Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 476
บนประตูเมืองขนาดมหึมามีหุ่นเชิดโบราณยืนอยู่กว่า 100 ตัว พวกมันมีพลังที่มากกว่าผู้ฝึกตนหรือสัตว์อสูรที่อยู่รอบ ๆ รวมกันเสียอีก ตรงหน้าประตูเมืองคือแท่นหินโบราณที่ส่องประกายแสงเงาออกมา
ในขณะเดียวกันหวังวูหยูเดินไปใกล้ ๆ แท่นหิน ในขณะที่เขากำลังจะสัมผัสมันด้านหลังของเขาก็มีมังกรที่อยู่ในเรื่องราวแฟนตาซีของชาวตะวันตกปรากฏขึ้น มันปลดปล่อยเปลวไฟและความร้อนออกมา !
คนที่อยู่รอบ ๆ มองเขาด้วยสายตาเย็นชา หากแท่นหินโบราณนั้นเป็นสมบัติจริง ๆ พวกเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะขโมยมันมา
“พวกโง่” เป่ยเฟิงส่ายหน้าและพูดอย่างเย็นชา
ตอนนี้มีแต่พวกโง่ที่เต็มไปด้วยความโลภ หวังวูหยูซ่อนพลังของตัวเองไว้ดีเกินไป คนที่ไม่ได้แข็งแกร่งจริง ๆ มีหรือที่จะยินอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางสบาย ๆ ได้ ? ท่าทางแบบนั้นมันเกิดขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อความแข็งแกร่งของคน ๆ นั้นแข็งแกร่งจนเขามั่นใจในตัวเองสูงมาก
หลายคนได้ตายลงเพราะประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองเกินกว่าความจริง แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับหวังวูหยู
หวังวูหยูหันไปข้างหลังและมองมังกรไฟที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยสายตาเมินเฉย
เปลวไฟสีแดงเข้มพุ่งมายังด้านหน้าหวังวูหยู ในขณะเดียวกันใบหน้าของคลิฟฟ์แซนเดอร์ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
คลิฟฟ์แซนเดอร์เป็นหนึ่งในมนุษย์ยุคใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดของอเมริกา ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในอันดับ 3 ของประเทศ และในอันดับโลกเขาอยู่อันดับที่ 9 !
เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมาก แม้แต่ระดับสวรรค์ขั้นกลางก็ไม่สามารถทนการโจมตีของเขาได้เลยซักครั้ง
“สังหาร !”
หวังวูหยูมองมังกรไฟที่พุ่งเข้ามา จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วออกไป
ไม่มีเสียงหรือแสงสีใด ๆ มังกรไฟที่สามารถฆ่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ขั้นกลางได้สบาย ๆ เริ่มสั่นจากนั้นก็ค่อย ๆ แตกสลายเป็นประกายไฟกระจายไปในอากาศก่อนจะหายไป
“อึก”
ทุกคนกลืนน้ำลายโดยไม่ตั้งใจ ความแข็งแกร่งนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว !
‘บัดซบ ดูเหมือนจะเตะแผ่นเหล็กเข้าให้ ….’
เมื่อเห็นหวังวูหยูมองมา คลิฟฟ์แซนเดอร์รู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ไหลชุ่มเสื้อของเขา เขารู้สึกราวกับตัวเองเป็นเพียงมนุษย์ตัวจ้อยที่กำลังรอการตัดสินของพระเจ้า
“เจ้าพวกนอกคอก ดูเหมือนว่าข้ายังฆ่าพวกแกไม่พอสินะ …”
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนหน้าหวังวูหยู จากนั้นแสงสีแดงเข้มก็เปล่งประกายในดวงตาของเขา
“เดียวก่อน …”
“จงกำเนิด เกล็ด !”
คลิฟฟ์แซนเดอร์ยังไม่ทันได้พูดอะไร หวังวูหยูก็ระเบิดพลังออกมา ปีกมังกรค่อย ๆ งอกออกมาจากหลังของเขา มันยาวกว้างกว่า 3 จาง ในเวลาเดียวกันแรงกดดันที่น่ากลัวก็ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่าหายใจได้ยากลำบาก !
“เจ้านั่นมันเป็นใครกัน ?”
“ปีกนั่นไม่ใช่ทักษะต่อสู้ ! มันคือปีกจริง ๆ !”
“คน ๆ มาจากที่ไหนกัน ? พลังของเขาสูงมาก เป็นไปได้ไหมว่าเขามีพลังระดับหลุดพ้น ?”
