Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 469
“ไร้สาระ !”
“พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมันมหาศาลแค่ไหน ?”
“หากเราทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใกล้กับเมือง คนที่จะมีปัญหาคือพวกเรา !”
ทุกคนลุกขึ้นโต้แย้งทันที ข้อเสนอดังกล่าวมันไม่สมควรจะออกมาจากปากด้วยซ้ำ
“แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าคน ๆ นั้นจะสร้างความเสียหายมากแค่ไหนเหมือนกัน ! ถ้าคน ๆ นั้นตัดสินใจอยู่ที่เมืองแล้ววันดีคืนดีอารมณ์เสียขึ้นมามันจะร้ายแรงยิ่งกว่าระเบิดนิวเคลียร์ !’
ชายวัยกลางคนพูดช้า ๆ พวกหัวโบราณเหล่านี้มันลืมระเบิดเห็ดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ไปแล้วหรือยังไงกัน ?
แน่นอนว่าคนที่จะปีนมาถึงตำแหน่งปัจจุบันในตอนนี้ได้คือไม่ใช่คนโง่ เนื่องจากเมื่อครู่พวกเขาตื่นตกใจมากเกินไป แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขาสงบลงแล้วการพูดเรื่องนิวเคลียร์มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
“งั้นมาเข้าสู่ช่วงคำถามกันดีกว่า ภายในพื้นที่ระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร แม้ว่าจะมีภูเขาขนาดใหญ่แต่มันก็ไม่ได้ลดความรุนแรงของระเบิดนิวเคลียร์แม้แต่น้อย หากทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ภูเขาจิตวิญญาณสีฟ้า พื้นที่กว่าร้อยละสิบของเมืองชิงเฉิงจะถูกทำลายลงเพราะคลื่นกระแทก แต่หากเราทิ้งระเบิดในภูเขาขนาดใหญ่ที่เพียงพอจะระเบิดแค่ภูเขาจิตวิญญาณสีฟ้า ความเร็วของมันช้าเกินไป เขาอาจจะหนีได้ทัน” ชายชราอีกคนพูดความคิดของเขาออกมา ในช่วงหลายสิบปีมานี้มีแต่เรื่อสงบ แต่ใครจะไปคิดกันว่าเมื่อไม่กี่ปีมานี้มีแต่เรื่องประหลาดเกิดขึ้นตลอดเวลา
แต่เมื่อคิดถึงความวุ่นวายในประเทศอื่น ๆ ชายชรารู้สึกเหมือนกับประเทศของเขาจะดูสงบกว่ามาก
ชายชราขยับนิ้วเคาะโต๊ะ “ภูเขาจิตวิญญาณสีฟ้า ฉันจำได้ว่าเจ้าของสถานที่แห่งนั้นเป็นของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์คนหนึ่งไม่ใช่รึ ?”
“ใช่ครับท่าน นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์อีก 2 คนและมีสัตว์อสูรที่มีพลังเทียบเท่าระดับสวรรค์อีก 1 ตัว ทั้ง 3 เป็นที่โด่งดังมากและพวกเขาเป็นเหมือนลูกศิษย์ของคน ๆ หนึ่ง แต่ว่ารายละเอียดของพวกเขานั้นมีน้อยมาก แต่ทว่าภารกิจที่พวกเขาทำนั้นส่วนมากเป็นภารกิจระดับสูงที่ทำในต่างประเทศ” ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะรู้จักเป่ยเฟิงกล่าวขึ้น
“คน ๆ นั้นเข้าไปในภูเขาจิตวิญญาณสีฟ้านานแค่ไหนแล้ว ทำไมเขายังไม่ออกมาอีก เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาตกลงอะไรกันได้แล้ว ?” มีคนถามขึ้นด้วยความสับสน
