Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 466
เป่ยเฟิงมองบันทึก สำหรับตำแหน่งภูมิศาสตร์ตรงจุดนี้มันมีเรื่องราวจำนวนมากรวมไปถึงตำนานในช่วงหลายร้อยหลายพันปีที่ผ่านมา !
มันมีตำนานและเรื่องราวแตกต่างกันมากมายที่ถูกสร้างขึ้นจากเหตุการณ์ที่น่าตกใจจนไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือของปลอม
ด่านฮันกู่อยู่ทิศตะวันตก มันเป็นที่หุบเขาที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ ทางเหนือคือเทือกเขาฉินหลิงและทางใต้คือแม่น้ำเหลืองที่เชี่ยวกราก นี่คือป้อมปราการธรรมชาติที่สำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์ชาวจีน !
ด่านฮันกู่มีทางเข้า 2 ทางคือทางเข้าฉินตั้งอยู่ที่หวังตั๋วชุนอยู่ห่างจากอำเภอเหอหนาน 15 กิโลเมตรและอยู่ห่างจากมณฑลซานเมินเจีย 75 กิโลเมตร ส่วนด่านวู่อยู่ทิศตะวันออกของเมืองลั่วหยาง อยู่ห่างจากฉินกวนตะวันตก 150 กิโลเมตร มันตั้งอยู่บน “สองถนนโบราณ” ใกล้ธนาคารแม่น้ำเหลือง เนื่องจากมันอยู่ในหุบเขาที่อันตรายมากมันจึงถูกเรียกว่าด่านฮันกู่ (หุบเขากล่อง)
ด่านฮันกู่เป็นสนามรบโบราณที่เต็มไปด้วยเสียงร้องของมนุษย์และเสียงตะโกนของนักรบ มันมีอีกชื่อว่า “ด่านที่คนเพียงคนเดียวใช้ยันคนกว่าหมื่นคน” มันเป็นด่านที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาวจีนที่ใช้ต่อต้านต่างชาติ !
เหตุผลที่ราชวงศ์ฉินสร้างด่านฮันกู่โดยใช้กำแพงเมืองจีนเป็นรากฐานก็เพื่ออำนวยความสะดวกในการเติมเต็มวัสถุและเสบียงต่าง ๆ รวมไปถึงสามารถต่อต้านการโจมตีที่มาจากชนเผ่ารอบ ๆ ได้ !
มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าหากปราศจากการเดินทางที่สะดวกและการสื่อสารที่ดี ความมั่นคั่งในตอนนั้นของราชวงศ์ฉินจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร !
ผ่านไปหลายร้อยหลายพันปี ด่านฮันกู่ก็ได้สร้างตำนานจำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้ เคยมีตำนานหนึ่งที่มีนักปราชที่มีชื่อเสียงคือลั่วซุยเขียนหนังสือ “หนังสือแห่งเต๋า” ไว้ถึงห้าพันคำไว้ที่นี่หลังจากนั้นเขาก็ขี่วัวสีเขียวออกจากด่านฮันกู่และไม่เคยกลับมาอีกเลย !
หลายปีที่ผ่านมาได้มีหลวงจีนในประเทศเข้ามาเยี่ยมชมเพื่อแสวงบุญรวมไปถึงถวายเครื่องบูชาจำนานมากให้กับบรรพบุรุษของชาวเต๋า
“บันทึกนี้ดูเหมือนจะยังไม่สมบูรณ์ แต่ความจริงที่ว่ามีตำนานจำนวนมากเกิดขึ้นแม้ว่าจะผ่านไปหลายพันปีแต่มันก็ยังมีตำนานโผล่ออกมาเรื่อย ๆ นั่นหมายความว่ามันต้องไม่ใช่สถานที่ธรรมดา ๆ นอกจากนี้ยังมีหนังสือทรงคุณค่าของลั่วซุยอีก ดูเหมือนไม่มีประวัติศาสตร์ใดได้กล่าวบอกไว้ว่าลั่วซุยเขียนอะไรไว้บ้าง แต่ทุกอย่างที่เขาเขียนต้องเป็นของสำคัญอย่างมาก” เป่ยเฟิงบอกกับตัวเอง
เมื่อลั่วซุยออกจากด่านฮันกู่ ฉีสีม่วงก็ทะยานไปทางเหนือทอดยาวไปกว่า 30,000 ลี้ ! ปรากฏการณ์เช่นนี้คืออะไร ? แม้ว่าประวัติศาสตร์จะดูเหมือนพูดเกินจริงแต่มันก็บ่งบอกได้ว่าลั่วซุยแข็งแกร่งขนาดไหน !
“เหลืออีกเพียงครึ่งเดือนเท่านั้น !” เป่ยเฟิงกล่าวเบา ๆ และก็เงียบไป
***
หวังวูหยูยืนเงียบ ๆ กลางถนน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไร แต่สายตาของคนจำนวนมากก็หันมามองเขาราวกับเขากลายเป็นศูนย์กลางของโลก
“พระเจ้า เขาหล่อมาก !”
“ว้าว ! แต่ทำไมเขาแต่งตัวแปลก ๆ แบบนั้น ?”
“ใครสน การแต่งตัวของเขาสำคัญที่ไหน ไป ๆ เราจะไปเอาเบอเขามาได้ไหมนะ ?”
หญิงสาวหลายคนที่ดูอายุ 20 กว่าปียืนอยู่ไม่ไกลจากหวังวูหยูและกำลังหยอกล้อพร้อมกับชี้ไปที่เขาอย่างตื่นเต้น หญิงสาวเหล่านี้ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาแต่งตัวแบบนั้น แต่ก็ให้อภัยเพราะเขาหล่อมาก
หวังวูหยูไม่ได้หล่อขนาดนั้น แต่เพราะเขาปลดปล่อยสิ่งที่ราชาควรจะมีออกมาเท่านั้น และการปลดปล่อยแรงกดดันราชาของเขาทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าแรงดึงดูดเข้ามาหาเขา
“หนุ่มน้อย สนใจจะเข้าวงการบันเทิงไหม ?”
หวังวูหยูหันไปมองรอบ ๆ หลังจากนั้นเขาก็เห็นชายวัยกลางคนที่มีหนวดเคราและผมยุ่ง ๆ ยืนตรงหน้าเขา หากไม่ใช่เพราะเสื้อผ้าราคาแพงของชายวัยกลางคน เขาอาจจะถูกกล่าวว่าเป็นขอทานข้างถนนก็ได้
ดวงตาของฮู่ซันฟานมองไปทั่วร่างหวังวูหยูราวกับกำลังชื่นชมอัญมณีที่หาได้ยาก !
‘นักแสดงตั้งแต่เกิด !’
ฮู่ซันฟานรู้สึกราวกับค้นพบสมบัติล้ำค่าทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมาก
เขานั่งอยู่ในร้านกาแฟชั้นสองและมองมาข้างนอก ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็เต้นแรงทันที !
เขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดมังกรที่ดูหรูหรากำลังยืนอยู่กลางถนนและหันไปมองรอบ ๆ ด้วยความเย็นชา ถึงแม้รูปลักษณ์ของเขาจะไม่โดดเด่นมากนัก แต่เขามีเสน่ห์แปลก ๆ คล้ายแม่เหล็กที่ดึงดูดคนรอบ ๆ ให้เข้าหาเขา !
“ถอยไปซะ !”
หวังวูหยูรู้สึกหงุดหงิดมากที่มีถูกชายแปลกหน้ามองแบบนั้น เขาไม่ใช่คนที่จะสนใจผู้ชายด้วยกันเอง มายุ่งกับเขาทำไม ? หลังจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันออกมา
“แรงกดดันน่ากลัวมาก ! ใช่แล้ว .. เขาคือดาราที่สมบูรณ์แบบที่สุด !”
ฮู่ซันฟานกลัวชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ตื่นเต้นมากขึ้น ดวงตาของเขาสว่างไสวระยิบระยับ !
เด็กหนุ่มคนนี้มีเสน่ห์ที่เป็นแม่เหล็กคอยดึงดูดให้คนรอบ ๆ หันมาโดยไม่สามารถควบคุมได้ ไม่ว่าพวกเขาจะมองเขาซักกี่ครั้งแต่ก็ไม่มีใครที่จะเบื่อแม้แต่น้อย !
หากคนแบบเขามาอยู่บนหน้าจอขนาดใหญ่ละก็ ฮู่ซันฟานรู้สึกได้ถึงชื่อเสียงของหวังวูหยูที่แพร่กระจายไปทั่วโลก !
และตัวเขาก็จะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะที่ค้นพบและเป็นคนดูแลซุปเปอร์สตาร์คนนี้
บอกได้เลยว่าไม่มีทางปล่อยมือได้ แต่ที่น่าแปลกคือทำไมฮู่ซันฟานถึงยืนคงยืนคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ได้ในตอนนี้ หากเป็นผู้ฝึกตนละก็เขาคงหวาดกลัวจนคุกเข่าไปแล้ว !
“ช่างกล้า ! ช่างกล้าจริง ๆ !”
หวังวูหยูรู้สึกโกรธจนพูดด้วยเสียงเย็นชา เขามองคนตรงหน้าด้วยสายตารังเกียจ ในตอนนั้นแม้แต่ตัวตนที่สูงส่งยังต้องปกปิดแววตาและความโลภเพื่อแสดงความสุภาพต่อหน้าเขา แต่ดูชายตรงหน้า มันกำลังมองเขาด้วยความปรารถนาที่ไม่แม้แต่จะปกปิด !
“วิ้ง วิ้ง !”
หวังวูหยูถูกกระตุ้นจนโมโหมาก ราวกับรู้สึกได้ถึงความโกรธของผู้เป็นนาย ดาบผลึกสีแดงที่อยู่บนหลังของเขาสั่นเบา ๆ จากนั้นตัวอักษรสีแดงเหมือนเลือดก็ไหลออกมาอย่างช้า ๆ ราวกับแม่น้ำสายเลือดที่กำลังไหลลงมา
“ฉัน …”
ฮู่ซันฟานตื่นเต้นมาก หลังจากนั้นเขาก็สงบสติตัวเองด้วยความพยายามอย่างมาก ในขณะที่เขากำลังดึงมือออกมาเพื่อดึงหวังวูหยูไปสถานที่เงียบ ๆ เพื่อคุยส่วนตัว เขารู้สึกได้ว่าโลกได้พลิกกลับพร้อมกับมองเห็นร่างที่อยู่ข้างหลังตัวเอง
ศพไม่มีหัวยืนตรงหน้าหวังวูหยูพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาราวกับน้ำพุ !
ในขณะเดียวกัน คนที่อยู่บนถนนรอบ ๆ ถูกแช่แข็งค้าง หลังจากนั้นวินาทีต่อมาเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นพร้อมกับคนวิ่งหนีไปทุกทิศทาง !
ในยุคที่สงบสุขในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นฉากน่ากลัวแบบนี้มาก่อน มีบางคนที่รู้สึกได้ว่าร่างกายแข็งค้างเพราะความหวาดกลัว ถึงแม้เขาอยากจะวิ่งแต่ขามันก็ติดแน่นกับพื้น นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่ถึงกับเป็นลมลงไป
“คนบนโลกใบนี้ใช้ชีวิตด้วยความสงบสุขมานานเกินไปแล้ว ทำไมราชาอย่างข้าถึงต้องพึ่งพาคนอ่อนแอแบบนี้ในการรวบรวมแผ่นดินกัน ?”