คนที่อยู่รอบ ๆ พูดคุยกันด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวล เห็นได้ชัดว่าหวังวูหยูมาเพียงคนเดียวแต่พวกเขารู้สึกราวกับไร้พลังเมื่อได้ยืนอยู่ตรงหน้าหวังวูหยู
ในสายตาของพวกเขา พวกเขามองเห็นร่างของหวังวูหยูขยายใหญ่ขึ้นจากนั้นก็ก้มหน้าลงมามองดูใบหน้าของพวกเขา
แน่นอนว่าหวังวูหยูไม่ได้ตัวใหญ่ขึ้นอย่างที่พวกเขาคิด แต่มันเป็นผลมาจากแรงกดดันที่เขาปลดปล่อยออกมา คนที่อยู่รอบ ๆ จึงรู้สึกเหมือนกำลังมองภูเขาสูงและทำได้เพียงก้มหน้าลง
“นี้คือพลังต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นงั้นรึ ?” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเอง
พลังระดับหลุดพ้นแต่ละระดับมันแตกต่างกันมาก มันแตกต่างกันมากกว่าระดับสวรรค์และว่างเปล่าซะอีก !
เมื่อแรงกดดันของหวังวูหยูระเบิดขึ้น สิ่งมีชีวิตทุกตัวที่อยู่ประตูอื่น ๆ อีก 3 ประตูก็หันมามองทันที มันราวกับพวกมันได้มองเห็นเขา
ประตูอีกด้านหนึ่งคือผีดิบที่เต็มไปด้วยชั้นหมอกสีแดงล้อมรอบสิ่งมีชีวิตตัวนี้มันราวกับเป็นผีดิบจริง ๆ ที่เกิดมาจากร่างกายที่ตายแล้วและถูกกลั่นในสภาพแวดล้อมพิเศษ
มันไม่เกินจริงแม้แต่น้อยหากจะบอกว่าผีดิบตัวนี้คือหายนะพันลี้ ความแข็งแกร่งของมันน่ากลัวมาก นอกจากนี้มันยังเกิดมาพร้อมกับการควบคุมไฟโดยธรรมชาติของมัน !
ประตูอีกด้าน ลิงน้ำที่มีดวงตาสีเขียวเปล่งประกายระยิบระยับเหมือนน้ำหันไปมองหวังวูหยูเช่นกัน
ประตูอีกด้าน กลุ่มวาติกันอยู่ที่ประตูนี้ องค์สันตะปาปากำลังยืนนิ่งสงบ เขาดูแก่ชราและอ่อนแอมากราวกับพร้อมจะหายไปใจโลกได้ตลอดเวลา ไม่มีใครเคยเห็นเขาต่อสู้มาก่อนเลยซักครั้ง แต่ทันทีที่หวังวูหยูระเบิดพลังออกมา แสงสีขาวบริสุทธิ์ก็ส่องลงมาที่รอบตัวเขา จากนั้นขนนกก็ค่อย ๆ หล่นลงมาจากฟากฟ้า !
“แข็งแกร่งมาก ดูเหมือนคน ๆ นี้จะเพิ่งออกมาจากการเก็บตัวและความแข็งแกร่งของเขาจะสูงมาก ถึงจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่มันทำให้เราเหมือนติดอยู่ในโคลนตม”
ผู้ฝึกตน 20 กว่าคนจากประเทศจีนที่ยืนอยู่ตรงที่เกิดเหตุการณ์กำลังมองหวังวูหยูพร้อมกับหัวใจที่สั่นสะท้าน ในเวลาเดียวกันเขาก็สาปแช่งพวกรัฐบาลที่เคยพยายามส่งพวกเขาไปคุยกับหวังวูหยูในตอนที่เขาปรากฏตัวครั้งแรก สำหรับคนที่โหดเหี้ยมขนาดนี้มันถือว่าเป็นเมตตามากหากหวังวูหยูไม่ฆ่าพวกเขาก่อนโดยที่ยังไม่ทันได้พูดอะไร !
แรงกดดันที่สั่นสะเทือนสวรรค์ค่อย ๆ ปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นปีกบนหลังของหวังวูหยูก็เปล่งแสงสีดำเข้มออกมา เกล็ดที่อยู่บนปีกก็ค่อย ๆ หล่นลงมาอย่างช้า ๆ !
จากนั้นไม่นานปีกก็ค่อย ๆ หายไปแล้วตามมาด้วยคลื่นแสงสีดำที่กระจายออกไปทุกทิศทาง !
เกล็ดขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือปลดปล่อยแรงกดดันที่คมมากออกมา พวกมันกระจายพุ่งไปหาทุกคน
เกล็ดมันพุ่งเร็วมาก กว่าที่พวกเขาจะรู้ตัวมันก็ไปปรากฏตรงหน้าพวกเขาแล้ว !
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนใช้ทักษะและวิชาทุกอย่างที่มีเพื่อปกป้องตัวเอง ในเวลาเดียวกันหัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธ หวังวูหยูเย่อหยิ่งเกินไปแล้ว เขาคิดจะใช้พลังของตัวเองเพื่อฆ่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์หลายร้อยคน !
พวกเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยจิตสังหาร พวกเขาจะต้องฆ่าคนตรงหน้าให้ได้ ! พวกเขามั่นใจว่าหากความโกรธของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์หลายพันคนปะทุขึ้น เมื่อพวกเขาใช้สมบัติทุกอย่างของพวกเขามันจะต้องทำให้คนตรงหน้าตายได้แน่นอน !
ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์กว่า 20 คนจากประเทศจีนรีบป้องกันตัวเองในทันที แต่พวกเขาก็พบว่าไม่มีเกล็ดใด ๆ พุ่งมาหาพวกเขาแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับสัตว์อสูรที่อยู่ใกล้ ๆ
“อุก อุก !”
“ข้าไม่เกี่ยว ! ข้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ !”
“พวกเราผิดไปแล้ว ได้โปรดปล่อยพวกเราไป !”
“อ๊ากก !”
ในขณะที่หลายคนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นทำให้คนที่ไม่ได้โดนอะไรต้องหันไปมองพวกเขา
ร่างของชาวต่างชาติหลายร้อยคนถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดจำนวนมาก หลุมและรอยฉีกขาดจำนวนมากปรากฏบนร่างของพวกเขา !
หมอกสีดำค่อย ๆ กระจายออกมาจากบาดแผล จากนั้นก็แผ่ขยายออกไปเรื่อย ๆ แม้แต่เจตจำนงและจิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ก็ไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดนี้ได้ !
“กำเนิด ดูดกลืน !”
หวังวูหยูมองเหล่าคนที่กำลังทุกข์ทรมานด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น เกล็ดในร่างของคนที่ทรมานเริ่มดูดกลืนพลังงานของพวกเขาราวกับพวกมันเป็นฟองน้ำ !
หลังจากนั้นเกล็ดสีแดงเข้มหลายสิบเกล็ดก็กลับมาหาหวังวูหยูและกลับไปเป็นปีกของเขา
หวังวูหยูไม่ได้สนใจว่าผลลัพธ์เป็นยังไง เขาทำเพียงยิ้มออกมาบาง ๆ บนใบหน้า หน้าซีด ๆ ของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไป ลวดลายสีทองเข้มค่อย ๆ ปรากฏบนปีกจากนั้นก็เริ่มส่องแสงสว่างมากขึ้นราวกับมันกำลังจะกลายเป็นปีกของพระเจ้า
ในเวลาเดียวกัน ผู้ฝึกตนหลายร้อยคนก็ค่อย ๆ กลายเป็นศพแห้ง ๆ ที่นอนอยู่บนพื้นราวกับพวกเขาตายมาเป็นเวลานาน !
ผู้รอดชีวิตที่เหลือรอดคือชาวจีนกว่า 20 คนและชาวเอเชียอีกประมาณ 10 กว่าคน
นอกจากนี้ยังมีสัตว์อสูรรอบ ๆ ที่ยังมีชีวิตรอด บางทีในสายตาของหวังวูหยูเขาใช้สีผิวเป็นเกณฑ์การตัดสินของเขา แม้แต่ชาวเอเชียบางคนที่มีผิวคล้ำก็ตายลง พวกเขาคงทำได้เพียงสาปแช่งสีผิวของเขาที่มันคล้ำเกินไป
ส่วนคนที่มีชีวิตรอดก็ตกอยู่ในความกลัว คน ๆ นี้มีพลังมากเกินไป ! ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์หลายร้อยคนตายลงไปโดยที่ยังไม่ทันได้ตอบโต้ ร่างกายของผู้ที่มีชีวิตรอดสั่นสะท้านโดยไม่สามารถควบคุมได้ สายตาของพวกเขามองหวังวูหยูด้วยความหวาดกลัว
หวังวูหยูวางมือไว้บนแท่นหิน ตัวอักษรจำนวนมากก็ปรากฏบนแท่นหิน !
หลังจากนั้นมันก็เริ่มเปลี่ยนกลายเป็นแผนภาพคล้ายมาตราส่วนวัดบางอย่าง ตรงสเกลที่มาตราส่วนก็ค่อย ๆ เปล่งแสงสว่างขึ้นแล้วหยุดอยู่ที่ส่วนที่ 4
หลังจากนั้นหวังวูหยูก็ดึงมือกลับมาแล้วเดินไปที่ประตู เขาเดินผ่านประตูและหายตัวเข้าไปข้างใน
“แท่นหินนั่นคือกุจแจในการเข้าประตูเมือง ?”
เมื่อเห็นหวังวูหยูเดินเข้าไปในเมืองโดยไม่มีอะไรขัดขวาง ทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นมาก พวกเขารีบพุ่งออกไปจากนั้นก็วางมือบนแท่นหิน
คนส่วนมากแสงสว่างเปล่งแสงถึงส่วนที่ 2 และบางคนก็ส่วนแรก
“ดูเหมือนมันจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ทุกคนจะหายตัวไปทันทีเมื่อเข้าไปข้างใน ดังนั้นมันมีโอกาสที่พวกเราจะถูกจับแยกกันทันที พวกเจ้าดูแลความปลอดภัยของตัวเองให้ดี ๆ”
เป่ยเฟิงวิเคราะห์หลังจากเฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมด มันมีค่ายกลบางอย่างอยู่ในประตูเมือง และค่ายกลนี้มันมีการขยับเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ไป๋เซียงพยักหน้าจากนั้นก็หันไปมองคนที่หายตัวไปในเมือง
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปที่แท่นหิน หวังวูหยูส่องสว่างในส่วนที่ 4 และคนอื่น ๆ ส่วนมากก็ส่องสว่างในส่วนที่ 2 นั้นแปลว่ามันคือการแบ่งแยกระดับพลัง หวังวูหยูมีพลังระดับหลุดพ้นและส่องสว่างในส่วนที่ 4 ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์จึงส่องสว่างในส่วนที่ 2
หากนับตามระดับพลังก็จะเป็นระดับแสงสว่าง ระดับความมืด ระดับวิวัฒนาการ ระดับเจียนเทียน ระดับสวรรค์ ระดับว่างเปล่า ระดับหลุดพ้น หวังวูหยูน่าจะเป็นลำดับที่ 7 และระดับสวรรค์ควรจะสว่างในส่วนที่ 5 แต่ทว่าหวังวูหยูกับส่องสว่างใน ส่วนที่ 4 และคนอื่น ๆ กลับส่องสว่างในส่วนที่ 2 แทน นอกจากนี้มันยังมีขีดจาง ๆ ที่เหมือนเป็นการบ่งบอกพลังของแต่ละคนว่าอยู่ที่ระดับเท่าไหร่ เช่นระดับสวรรค์ขั้นต้น สวรรค์ขั้นกลางและสวรรค์ขั้นสูง
มันเคยมีบันทึกในหนังสือโบราณไว้ว่าในอดีตมีเพียงผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนเท่านั้นถึงจะถือว่าก้าวเข้าสู่วิถีการฝึกตน พลังก่อนหน้านี้ถือว่าเป็นเพียงระดับพื้นฐาน คนเหล่านี้ไม่นับว่าเป็นผู้ฝึกตน
เป่ยเฟิงถอนหายใจเบา ๆ โลกในสมัยก่อนมันเป็นแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ? แต่เมื่อผ่านมาไม่กี่ปีโลกใบนี้กลับปฏิเสธพวกเขาแล้ว
เมื่อเขายื่นมือออกไปแตะแท่นหิน เขารู้สึกว่ามีพลังงานบาง ๆ ปรากฏในร่าง แม้ว่าพลังงานจะเบาบางแต่คุณภาพของมันกลับสูงมาก เป่ยเฟิงรู้สึกเหมือนว่ามันกำลังตรวจสอบร่างกายของเขา
หลังจากนั้นไม่นานมันก็หายไปและปรากฏแสงบนแท่นหินแทน แสงปรากฏขึ้นในส่วนที่ 2 นั้นก็เพราะเขามีพลังระดับสวรรค์แต่ทว่ามันกลับส่องแสงตรงขีดที่บ่งบอกว่ามีพลังระดับสวรรค์ขั้นต้นและเกือบจะสว่างพ้นออกมายังสวรรค์ขั้นกลาง
“ถึงเลือดและพลังงานของฉันจะเทียบเท่าระดับสวรรค์ขั้นสูงสุด แต่ทว่าพลังของฉันกลับอยู่เพียงระดับสวรรค์ขั้นกลางงั้นรึ ?” เป่ยเฟิงพึมพำด้วยความสนใจจากนั้นก็กลับไปยืนข้าง ๆ และให้รอคอยไป๋เซียงและคนอื่น ๆ เพื่อเข้าเมืองไปพร้อมกัน