“ไม่มีใครรู้ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? มีใครจับภาพอะไรได้หรือไม่ ?” ชายชราอีกคนถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ไม่ครับ มีสนามแม่เหล็กอยู่ทั่วภูเขาจิตวิญญาณสีฟ้าซึ้งมันน่าแปลกมาก มันไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลยแม้ว่าจะใช้ดาวเทียมแล้วก็ตาม” มีคนตอบขึ้น
สำหรับมนุษย์โลก มีหลายสถานที่ที่ถูกมองว่าเป็นอันตรายเนื่องจากมันสภาพแวดล้อมแปลก ๆ ทำให้มีสัญญาณรบกวนและมีปัจจัยอื่น ๆ ทำให้ยากที่จะสำรวจได้
“ส่งคนไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
ชายชราอีกคนลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะออกคำสั่งลงไป เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง เฮลิคอปเตอร์โจมตี 10 ลำก็บินเข้าสู่ภูเขาจิตวิญญาณสีฟ้า
กลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังเป็นคนเดิม ทุกคนได้รับเงินเพียงพอที่สามารถกลับบ้านไปเลี้ยงดูลูก ๆ ได้สบาย พวกเขารู้สึกว่าเป่ยเฟิงไม่ใช่คนเผด็จการเหมือนอย่างที่พวกเขาคิดไว้แต่แรก
กลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้ยังเป็นคนเดิมจาก 2 ปีก่อน พวกเขาคืออดีตทหาร
เมื่อพวกเขาเห็นเฮลิคอปเตอร์บินมา กลุ่มทหารก็มองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร
แต่พวกเขาก็ไม่ลืมจะแจ้งให้เป่ยเฟิงรู้ว่ามีแขกมาเยือน
เมื่อคนของรัฐบาลมาถึงคฤหาสน์ พวกเขามากัน 3 คน พวกเขาก็เห็นเป่ยเฟิงกำลังรออยู่ในห้องรับแขกของเขา
เป่ยเฟิงไม่ได้พูดอะไรมาก เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ฉันรู้ว่าพวกนายมาทำไม แต่ไม่มีอะไรให้กังวล กลับไปได้แล้ว”
ทั้ง 3 มองหน้ากันจากนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านการเจรจาใน 2 คนนั้นก็ขมวดคิ้ว สหายตรงหน้าไม่คิดจะให้พวกเขาเปิดไพ่เจรจาเลยแม้แต่น้อย !
คนที่ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มและดูเหมือนไม่ใช่ทหารหน่วยเล็ก ๆ และดูเหมือนเขาจะรู้เรื่องเป่ยเฟิงดีเขาจึงไม่กล้าทำตัวเย่อหยิ่ง เขาพูดขึ้นด้วยความลังเล “คุณเป่ย เรื่องนี้สำคัญกับเรามาก เราไม่สามารถกลับไปได้เพียงเพราะประโยคเดียวของคุณ หากเป็นไปได้ขอให้เราได้พบกับคน ๆ นั้นด้วยเถอะ”
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจรจาอีก 2 คนด้านหลังพวกเขาเป็นคนฉลาดและรู้ถึงสถานะพิเศษของเป่ยเฟิงดี พวกเขาจึงไม่ได้ทำอะไรโง่ ๆ ต่อหน้าเป่ยเฟิง พวกเขาทำเพียงยืนนิ่ง ๆ ด้านหลังชายวัยกลางคนและแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอะไร
“กลับไปซะ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันแล้วและอาจจะไม่มีวันกลับมาอีก พวกนายไม่จำเป็นต้องกังวลให้มาก”
เป่ยเฟิงปฏิเสธคำขอของชายวัยกลางคน ด้วยอารมณ์ที่ไม่นิ่งของหวังวูหยูในตอนนี้ พวกเขาคงถูกฆ่าตายทันทีหากพูดไม่เข้าหู
ชายวัยกลางคนหรี่ตามองก่อนจะหันไปมองอีก 2 คน จะไม่ให้พวกเขารู้สึกกังวลได้อย่างไรกัน ? นี้มันเหมือนมีม่านหมอกกำลังปกคลุมบางอย่างพวกเขาเอาไว้ !
แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากออกจากคฤหาสน์แล้วโทรติดต่อเบื้องบน
เป่ยเฟิงไม่ได้พยายามฟังบทสนทนาของพวกเขาแม้แต่น้อย การจัดการพวกเขานั้นง่ายมากสำหรับเขา
ชายวัยกลางคนกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับใบหน้าที่โล่งอก “คุณเป่ย ขอโทษที่รบกวนคุณในคืนนี้ พวกเรากำลังจะกลับแล้ว”
“รอเดียว ทิ้งเฮลิคอปเตอร์ไว้ 2 ลำรวมไปถึงนักบินด้วย พวกเราต้องให้พวกเขาพาเราไปที่อื่นในวันพรุ่งนี้”
เป่ยเฟิงพูดจบก็จากไปทันทีโดยไม่รอคำตอบใด ๆ
ทั้ง 3 ยิ้มด้วยความขมขื่น นี้มันเหมือนการต้องทำตามคำสั่งของปู่อีกคนชัด ๆ !
ผู้เชี่ยวชาญการเจรจาอีก 2 คนด้านหลังทำได้เพียงส่ายหัวและยิ้มจาง ๆ ทั้ง 2 เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเจรจาต่อรองแต่พวกเขาไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไรพวกเขาก็ทำได้เพียงทิ้งเฮลิคอปเตอร์ไว้ 2 ลำแล้วก็จากไป …
เช้าวันต่อมาเป่ยเฟิงตื่นขึ้นจากนั้นก็อาบน้ำให้นาน ๆ แล้วเดินออกมาด้วยความสบาย
ไป๋เซียงและลึกลับที่ 1 ก็ตื่นแล้วเช่นกัน ความรู้สึกของพวกเขาซับซ้อนมาก พวกเขามองแผ่นดินที่คุ้นเคยและรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่อยู่ในใจ
ห่างออกไปหวังวูหยูยืนอยู่บนยอดเขาและหันหน้ามองพระอาทิตย์ขึ้น ฉีสีม่วงจำนวนมากไหลเข้าไปในปากของเขา จากนั้นทั้งตัวของเขาก็ห่อหุ้มด้วยชั้นหมอกสีม่วงที่หนาทึบ
“เดียวฉันกลับมานะ”
เป่ยเฟิงอุ้มจิ้งจอกน้อยไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็ลอยตัวไปบนอากาศ จากนั้นเขาก็สะบัดมือกลายเป็นอุ้งเท้าหมีขนาดใหญ่ปรากฏเหนือคฤหาสน์
“ปัง !”
คฤหาสน์ที่ถูกสร้างขึ้นมาพิเศษให้ทนทานต่อแผ่นดินไหวถูกทุบทำลายราวกับเป็นเต้าหู้ด้วยน้ำมือเป่ยเฟิง
ปีกนภาสวรรค์ขนาดใหญ่ปรากฏด้านหลังเป่ยเฟิง จากนั้นเขาก็สะบัดมันไปรอบ ๆ
การสะบัดครั้งนี้เต็มไปด้วยพลังทั้งหมดของเป่ยเฟิง จากนั้นแรงกดดันมหาศาลก็ปรากฏบนฟ้า เมฆมืดปกคลุมทั่วท้องฟ้าพร้อมกับประกายสายฟ้าจำนวนมากที่ว่ายไปมาราวกับมังกรที่ว่ายอยู่ในเมฆ
‘นี้คือความอันตรายที่ฉันรู้สึก ?’
เป่ยเฟิงเงยหน้ามองหลิงฉีของโลกที่ลดน้อยลงอย่างมากในช่วงหลายปีมานี้ ถึงแม้หลิงฉีจะยังคงมีอยู่แต่ก็ดูเหมือนมันใกล้จะหายไปได้ทุกเมื่อ
ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเขาปลดปล่อยพลังเต็มที่ มันราวกับการที่สวรรค์ปฏิเสธไม่ให้ผู้ฝึกตนก้าวข้ามพ้นระดับสวรรค์ไปได้
ปีกนภาสวรรค์ด้านหลังเป่ยเฟิงราวกับใบมีดคู่ เขาสะบัดแกะสลักพื้นผิวหินที่เรียบเนียนลงบนภูเขาจนกลายเป็นตัวอักษร :
“ใครก็ตามที่ทำให้แผ่นดินแห่งนี้มีมลทิน มันผู้นั้นต้องตาย !”
คำที่จารึกไว้ในหินเรียบเนียนและสวยงาม จากนั้นแรงกดดันมหาศาลที่ดุร้ายก็ปะทุขึ้นมาอย่างช้า ๆ
จากนั้นธงขนาดเล็ก 36 อันก็ปรากฏในมือของเป่ยเฟิง
เป่ยเฟิงกัดลิ้นแล้วพ่นเลือดไปที่ธง จากนั้นเขาก็หายตัวไปและปรากฏตามมุมต่าง ๆ ก่อนจะปักธงลงไป !
ธงขนาดเล็กเหล่านี้ไม่มีประโยชน์กับเขา แต่สำหรับผู้ที่มีพลังจิตต่ำกว่าระดับ 3 ดาวแล้วมันคือความอันตรายถึงตาย นอกจากนี้ด้วยพลังของเส้นเลือดหยินใต้ดินมันได้ทำให้ค่ายกลที่ถูกสร้างขึ้นจากธงนี้ได้สร้างเป็นภาพลวงตาขึ้นมาและยังสามารถดักจับสิ่งมีชีวิตรวมไปถึงวิญญาณได้ทั้งหมด !
เป่ยเฟิงทำตราประทับบนมือจากนั้นก็ทุบไปที่พื้น ตราประทับแต่ละครั้งเต็มไปด้วยแก่นแท้เลือดของเขา
การเปลี่ยนแปลงเริ่มเกิดขึ้น ต้นท้อค่อย ๆ ปรากฏรากขึ้นมา ใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาในค่ายกลจะถูกมันจับตัวไว้ทันที
ตราบใดที่ธงยังไม่ถูกทำลาย เส้นเลือดหยินสามารถรักษาค่ายกลได้เป็นเวลานาน เว้นเสียแต่ว่าพื้นที่แห่งนี้จะถูกทำลายหรือมีคนที่มีพลังมากกว่าระดับ 3 ดาวโจมตีเข้ามา !
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว เป่ยเฟิงก็ยืนอยู่กลางอากาศและมองลงไปที่ภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นท้อสีดำและสีชมพู เขามองมันเงียบ ๆ ราวกับกำลังเห็นตัวเองและเฉินมี่ปลูกพวกมันทีละต้น ๆ
สำหรับเป่ยเฟิง สถานที่แห่งนี้มันคือความทรงจำอันล้ำค่า
มนุษย์ทั้ง 4 และสัตว์อสูรอีก 1 ตัวระเบิดพลังก่อนจะปรากฏตัวบนภูเขาอีกลูก
เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำจอดอยู่ตรงนั้น
“งานของพวกนายตั้งแต่วันนี้จบแล้ว ทุกคนกลับไปได้” เป่ยเฟิงพูดในขณะลอยตัวอยู่เหนือเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่ทำหน้าโง่งมอยู่
ทั้งกลุ่มราวกับไม่เข้าใจคำพูดของพวกเขา สิ่งที่อยู่ในหัวของพวกเขาตอนนี้คือคนตรงหน้ากำลังลอยตัวได้ ! นี้มันไม่ใช่ผีใช่ไหม ?
เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำในไม่ช้าก็หายไปแล้วบินไปยังเส้นทางไปยังด่านฮันกู่
หวังวูหยูถอนหายใจและกล่าวขึ้น “ถึงแม้ราชาอย่างข้าจะเริ่มเข้าใจโลกใบนี้มากขึ้น แต่มันก็ยังน่าเหลือเชื่ออยู่ดี หากข้ามีสิ่งเหล่านี้ในอดีตละก็ อาณาจักรวู่ของข้าคงทรงพลังมากกว่าเดิมอย่างน้อย 10 เท่า !”
ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถบินบนอากาศได้แม้ว่าความเร็วจะไม่เท่าเขาก็ตาม
จะมีซักกี่คนที่มีพลังระดับสวรรค์และสามารถบินได้ ? หากปราศจากการฝึกฝนที่เกี่ยวกับการบิน การต่อสู้บนอากาศของประเทศอื่น ๆ คงได้แต่มองด้วยความสิ้นหวัง เมื่อความคิดนี้เข้ามาในหัวหวังวูหยู เขาได้แต่ถอนหายใจสำหรับสติปัญญาของคนยุคนี้
เป่ยเฟิงพยักหน้าและกล่าวเบา ๆ “ใช่ เมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อนเทคโนโลยีมันได้ก้าวหน้ามาก บางทีหากไม่ใช่เพราะคนต่างชาติคิดค้นเครื่องบินแบบนี้ได้ ความรุ่งเรืองในยุคปัจจุบันของไม่มีทางเกิดขึ้น”
“ว่าไงนะ ? เจ้าหมายถึงพวก ‘เผ่าพันธุ์นอกคอก’ เหล่านั้น ? ราชาอย่างข้าฆ่าคนมานับล้านในอดีต สำหรับพวกเผ่าพันธุ์นอกคอกเหล่านี้ ราชาอย่างข้าไม่สามารถบอกได้ว่าฆ่ามันมาได้มากแค่ไหน แต่เชื่อหรือไม่ว่ามันมากกว่าภูเขาโครงกระดูกที่เจ้าเห็นในสุสานของข้า”
หวังวูยูยิ้มจาง ๆ ในขณะมองแววตาของเป่ยเฟิง
“…”
น้องสาวแกสิ ! ไม่น่าแปลกทำไมคนต่างเผ่าธุ์มีส่วนร่วมในสงครามประเทศนอกประเทศมาก เคยมีคนกล่าวไว้ว่าเพราะสงครามที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ทำให้คนต่างเผ่าธุ์มีประชากรลดลง แต่ตอนนี้เป่ยเฟิงสงสัยว่าคนตรงหน้าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ !
“ยุคนี้มันสงบเกินไป น่าเสียดายที่มันไม่เหมาะกับพวกเรา”
เป่ยเฟิงถอนหายใจเบา ๆ
“ผู้คนบนโลกใบนี้จำเจเกินไป พวกเราก็เหมือนไวรัสที่อยู่บนดาวดวงนี้ จิตสำนึกของดาวดวงนี้ได้จำกัดพวกเราเอาไว้ หากพวกเราไม่รีบออกไปให้เร็วละก็ ผู้ฝึกตนทุกคนไม่ว่าจะมากกว่าหรืออ่อนแอกว่าระดับสวรรค์ พวกเขาจะตายเพราะพลังฝึกตนของตัวเอง”
เสียงของหวังวูหยูเต็มไปด้วยความเสียใจ ช่วงเวลาที่เขาเห็นเมฆขนาดใหญ่ที่ปรากฏเหนือหัวเป่ยเฟิง เขาก็เข้าใจสถานการณ์ได้ทันที
พลังของเป่ยเฟิงสามารถทะลวงระดับได้นานแล้ว แต่เพราะเขาต้องยับยั้งพลังตัวเองเอาไว้เพื่อใช้โจมตีเมฆที่เกิดขึ้นด้วยพลังทั้งหมดให้สำเร็จให้ได้ในครั้งเดียว หากเขาพยายามจะทะลวงระดับโดยที่พลังยังอ่อนแอ เขาจะล้มเหลวและตายแน่นอน
ไม่เพียงแต่เป่ยเฟิงและคนที่เหลือ แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสุดยอดจากทั่วทุกมุมโลกเองก็กำลังเจอปัญหาแบบเดียวกับพวกเขา และพวกเขาในตอนนี้ก็กำลังมุ่งหน้ามาที่จีน !
รัฐบาลของทุกประเทศเต็มไปด้วยความดีใจ พวกเขาแทบจะจุดพลุฉลองให้การเดินทางของพวกเขา ! ในที่สุด เทพแห่งภัยพิบัติเหล่านี้จะได้ออกไปจากประเทศพวกเขาซักที !
โดยเฉพาะทางฝั่งอังกฤษ สถานการณ์การต่อสู้ระหว่างครึ่งปีศาจและทางคริสตจักรในตอนนี้รุนแรงมาก อาจจะกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในโลก !