Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 439
เป่ยเฟิงรู้ว่าคนที่มาทำภารกิจนี้เพราะความหวังสุดท้ายของพวกเขา หากพวกเขายังคงยึดตืดอยู่กับชีวิตเดิม ๆ พวกเขาจะถูกทำลายเพราะความช่วยเหลือที่เขามอบให้ !
ทั้งกลุ่มแยกย้ายกันอย่างรวดเร็วและทิ้งไว้เพียงฉากเบื้องหลังที่เต็มไปด้วยหายนะแต่คนที่ตายแสนกว่าคน !
“พวกมันเป็นบ้ากันหมดแล้ว ! ผมขอเสนอให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์กำจัดพวกมัน !”
“ผมเห็นด้วย !”
“พวกมันไม่เห็นกฏหมายอยู่ในสายตา พวกมันไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ พวกมันเห็นชีวิตมนุษย์เป็นเพียงหญ้า และนี่คือผลที่พวกมันทำ ผลที่ว่าคือคนที่ต้องตายไปแสนกว่าคน !”
“เรารับรองพวกมันและยินดีที่จะเคารพมันในทุก ๆ ที่ แต่ดูสิ่งที่พวกมันทำสิ !”
ระดับความเสียหายที่เกิดขึ้นมันไม่มีทางหนีพ้นสายตาของรัฐบาลได้ ในเวลาเดียวกันกลุ่มนายพลและนักการเมืองระดับสูงได้เสนอให้ใช้วิธีรุนแรงเพื่อสยบพวกเขา
“เรื่องนี้พักไว้แค่นี้ก่อน พวกเขาได้มอบค่าชดเชยให้กับพวกเราพอสมควร ดูเหมือนพวกเขาก็เจ็บปวดเหมือนกัน” ชายชราคนหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าพูดอย่างฉับพลันและจากนั้นก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบลงแล้วยื่นเอกสารให้พวกเขา
หลังจากที่ทุกคนได้อ่านเอกสารก็หยุดพูดทันที อย่างไรก็ตามใบหน้าของพวกเขายังเต็มไปด้วยความโกรธ
เมื่อเห็นดังนั้นชายชราทำเพียงถอนหายใจและส่ายหน้าเศร้า ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการทำแต่มันยังไม่ถึงเวลา
หากพวกเขาทำให้คนเหล่านี้โกรธ ทั้งประเทศจะต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอีกครั้ง
เป่ยเฟิงพาลึกลับที่ 1 และคนอื่น ๆ กลับไปที่ภูเขาจิตวิญญาณสีฟ้า
8 ปีที่ผ่านมาภูเขาเต็มไปด้วยต้นท้อ กลิ่นหอมหวานลอยอบอวลไปทั่วภูเขา
ดอกท้อสวย ๆ ประดับอยู่ทุกต้น ฤดูที่แล้วเป็นฤดูที่ดอกท้อจะบาน แต่ที่นี่มันบานได้เรื่อย ๆ
“เจ้านาย ผมอยากจะเก็บตัวเพราะผมเหมือนจะรู้สึกได้ถึงระดับสวรรค์ที่ใกล้เข้ามา ผมมั่นใจว่าภายใน 3-5 วันผมอาจจะไปถึงระดับสวรรค์ได้ แต่อย่างช้าที่สุดคือ 10 วันถึง 1 เดือน !” ไป๋เซียงกล่าวอย่างตื่นเต้นทันทีที่กลับมา
เป่ยเฟิงพยักหน้าและเตือนอย่าจริงจัง “ระวังตัวด้วย อย่าลืมว่านายไม่เหมือนคนปกติ”
ไป๋เซียงเป็นผู้ฝึกตนที่ฝึก 2 เส้นทาง ดังนั้นมันเป็นไปแทบไม่ได้ที่เขาจะสร้างแกนภายในถึง 2 แกน และความหมายของเป่ยเฟิงก็คือเขาไม่ควรพยายามทำแบบนั้น เขาควรจะยอมแพ้และเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยไม่เกินตัวเขา
“ผมเข้าใจแล้ว”
ไป๋เซียงพยักหน้าและเดินเข้าไปในบ้าน
“มิ้ว มิ้ว !”