ดาบเลือดสีแดงยาว 15 เมตรลอยอยู่ด้านหลังหวังวูหยู ไม่มีเลือดแม้แต่หยดเดียวที่หยดลงมา ไม่มีใครสังเกตเห็นดาบเล่มนี้มาก่อนเลยซักคนเดียว ในเวลาเดียวกันเมื่อพวกเขามองไปที่ดาบพวกเขารู้สึกได้ถึงทะเลเลือดที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ! เพียงแค่คลื่นที่ส่งออกมามันก็เพียงพอที่จะทำร้ายจิตใจของพวกเขา !
เมื่อคนส่วนใหญ่มองดาบ จิตใจของพวกเขาก็ถูกทำลายลงทันที หลังจากนั้นพวกเขาก็ล้มลงไปพร้อมกับน้ำลายที่ฟูมออกมาจากปาก
หวังวูหยูคว้าดาบแล้วลากปลายดาบไปกับพื้นจนเกิดรอยแตกยาว ๆ โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ !
“ตุ้บ ตุ้บ !”
โดยมีหวังวูหยูเป็นจุดศูนย์กลาง ทุกคนที่อยู่ในระยะ 500 เมตรรอบตัวเขาเป็นลมทั้งหมดในทันที หลงเหลือแต่เพียงไม่กี่คนที่ยังยืนอยู่ได้เพราะจิตใจที่เข้มแข็งพอ ในขณะที่หวังวูหยูกำลังเดินไปบนถนน รถบรรทุก 12 ล้อที่บรรทุกดินและหินก็รีบวิ่งมาพร้อมกับความเร็วที่เร็วมาก ! แค่เห็นก็รู้แล้วว่าคนขับมีจิตสำนักที่ดีมาก
หวังวูหยูเดินออกไปอย่างช้า ๆ ทำให้รถจำนวนมากที่วิ่งมาทางเขาต้องสบถสาปแช่งพร้อมกับบีบแตรไล่เขาจากนั้นก็เลี้ยวไปรอบตัวเขา สำหรับหวังวูหยูแล้วเขากำลังเดินสบาย ๆ ราวกับกำลังเดินอยู่ในสวนหลังบ้านตัวเอง
ในเวลาเดียวกันใบหน้าของคนขับรถบรรทุกก็มืดม่นมาก เขาหันไปจุดบุหรี่จากนั้นก็หันมามองทางอีกครั้ง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นไฟสำหรับข้ามถนนยังไม่เปลี่ยนเป็นสีเขียว มันยังไม่ถึงเวลาที่คนจะเดินข้ามถนนมาได้
และตอนนี้เขาก็กำลังขับมาด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. ! นอกจากนี้เขายังบรรทุกดินและหินจำนวนมากเต็มหลัง ด้วยระยะทางสั้น ๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดได้ทันเวลาหากเขาพยายามเบรกมันจะส่งผลให้รถพลิกคว่ำพร้อมกับมีคนจำนวนมากที่ต้องตาย
หวังวูหยูหยิบดาบสีแดงเลือดขึ้นมาจากนั้นก็หันไปมองรถบรรทุกที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึง 10 เมตร สำหรับเขามันง่ายที่จะหลบ แต่เขาไม่ได้มีท่าทางที่จะหลบแม้แต่น้อย
หวังวูหยูคือใครกัน ? เขาคือราชาที่ครองบัลลังก์ตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่ออายุได้ 20 ปีเขาได้ออกกวาดล้างทั่วประเทศด้วยกองทัพของเขา จะให้คนแบบเขามาหนีอะไรง่าย ๆ แบบนี้ ?
ไม่จำเป็นต้องมองแม้แต่น้อย ดาบยาวในมือของเขาถูกเฉือนออกไปกลายเป็นเส้นสีแดงเปล่งประกาย จากนั้นเขาก็ยืนนิ่งมองรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งเข้ามา
คนที่ยืนอยู่ทั้ง 2 ฝั่งถนนกรีดร้องและมีบางคนที่ใช้มือปิดตาตัวเอง พวกเขาไม่กล้ามองว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
“ปัง !”
ทันใดนั้นรถบรรทุกขนาดใหญ่ก็แบ่งออกเป็น 2 ส่วนเมื่ออยู่ห่างจากหวังวูหยูเพียง 2 เมตร !
รถบรรทุกที่แยกส่วนพุ่งผ่านหวังวูหยูทำให้ผมสีม่วงของเขาโบกสะบัดไปด้านหลัง
ปากของคนจำนวนนับไม่ถ้วนอ้าค้างพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ
รถบรรทุกที่ถูกแยกออกเป็น 2 ส่วนพุ่งต่อไปก่อนจะชนเข้ากับด้านข้างถนน รอยตัดที่ตัดรถบรรทุกมันเรียบนิ่งราวกับโดนตัดด้วยเลเซอ มันไม่มีแม้แต่รอยขรุขระแม้แต่น้อย
“น่ากลัวมาก !”
“โบราณได้บอกเอาไว้ว่าผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เป็นผู้ที่ชอบใช้อำนาจและชอบสร้างความวุ่นวายเสมอ คนพวกนี้สมควรถูกฆ่าให้หมด !”
“การฆ่าชีวิตที่เหมือนกับการเด็ดหญ้าแบบนี้ไม่สมควรเรียกว่ามนุษย์ !”
“มองไปที่ตาของเขาสิ มันไม่มีอารมณ์หรือคำพูดใด ๆ ออกมาเลย มันมีแต่ความเย็นชาราวกับชีวิตสำหรับเขาแล้วไม่ได้มีอะไรเลย !”
การกระทำของหวังวูหยูถูกจับตามองตลอดเวลา ในเวลานี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงเต็มไปด้วยความโกรธ พวกเขาอยากจะยิงกระสุนใส่หัวหวังวูหยูมาก
“ก๊อก ก๊อก ! เมื่อกี้คนจากภูเขาคุนหลุนว่ายังไงนะ ?”
ชายชราเคาะโต๊ะเสียงดังและมองไปที่ทุกคน
“พวกเขาบอกว่าคน ๆ นั้นแข็งแกร่งเกินไป พวกเขาไม่สามารถเอาชนะด้วยกำลังได้ พวกเขาเลยจะพยายามติดต่อสื่อสารกับเขาแทน” ชายวัยกลางคนพูดเบา ๆ
“อย่างที่คิด พวกมันทั้งหมดเป็นคนชั่ว พวกมันเห็นแก่ตัวสนใจแต่ผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น !” ชายชราคนหนึ่งวางมือบนหน้าอกของเขาพร้อมกับพูดด้วยความโกรธ “พวกมันคิดว่าเพียงแค่จ่ายค่าชีวิตของคนกว่าแสนคนเมื่อหนึ่งปีครึ่งก่อนก็จะทำอะไรได้แล้วงั้นรึ พวกมันคิดจริง ๆ รึว่าชดเชยเพียงแค่นี้ก็เพียงพอ ?”
ทั้งห้องประชุมเงียบลงในทันที
***
ในเวลาเดียวกัน เป่ยเฟิงยืนอยู่บนจุดสูงสุดของภูเขาและมองทิวทัศน์รอบ ๆ พร้อมกับคิดว่าสุสานจักรพรรดิ์ฉินอันตรายแค่ไหน ในขณะเดียวกันหากยืนยันได้ว่าเป็นสุสานจักรพรรดิ์ฉินจริง ๆ คิดหรือว่าด้วยเจตจำนงของจักรพรรดิฉินจะยอมให้มีคนมารบกวนการพักผ่อนของเขาได้ง่าย ๆ
หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองพื้นที่แถบชิงเฉิง แรงกดดันมหาศาลกระจายออกมาจากตรงนั้นราวกับมังกรสวรรค์จากบนสวรรค์ได้มองลงมาจากโลกเบื้องล่าง !
เป่ยเฟิงสามารถ “เห็น” ปีศาจมังกรสีม่วง-ดำ ที่กำลังม้วนตัวอยู่บนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน !