให้เขาเข้าใจว่าสิ่งสำคัญและตัวแปรที่สำคัญที่สุดคืออะไร
ตัวตนระดับเซียนเทียนเป็นเพียงเบี้ยเล็ก ๆ ในเกมหมากรุกขนาดใหญ่เท่านั้น
ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์คือตัวละครหลัก พวกเขาคือคนที่มีกำลังรบมากที่สุด ผู้ควบคุมเกมหมากรุกก็คือประเทศที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์มากกว่า พวกเขาก็สามารถพลิกกระดานหมากรุกได้สบาย ๆ
สำหรับตอนนี้ในมณฑลใหญ่ ๆ มีแต่ความเงียบ ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขยับเลยซักฝ่าย
2 วันต่อมาลึกลับที่ 2 และคนที่เหลือก็รีบกลับมาทันที ทุกคนสามารถจำไป๋เซียงได้แม้ว่าจะไม่ได้เจอเขามานาน
เป่ยเฟิงตื่นขึ้นมาและทำสมาธิก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
“ทำไมถึงทำไม่ได้ …”
เป่ยเฟิงพ่นลมหายใจออกมา ทักษะการทำสมาธินี้เป็นสิ่งที่เขาได้มาจากภูเขามังกรเสือหลังจากสร้างความสัมพันธ์ขึ้นมา
ทักษะการทำสมาธิคือทักษะการฝึกพลังจิต มันถูกสร้างขึ้นมาจากเจ้าสำนักรุ่นที่ 2 และสุดท้ายก็ถูกส่งต่อให้คนในภูเขาสามารถฝึกมันเพื่อนำไปต่อยอดวิชาอื่นได้
ผลที่ได้จากการฝึกสมาธิคือสามารถกำจัดสิ่งรบกวนในจิตใจและปรับสภาพจิตใจได้ รวมไปถึงการทำให้ความคิดของพวกเขาโลดแล่นได้ดีขึ้น
เป่ยเฟิงถือว่ามันคือสมบัติ ดังนั้นเขาจึงศึกษามันทุกครั้งเมื่อมีเวลาว่าง
ทักษะการทำสมาธิถูกแบ่งออกเป็น 4 ขั้น ขั้นแรกคือการทำใจให้สงบ
หากทำขั้นแรกได้สำเร็จ มันจะทำให้พวกเขาสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังไม่ถูกรบกวนจากสิ่งภายนอกด้วย
ขั้นที่ 2 คือความว่างเปล่า ขั้นนี้คือการทำให้สามารถเข้าสู่สถานะว่างเปล่าได้ มันจะทำให้จิตใจและความคิดของผู้ฝึกพัฒนามากขึ้นกว่าปกติหลายเท่า !
ขั้นที่ 3 คือมุ่งมั่น ! มันคือการหลุดพ้นจากความมั่งคั่งและสามารถเข้าสู่จิตวิญญาณของจิตใจได้ มันจะทำให้ผู้ฝึกสามารถประมวลผลความคิดนับไม่ถ้วนในเวลาเดียวกันได้ นอกจากนี้มันยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ฝึกได้ !
ขั้นที่ 4 คือเข้าใจความจริง ! เมื่อพลังจิตของคน ๆ หนึ่งบริสุทธิ์มันจะส่งผลต่อความเป็นจริงด้วย คนที่สามารถฝึกสำเร็จจะเป็นผู้ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวและไม่ยอมก้มหัวให้กับปีศาจในใจ !
เป่ยเฟิงอยู่ในขั้นที่ 2 คือความว่างเปล่า เขาทำสมาธิเป็นเวลา 3 วันเพื่อก้าวเข้ามายังขั้นที่ 2 เนื่องจากรากฐานของเขาดีเยี่ยมอยู่แล้วดังนั้นเมื่อเขามาถึงขั้นที่ 2 ได้มันทำให้เขาไปถึงจุดสูงสุดของขั้นที่ 2 ทันที !
แต่ ณ จุดนี้เขาก็ตระหนักได้ว่า ทักษะการทำสมาธินี้มีขีดจำกัดสำหรับเขา แทนที่จะสามารถสงบพลังงานชั่วร้ายได้ กลับกันมันราวกับพลังงานชั่วร้ายถูกกระตุ้นทำให้พวกมันระเบิดพลังออกมาบ่อยมากขึ้น
มีหลายครั้งที่เป่ยเฟิงเกือบจะยับยั้งมันไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะพลังจากเนื้อลา เขาคงไม่สามารถเอาชนะมันได้ !
‘มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ? หลังจากที่ถูกกดขี่มานานสุดท้ายมันก็เลยโต้กลับงั้นหรอ ?’
เป่ยเฟิงปวดหัวมาก ครั้งสุดท้ายที่พลังงานชั่วร้ายระเบิดพลังโจมตีเขา ตอนนั้นเขาถูกมันลากเข้าไปในภาพลวงตา หากไม่ใช่เพราะเบ็ดตกปลาเขาคงตายไปแล้ว !
‘ระบบเอ๋ยระบบ แกคิดจะทำอะไรกับฉันกันแน่ ? ซากศพปีศาจสวรรค์มันมีไว้เพื่อให้ฉันกลั่นจริง ๆ หรือเปล่า ? หรือว่ามันมีไว้ทำอย่างอื่น ?’ เป่ยเฟิงคิดอย่างมึนงง ระบบคือผู้ที่ขอให้เขากลั่นซากศพปีศาจสวรรค์ และหลังจากนั้นมันก็เกิดปรากฏการณ์แปลก ๆ จำนวนมาก หากไม่ใช่เพราะความบังเอิญเขาคงตายไปแล้ว