Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 392
เขตเหลียงซานเป็นจุดรวมตัวกันของคนหลายกลุ่ม เป็นที่รู้กันดีว่าเต็มไปด้วยเทือกเขาสูงทะลุเมฆ
ความเร็วของกลุ่มเป่ยเฟิงเร็วมาก พวกเขาสามารถวิ่งผ่านพื้นที่บนภูเขาราวกับกำลังวิ่งบนพื้นราบ
“เรามาไกลแค่ไหนแล้ว ?” เป่ยเฟิงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา เสียงของเขาทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกตัวสั่นไปถึงกระดูก
ลึกลับที่ 3 หยิบอุปกรณ์ออกมาและมองมันก่อนจะยืนยันอีกครั้ง
“นายท่าน เราอยู่ห่างจากเป้าหมาย 100 ลี้ ถ้าเราวิ่งเป็นเส้นตรงเราสามารถย่นระยะทางเหลือ 40 ลี้ได้”
เป่ยเฟิงพยักหน้าและกล่าวขึ้น “อืม สำรวจสภาพแวดล้อมให้ดี ๆ อย่าประมาทระวังเดี๋ยวจะกลายเป็นผีเฝ้าที่นี่”
ภารกิจของพวกเขาคือค้นหาฐานทัพใต้ดินของภูมิภาคแห่งนี้
แหล่งข่าวกรองของภูเขาคุนหลุนได้บอกว่ามีฐานทัพใต้ดินถูกซ่อนไว้ในที่แห่งนี่ ซึ่งภูเขาคุนหลุนเองก็เพิ่งยืนยันที่ตั้งได้เมื่อเดือนที่แล้ว
เป่ยเฟิงเป็นผู้รับผิดชอบหน้าที่นี่ ดังนั้นภารกิจของเขาคือการกวาดล้างฐานทัพแห่งนี้
ในอีกด้าน มีผู้เชี่ยวชาญหลายสิบคนวิ่งไปที่ฐานทัพเช่นกัน
“เทาหยวน นายแน่ใจนะว่ามาถูกทาง ?”
“ไม่ผิดพลาดแน่นอน ฉันเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งและมันอีกไม่ไกล” เด็กหนุ่มในทีมพูดด้วยความมั่นใจ
“แปลก เราน่าจะใกล้ถึงแล้วสิ แต่ทำไมอุปกรณ์ตรวจจับมันถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ทำไมกัน ? นี่คืออุปกรณ์ตรวจจับรุ่นใหม่ล่าสุดเลยนะ !”
ผู้นำของกลุ่มรู้สึกสับสนมากเมื่อมองไปที่อุปกรณ์ตรวจจับที่ไม่ตอบสนองใด ๆ นี่คืออุปกรณ์ตรวจจับรุ่นใหม่ล่าสุดสามารถตรวจจับโลหะในรัศมี 50 ลี้ได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่ฐานทัพใต้ดินจะรอดพ้นจากอุปกรณ์นี้ได้
… เว้นเสียแต่ว่าฐานทัพใต้ดินจะอยู่ลึกลงไปอีก 100 เมตรหรือ 1 กิโลเมตร ฐานทัพถูกสร้างในเทิอกเขา มันเป็นไปได้ว่าอาจถูกสร้างลึกขนาดนั้นจึงสามารถหลบหนีจากอุปกรณ์นี้ได้
“หึหึ ฉันรู้สึกว่าเรากำลังจะจับปลาตัวใหญ่ได้ สำหรับอุปกรณ์ป้องกันการตรวจจับเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะมี !”
ฮู่เยี่ย ยิ้มอย่างสนุกสนาน
กลุ่มนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ที่อยู่ระดับความมืด ซึ้งผู้นำกลุ่มมีพลังอยู่ที่ระดับวิวัฒนาการ !
“เราไปจะมีความสามารถขนาดนั้นได้ยังไง ? ฉันรู้สึกว่าเราควรรายงานเรื่องนี้ให้กรมผู้ฝึกตนของทหารและเมื่อเราได้คะแนนสะสมจำนวนมากกลับมา เราก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตอีกต่อไป การต่อสู้มันมีอะไรดีกัน ?” อีกคนกล่าวด้วยความกังวล
“นายลืมอะไรหรือเปล่า ? นี่คือประเทศจีน ประเทศที่มีกฏระเบียบเข้มงวดที่สุดในเรื่องต่อต้านอาวุธ คนในประเทศมีอาวุธประเภทปืนไม่กี่ชนิดเท่านั้น อดีตเป็นยังไงปัจจุบันก็ยังคงเป็นแบบนั้น” เสียงหญิงสาวที่ดูอายุ 30 ปี ดังขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่แยแส หากเป็นประเทศอื่นมันคงไม่ใช่เรื่องยากที่องค์กรจะซ่อนอาวุธที่มีพลังทำลายมหาศาลเอาไว้จำนวนมาก แต่มันเป็นไปไม่ได้ในประเทศจีน แม้แต่จรวด RPG หากมีถือว่าครอบครองก็ถือว่าน่าภูมิใจแล้ว
“เราต้องระวังตัวให้ดี ๆ ถึงพวกเราจะมีระดับวิวัฒนาการมาด้วยแต่มันก็เทียบกับปืนไม่ได้ พวกเรายังคงมีร่างกายเหมือนมนุษย์ธรรมดา หากโดนยิงพวกเราก็ตายได้เหมือนกัน” ผู้เชี่ยวชาญระดับวิวัฒนาการอีกคนกล่าวขึ้นทำให้คนที่เหลือเงียบลงและวิ่งเข้าไปในป่า
“ตุ้บ”
ชายต่างชาติที่กำลังซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ทันใดนั้นก็หล่นลงมาพร้อมกับคอที่บิดเบี้ยว
“ฮูเยี่ย คนที่เท่าไหร่แล้ว ?”
หลังจากนั้นก็มีคนเดินออกมาจากเงามืดพร้อมกับมีดในมือ มีดของเขายังคงเปียกชุ่มไปด้วยเลือดและมีหยดเลือดไหลลงพื้นอย่างสม่ำเสมอ
“จะไปรู้ได้ไง ? ทำไมฉันต้องมาใส่ใจนับพวกขยะนี้ด้วย ? พวกมันอ่อนแอกว่าศัตรูที่พวกเราเคยเจอวันก่อนซะอีก”
ฮูเยี่ยยักไหล่ไม่สนใจ เขาหันหลังและวิ่งเข้าไปในป่า
30 นาทีต่อมาหลังจากจัดการกลุ่มคนในป่าเหมือนเรียบร้อย กลุ่มของฮูเยี่ยก็ไม่ได้ปิดบังตัวเองอีกต่อไป พวกเขาค่อย ๆ เดินออกมาก่อนจะไปรวมตัวกันที่เชิงเขา
ใบหน้าของมาโล้มืดม่นมากในตอนนี้ เขามองไปที่อุปกรณ์เฝ้าระวังและพูดขึ้น “เบลส ออกไปจัดการให้พวกโง่เง่านั่น อย่าฆ่าหมดให้เหลือคนเอาไว้ด้วย ฉันอยากรู้ว่าพวกมันเป็นใคร และใครส่งพวกมันมา”
“ครับท่าน”
เสียงแหบแห้งตอบรับมาโล้แม้ว่าเขาจะอยู่ในห้องเพียงคนเดียว เสียงมันราวดังออกมาจากอากาศด้านหน้าเขา !
ทันใดนั้นระลอกคลื่นก็ค่อย ๆ กระพริบด้านหน้าเขามันราวกับมีบางอย่างอยู่ตรงนั้น
“ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่ปลอดภัยอีกแล้ว อีกไม่นานมันคงถูกค้นพบแล้วสินะ”
มาโล้ถอนหายใจออกมา แผนการของเขายังไม่เข้าใกล้คำว่าเสร็จสมบูรณ์เลยแม้แต่น้อย
แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาที่พวกเขาจะถูกค้นพบ การพัฒนาโครงการนี้ต้องใช้มนุษย์จำนวนมาก และเมื่อมีคนจำนวนมากหายไปแม้ว่าจะเป็นคนจรจัดหรือคนชนบท มันจะต้องมีคนค้นพบว่ามีบางอย่างผิดปกติทำไมถึงมีคนจำนวนมากหายไป
“ข้าต้องย้ายฐานทัพ ถ้าใครต้องการที่จะอยู่ที่นี่ต่อก็ปล่อยให้มันได้แต่ตำหนิเรื่องโชคร้ายของมันเอง”
มาโล้วางแผนที่จะถอยเมื่อฐานทัพแห่งนี้ถูกค้นพบ หากไม่ใช่เพราะความสามารถพิเศษของลีน่าฐานทัพแห่งนี้คงถูกค้นพบไปนานแล้ว
กลุ่มของฮูเยี่ยอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พวกเขาจ้องมองไปยังประตูโลหะขนาดมหึมาที่ถูกซ่อนไว้ท่ามกลางผาหิน พวกเขาไม่ได้นำอาวุธร้อนมาด้วยทำให้พวกเขาไม่สามารถทำอะไรกับประตูนี้ได้
“แก๊ก”
เสียงราวกับล็อคถูกปลด จากนั้นประตูขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ เปิดออก
เมื่อเห็นประตูเปิดออกกระทันหัน ทุกคนก็รีบวิ่งไปข้าง ๆ เพื่อซ่อนตัวทันที
“เกิดอะไรขึ้น ? ศัตรูเชิญพวกเราเข้าไปข้างในงั้นหรอ ?”
ใบหน้าของเทาหยวนเต็มไปด้วยความสับสน เขาคิดว่าจะได้รับการต้อนรับด้วยปืนที่ยิงออกมาทันทีที่ประตูเปิด แต่ใครจะไปคิดกันว่าไม่มีใครเลยที่โผล่ออกมา
“แผละ !”
มีเสียงดังขึ้นจากนั้นก็ตามมาด้วยกลิ่นเหมือนเลือดไหล
“ไม่ดีแล้ว”
ใบหน้าของเซียงจุนเปลี่ยนเป็นหน้าเกลียดเมื่อได้กลิ่นเลือด ในเวลาแบบนี้กลิ่นเลือดมาจากไหนกัน ?
เซียงจุนรู้สึกหวาดระแวงมาก “ทุกคน มารวมตัวรอบ ๆ ฉัน !”
คนอื่น ๆ มองด้วยความสับสน แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเซียงจุนเรียกพวกเขาไปรวมตัวกันทำไมแต่เพราะทำงานด้วยกันมาหลายปีทำให้เกิดความเชื่อใจกัน พวกเขาจึงรีบวิ่งไปหาเขาโดยไม่ลังเล
เซียงจุนยกระดับการตื่นตัวขึ้น สายตาเหมือนนกอินทรีของเขามองไปที่คนรอบ ๆ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ – มีคน 2 คนที่หายไป !
“หัวหน้า มีคนฆ่าเซียงฟานและหลินเฟ่ย ?”
หลังจากทุกคนมารวมตัวกัน เมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของเซียงจุนพวกเขาจึงหันไปมองรอบ ๆ และตระหนักได้ว่ามี 2 คนที่ไม่ได้มารวมตัว พวกเขาจึงตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ปุ้ก !”
เสียงแทงดังขึ้น เซียงจุนมองไปยังดาบที่แทงทะลุหน้าอกของเขา
“เฉินซี ! นายบ้าไปแล้ว ?”
ทุกคนมองเฉินซีที่ยืนข้างหลังเซียงจุนด้วยความตกใจ ไม่ว่าพวกเขาจะคิดยังไงก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเฉินซีทำไปทำไม
“รีบวิ่ง ! เขาไม่ใช่เฉินซี เฉินซีตัวจริงตายไปแล้ว !”
ใบหน้าของเซียงจุนค่อย ๆ ซีดขาว เขารู้สึกได้ว่าพลังชีวิตของเขากำลังหายไป เขารีบรวบรวมพลังทั้งหมดของเขาและทุบไปที่ร่างด้านหลังเขา