จิ้งจอกน้อยวิ่งออกมาจากบ้านและดึงกางเกงเป่ยเฟิงด้วยความตื่นเต้น
เป่ยเฟิงหัวเราะและหยิบเพื่อนตัวน้อยขึ้นมาพร้อมกับมองใบหน้าเศร้า ๆ ของมัน
ขนของจิ้งจอกน้อยไม่ได้ยาวเกินไป มันแห้งและหยาบเล็กน้อย ดวงตาสีดำเต็มไปด้วยความมืดมัวและเหนื่อยล้า
เป่ยเฟิงรู้สึกเสียใจอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงหมุนเวียนเลือดและฉีอย่างอ่อนโยนเพื่อทำให้จิ้งจอกน้อยสดชื่น
หลังจากผ่านไปหลายปี จิ้งจอกน้อยตอนนี้ดูแก่มาก จิ้งจอกหายนะจากธรรมชาติและมนุษย์เป็นสัตว์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสั่นสะเทือนสวรรค์ มันไม่สามารถฝึกฝนได้แม้ว่ามันจะกินเลือดและเนื้อของสัตว์อสูรที่อุดมณ์ไปด้วยพลังงานมหาศาลแต่มันก็ไร้ประโยชน์กับมัน
จิ้งจอกน้อยหลับตาสบาย ๆ พร้อมกับเสียงเล็ก ๆ ที่ดังออกมาจากจมูก
เป่ยเฟิงรู้สึกซับซ้อนมาก หลังจากผ่านไปนานเขาก็หยิบมันขึ้นมาแล้ววางบนเตียงเบา ๆ
จิ้งจอกน้อยเป็นสัตว์ที่สามารถสั่นสะเทือนสวรรค์ได้ แต่เพราะมันไม่สามารถฝึกฝนได้ทำให้มันไม่สามารถพัฒนาไปเป็นสัตว์อสูรได้
เนื่องจากมันไม่สามารถกลายเป็นสัตว์อสูรได้ ดังนั้นอายุขัยของมันคืออายุขัยของจิ้งจอกปกติ ในพริบตามันก็มาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้ว
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เป่ยเฟิงก็กลับมาจัดการดูแลตัวเอง เขาได้รับบาดเจ็บภายในจำนวนมาก แม้ว่าอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติหลังจากผ่านไป แต่เขาก็ไม่ประมาท
เขาถือหินวิญญาณชั้นยอดไว้ในมือ 2 ก้อน พลังงานบริสุทธิ์ไหลเข้าไปในตัวเขาราวกับสายน้ำ
ภายใต้การชักนำของพลังจิต ในไม่ช้าพลังงานก็ไหลเข้าไปในส่วนที่เขาได้รับบาดเจ็บ
ในขณะเดียวกัน เขาก็รักษาอาการบาดเจ็บจากหลอดเลือด อาการบาดเจ็บในหลอดเลือดเหล่านี้เกิดจากการอาละวาดของเลือดสีม่วงที่อยู่ในร่างของเขา
ตอนนี้เป่ยเฟิงค่อย ๆ ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างช้า ๆ โดยการใช้หินวิญญาณค่อย ๆ รักษาพวกมัน
แสงแดดสาดส่องลงมาไม่หยุด พลังงานบางส่วนในแสงค่อย ๆ ไหลเข้าไปในรูรับแสงของเป่ยเฟิงที่เป็นแหล่งพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปล่งประกายสว่างเจิดจ้า พลังงานเหล่านี้แม้ว่าจะยังดูอ่อนแออยู่แต่มันไม่สามารถประมาทได้แม้แต่น้อย
มีพลังงานที่สว่างไสวอยู่ทั้งหมด 12 จุดในร่างเป่ยเฟิง นี่เป็นผลมาจากการฝึกฝนใน 8 ปีที่ผ่านมา เคล็ดการหายใจด้วยแสงดาวของเขาเข้าใกล้ระดับสูงแล้ว อีกเพียงดาวดวงเดียวเขาก็จะสำเร็จระดับสูง !
แต่เป่ยเฟิงไม่ได้ใส่ใจมันมาก ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในร่างของเขาเติบโตขึ้นมาก จนตอนนี้พวกมันสามารถรองรับพลังงานจากแสงทั้งหมดได้สบาย ๆ !
บนยอดของต้นไม้ทั้ง 2 มีผลไม้ขนาดเท่ากำปั้นที่เปล่งประกายแสงสว่างเจิดจ้า
99 % ของพลังงานแสงถูกดูดเข้าไปในผลไม้เหล่านี้ ผลไม้ทั้ง 2 ลูกเปล่งแสงกระพริบออกมาจาง ๆ ราวกับหัวใจที่กำลังเต้น
เป่ยเฟิงใจรู้ว่าผลไม้ทั้ง 2 ลูกสามารถฟักออกมาเป็นเทพเจ้าแห่งดวงดาวได้ แต่ขึ้นอยู่กับโชคของเขาเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเติมเต็มหลุมดำทั้ง 2 หลุมเหล่านี้ให้เพียงพอด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา
เป่ยเฟิงลืมตาและพ่นลมหายใจออกมา ลมหายใจของเขาเต็มไปด้วยไอหมอกสีดำ
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ เป่ยเฟิงก็เดินไปที่บ่อน้ำพร้อมเบ็ดในมือ จากนั้นเขาก็โยนตะขอลงไปในบ่อน้ำเบา ๆ
***
ในอีกโลกที่แสนกว้างใหญ่ ที่นี่คือสวรรค์สำหรับนักล่าสมบัติ
ดินแดนแห่งนี้ไม่มีชื่อเรียก แต่คนส่วนใหญ่เรียกมันว่าทะเลแดง
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นที่ราบกว้างใหญ่ แต่ทำไมถึงเรียกว่าทะเลแดง ?
นั่นเพราะดินในดินแดนแห่งนี้มีสีแดง มันดูคล้ายมหาสมุทรที่ไม่มีที่สิ้นสุดและไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของมันได้ต่อให้พยายามมากแค่ไหน นอกจากนี้ดินที่มีสีแดงเหล่านี้มันไม่ใช่สีแดงธรรมดา แต่มันคือสีแดงของเลือดและใต้ดินแห่งนี้คือทะเลเลือดจริง ๆ !
โครงกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนและแร่สีขาวบางเฉียบกระจายไปทั่วดินแดนแห่งนี้ กลุ่มคนอ่อนแอจำนวนมากกระตายอยู่รอบ ๆ และเหมือนกำลังมองหาบางอย่างในภูเขากระดูกและแร่เหล่านี้
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่หน้าสกปรกและมีเปียผมขนาดเล็กห้อยอยู่ข้างหลังพูดด้วยเสียงน่าสงสาร “ปู่ หนูหิว”
“เด็กดี เดียวปู่จะทำอะไรให้หลานกินเองเมื่อกลับถึงบ้าน”
เสื้อผ้าของชายชราเต็มไปด้วยรอยปะหยาบกร้าน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและรอยย่นตามเวลา
ชายชราย่นจมูกและขุดโครงกระดูกต่อไปด้วยจอบน้อย ๆ ของเขา เด็กหญิงตัวน้อยราวกับไม่มีความกลัวโครงกระดูกรอบตัวแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามดูเหมือนว่าเธอจะชินกับสภาพแวดล้อมเหล่านี้แล้ว
“แก๊ง แก๊ง !”
ชายชราเช็ดเหงื่อจากนั้นก็ยกจอบขึ้นมาแล้วเหวี่ยงมันลงไปอีกครั้ง
เมื่อจอบขุดลงไป ลมหายใจของชายชราก็ค่อย ๆ ถี่ขึ้น จากนั้นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นก็ปรากฏบนหน้า เขามองหัวกะโหลกที่มองเขาอยู่ ข้างหัวกะโหลกมีหินก้อนเล็ก ๆ และในหินมีคริสตัลสีเงินขาวขนาดเท่าเม็ดข้าวอยู่
สีของหินและคริสตัลดูคล้ายกันมาก แต่ชายชราดูเหมือนจะแยกมันออกได้ เขาค่อย ๆ ใช้จอบแงะมันออกมาจากหินเบา ๆ จากนั้นก็หยิบผนึกสีเงินขาวขึ้นมา หลังจากนั้นก็มองไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดระแวงแล้วเก็บคริสตัลทันที
“ปะ พวกเรากลับบ้านไปหาไรกินกัน”
ชายชรามองไปบนฟ้าและเห็นว่าวันนี้มืดแล้ว รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏบนหน้าของเขาจากนั้นก็จูงยกหญิงสาวตัวน้อยขึ้นมาวางเธอไว้ในตะกร้าไม้ไผ่ด้านหลัง หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ เดินลงจากภูเขาโครงกระดูกช้า ๆ
บรรดาผู้ที่มาที่นี่ก็เพื่อแสดงหาสมบัติ และสมบัติที่พวกเขาคาดหวังไว้ก็คือคริสตัล คริสตัลขนาดเล็กเท่าเม็ดข้าวก็เพียงพอที่จะทำให้ครอบครัวธรรมดามีชีวิตอยู่รอดไปได้ทั้งเดือน !
คริสตัลนี้คือแก่นแท้นของชีวิตที่เกิดจากการแข็งตัวของชีวิตมนุษย์ชนิดหนึ่ง มันสามารถใช้เพิ่มหลินฉีและใช้เป็นของบำรุงร่างกายได้ มันคล้ายคลึงกับหินวิญญาณแต่หาได้ยากกว่า