Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 491
นี่คือวิถีการกลั่นของเป่ยเฟิงโดยการลดปริมาณเซลล์ที่ไม่จำเป็นของร่างกายและกระดูกลง พลังงานสีม่วงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชั้นยอดมันมีประโยชน์กับร่างกายของเขาอย่างมาก
เป่ยเฟิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและถอนหายใจออกมา
ชั้นสิ่งสกปรกรวมไปถึงเลือดเสียปรากฏบนร่างของเขา เนื่องจากร่างนี้มันคือร่างของชายชรา มันไม่แปลกที่สิ่งสกปรกมันจะสูงมากขนาดนี้
หากเขาต้องการแทนที่เซลล์เม็ดเลือดและกระดูกให้กลายเป็นของใหม่ทั้งหมด มันจะต้องใช้เวลาอีกนาน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะออกไปผจญภัยในเดือนหน้า
ดาวดวงนี้มีปฏิทินเหมือนกับโลก แต่สิ่งที่แตกต่างไปก็คือ 1 ปีของดาวดวงนี้เท่ากับ 1,095 วันของโลกใบเดิม กล่าวอีกอย่างก็คือ 1 ปีของดาวเทียนมู่เท่ากับ 3 ปีของโลกดิน ดังนั้น 1 เดือนจึงกินเวลา 90 วันเนื่องจาก 1 วันมันมี 72 ชั่วโมง
ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนกว่าจะถึงเดือนหน้า สำหรับเป่ยเฟิงแล้วแค่นี้ก็เพียงพอ
เวลาผ่านไปช้า ๆ เป่ยเฟิงยังคงทำแบบเดิมนั้นคือกินเนื้อสัตว์อสูรให้มาก ๆ เพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเขา
เป่ยเฟิงในตอนนี้มีพลังฝึกฝนระดับขั้นที่สองของร้อยปี ร่างของเขาหลังจากที่ได้ตัดผ่านระดับมายังขั้นที่สองของร้อยปีแล้วมันช่วยเพิ่มความสูงจาก 1.6 เมตรให้เป็น 1.75 เมตร ร่างกายของเขาเองก็ไม่ได้มีกลิ่นอายเน่าเหม็นที่พบได้ในหมู่คนชราอีกต่อไป
ตระกูลหลี่ราวกับถูกเปลี่ยนจนไม่มีใครตั้งตัวทัน ใครจะไปคิดกันว่าหลี่ฉินเทียนจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ มันมากจนเหมือนเห็นผีในตอนกลางวันแสก ๆ แทบจะไม่มีใครเคยเห็นเขาเลยนับตั้งแต่ที่เขาพ้นประตูความตายมาได้
วันนี้เป็นวันแรกของเดือนใหม่ เป่ยเฟิงเดินออกมาที่สวนพร้อมกับชุดใหม่ที่สะอาด เขายืนมองคนทั้งหลายที่ขับยานพาหนะไปมา
คฤหาสน์แห่งนี้มีความสูง 572 เมตร แต่มันมีเพียง 3 ชั้นเท่านั้น และเป่ยเฟิงเองก็กำลังยืนอยู่บนชั้นดาดฟ้าที่เป็นสวน
สมุนไพรระดับ 1 จำนวนมากกระจัดกระจายไปทั่วสวน ตรงกลางสวนคือต้นเนื้อหยกไหมทองคำที่สูงกว่า 100 เมตร มันเป็นต้นไม้จิตวิญญาณระดับ 4 ในขณะเดียวกันสวนสมุนไพรแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยสมุนไพรและดอกไม้ที่ลอยไปในอากาศ
“ท่านพ่อ ให้ข้าไปด้วยเถอะ”
หลี่เหลียงและคนอื่น ๆ เดินออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
เป่ยเฟิงหันหลังและพูดขึ้น “ไม่จำเป็น เจ้าให้ความสำคัญในเรื่องดูแลงานของบริษัทก็พอ พวกเจ้า 2 พี่น้องต้องช่วยกันอย่าทำให้บริษัทล่มจม รักษาหุ้นของพวกเจ้าเอาไว้และอย่าไปคิดว่าคนถือหุ้นคนอื่น ๆ จะเป็นลูกแกะน้อยที่อ่อนโยน พวกมันทั้งหมดเป็นหมาป่าดุร้ายที่ห่มหนังแกะ ! ถ้าพวกเจ้าแสดงความอ่อนแอออกมาเมื่อไหร่พวกมันก็จะโถมเข้าไปและเลาะเนื้อออกมาจนเหลือแต่กระดูก ! นอกจากนี้ยังมีน้องชายคนสุดท้องของพวกเจ้าที่กำลังปรับปรุงตัวอยู่ ดูแลเขาให้ดี ๆ อย่าให้มีปัญหาอะไร”
“ข้าเข้าใจแล้ว” หลี่เหลียงก้มหน้าลงและพยักหน้าช้า ๆ จากนั้นเขาก็หันไปมองรอบ ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ท่านพ่อ นี้คือทีมผู้เชี่ยวชาญที่ภักดีกับเรามาก ท่านสามารถไว้ใจพวกเขาได้ ใน 9 คนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามระดับร้อยปี ส่วนหัวหน้าของพวกเขามีพลังขั้นสี่ของร้อยปี”
“นายท่าน”
ทั้ง 10 คนคำนับเป่ยเฟิง
คนเหล่านี้คือเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูจากตระกูลหลี่ตั้งแต่พวกเขาอายุยังน้อย พวกเขาได้รับการสนับสนุนทั้งการเรียนและการฝึกฝน พวกเขาเปรียบเสมือนทหารของตระกูลหลี่
“การไปหอคอยเชื่อมสวรรค์มันอันตรายมาก มันมีหลายอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้ ในเมื่อพวกเจ้าเต็มใจงั้นตาแก่อย่างข้าคงห้ามไม่ได้”
เป่ยเฟิงพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะบอกกับคนตรงหน้าเขา
ทั้ง 10 คนไม่สนใจว่ามันจะอันตรายแค่ไหน ตั้งแต่ตอนเด็กพวกเขาถูกสอนมาว่าพวกเขาจะต้องปกป้องคนของตระกูลหลี่โดยใช้ชีวิตของพวกเขา
“เอาล่ะ ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนยินดีที่จะตามไปด้วยจริง ๆ งั้นข้าคงจะตระหนี่ไม่ได้ เมื่อเรากลับมาพวกเจ้าทุกคนจะได้เงินคนละหนึ่งล้านเหรียญ ส่วนหัวหน้าจะได้รับสองล้าน” เป่ยเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เราขอสาบานว่าจะปกป้องชีวิตของนายท่านด้วยชีวิตของเรา !”
ทั้ง 10 คนโค้งคำนับและตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง
เป่ยเฟิงรู้สึกมุมปากกระตุกเบา ๆ ในขณะมองคนตรงหน้า คนเหล่านี้มันถูกล้างสมองมาชัด ๆ นี้คือสิ่งที่ตระกูลหลี่ต้องการให้เป็นแบบนี้งั้นหรอ ? เป่ยเฟิงไม่คิดอย่างนั้น
เด็กที่เกิดมากำพร้าไม่มีใครดูแล แต่ตระกูลหลี่ได้รับเลี้ยงพวกเขา ได้มอบอาหารและที่อยู่อาศัยไปจนถึงการเล่าเรียนและทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกฝน บางทีแรงจูงใจที่ตระกูลหลี่ทำนั้นย่อมต้องการผลตอบแทนไว้แน่นอน แต่นั้นก็แล้วแต่ว่าตระกูลหลี่ต้องการอะไรจากพวกเขา โดยเห็นได้จากการมอบชีวิตที่มีทั้งอาหารและเสื้อผ้าให้
มันก็ไม่ได้ถือว่าผิดศีลธรรมสำหรับดาวเทียนมู่ อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้ทำร้ายเด็ก ดังนั้นมันจึงพูดได้ยากว่าตระกูลหลี่ทำผิดหรือถูก
“งั้นก็ ทุกนายเข้าแถวรอรับคำสั่ง”
“ครับผม !”
หลี่เหลียงสั่งการให้พวกเขา จากนั้นทั้ง 10 คนก็ยืนตรงตามระเบียบ
“ท่านพ่อ หากเกิดอันตรายคือจริง ๆ ให้พวกเขาจัดการ ท่านอย่าได้เอาตัวเองไปเสี่ยงโดยไม่มีความจำเป็น”
หลี่เหลียงรู้สึกปวดหัวในความดื้อรั้นของเป่ยเฟิง ทุกคนในตระกูลพยายามบอกให้เขาล้มเลิกแต่ชายชราก็ไม่ไหวติง ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงส่ายหัวและยอมรับการตัดสินใจเท่านั้น
“ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ดีว่าเมื่อไหร่ควรหนีเมื่อไหร่ควรเดินหน้า”
เป่ยเฟิงพยักหน้าโดยไร้ความกังวล
“ท่านพ่อ นี่คือแหวนมิติ ข้างในมันมีพื้นที่เก็บของ 3 ลูกบาศ์ก์เมตร มันมียาจิตวิญญาณและพวกพลังงานของเหลว นอกจากนี้ยังมีระเบิดควอนตันหลายลูกรวมไปถึงยาแก้พิษไม่กี่อย่าง เก็บมันเอาไว้ดี ๆ และอย่าให้ใครมาเห็นมัน”
หลี่เหลียงยื่นแหวนสีเงินขาวพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จะไม่ให้เขาจริงจังได้อย่างไร ? ราคาของแหวนมิติที่มีพื้นที่เก็บของ 3 ลูกบาศก์เมตรนั้นมีราคามากกว่า 300 ล้านเหรียญ ! นอกจากนี้ระเบิดควอนตัมขนาดเล็กหนึ่งลูกก็ 200 ล้านเหรียญ ส่วนยาที่อยู่ข้างในเองนั้นก็มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านเหรียญ แหวนเพียงวงเดียวแต่มันกลับมีมูลค่าเท่ากับทรัพสินย์ของตระกูลหลี่กว่า 1 ใน 8 !
ความมั่งคั่งของตระกูลหลี่ส่วนใหญ่มาจากกิจการของพวกเขาและเป็นปกติที่มันไม่ใช่เงินเหลว เงินที่ใช้ซื้อแหวนวงนี้มาจากการใช้ร้านอาหารหลายแห่งเพื่อเป็นหลักประกัน !
“เข้าใจแล้ว”
เป่ยเฟิงพยักหน้าด้วยความตกใจ จากนั้นเขาก็รีบส่งพลังจิตเข้าไปสำรวจในแหวน
ในมิติมันมีพื้นที่ 3 ลูกบาศก์เมตร มันมีของจำนวนมากวางเรียงกันอยู่ มีพลังงานของเหลวที่ช่วยในการฝึกฝน นอกจากนี้ยังมีกล่องยาในกรณีฉุกเฉิน ยาฉุกเฉินแต่ละเม็ดที่อยู่ในกล่องมันมีไว้ให้ผู้ฝึกตนที่มีพลังขั้นที่สองของร้อยปี และต้องกินหลังอาหารเป็นเวลาสามวัน นอกจากนี้ยังมีเสื้อผ้าใหม่ ๆ อยู่ข้างในเพื่อที่เขาจะเอาไว้เปลี่ยน
หลี่เหลียงเดินนำทางเป่ยเฟิงเข้าไปในโกดังโดยมีกลุ่มคนทั้ง 10 รอเขาอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นก็เดินขึ้นไปในรถที่จอดเรียงรายหลายคัน
ในไม่ช้ารถ 5 คันก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะหายลับภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของหลี่เหลียง
เป่ยเฟิงนั่งอยู่บนรถแม่เหล็กพร้อมกับความอยากรู้อยากเห็น เขามองสภาพแวมล้อมรอบ ๆ ด้วยความสนใจ แม้ว่าจะเคยเห็นจากความทรงจำของหลี่ฉินเทียนมาแล้ว แต่การได้มาเห็นด้วยตาตัวเองมันน่าตกใจกว่า
อาคารสูงหลายพันเมตรมีอยู่ทั่วไปหมด แต่ละอาคารก็สูงตระหง่านไปบนฟ้า รถจำนวนมากแล่นผ่านท้องฟ้า แม้ว่ามันจะดูเหมือนวุ่นวายแต่มันกลับเป็นระเบียบอย่างมาก
ปลายทางที่เป่ยเฟิงไปนั้นคือเมืองเทียนฮวงซึ้งอยู่ห่างออกไปไกล เมืองเทียนฮวงเป็นหนึ่งในเมืองเล็กทั้ง 365 เมือง มันถูกจัดให้อยู่ในอับดันที่ 182
หอคอยเชื่อมสวรรค์ทั้ง 365 แห่งจะถูกจัดอันดับตามความอันตรายและระดับของทรัพยากรในหอคอย
เมืองเทียนฮวงขึ้นชื่อเรื่องการค้าขายสัตว์สงคราม สัตว์สงครามที่ว่ามันมีพลังขั้นที่สี่ของร้อยปี เมื่อพวกมันเติบโตเต็มวัยพวกมันก็จะมีพลังต่อสู้ยอดเยี่ยมจนเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันสามารถควบคุมได้ง่ายหากมีอายุไม่ถึงปี หลังจากนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุมมัน ดังนั้นหากสัตว์สงครามตัวใดที่ไม่มีท่าทีจะควบคุมได้อีกต่อไปพวกเขาก็จะฆ่ามันแทน
เป่ยเฟิงนั่งอยู่ในรถและมองลงไป ความเร็วของยานพาหนะนี้มันน่าประทับใจมาก เนื่องจากความเร็วของมันนั้นเร็วเหนือเสียง
นอกเหนือจากเป่ยเฟิงแล้ว ยังมีคนคุ้มกันอีก 2 คนอยู่ในรถ อายุของพวกเขาไม่น่าจะถึง 40 ปี สำหรับพลังของพวกเขาที่อยู่ขั้นที่สามของชั้นร้อยปีนั้นถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว นอกจากนี้ผู้นำกลุ่มนี้ยังมีพลังขั้นที่สี่ของร้อยปี ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ มันมีความเป็นไปได้ที่เขาจะมีพลังถึงขั้นราชาพันปีก่อนที่จะอายุถึง 100 ปีเสียอีก !
เป่ยเฟิงถามชื่อผู้นำกลุ่มจึงรู้ว่าเขาชื่อหลี่ปู้ [ลิโป้] เขาเกือบจะหัวเราะออกมาแต่ก็พยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มใจ
ชื่อของเขาช่างเหมือนคนในประวัติศาสตร์ในโลกก่อนของเขามาก หากชื่อของคนอื่นเป็นหลี่ปู้ 1 หลี่ปู้ 2 มันคงจะเป็นเรื่องตลกน่าดู
ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิง เธอมีชื่อว่าหลี่บิง เธอมีพลังขั้นที่สามของร้อยปีระดับสูงสุด และดูเหมือนเธอพร้อมจะตัดผ่านไปได้ตลอดเวลา
กลุ่มของเป่ยเฟิงเดินทางมาถึงลานบินจากนั้นก็ขึ้นเรือเหาะเดินทางไปยังเมืองเทียนฮวง
เรือเหาะนี้คือเรือสงคราม มันสามารถบินด้วยความเร็วเหนือเสียง 5 เท่า มันเหมาะที่จะใช้สำหรับเดินทางไกล อย่างไรก็ตามค่าตั๋วมันแพงมาก กลุ่มของเป่ยเฟิงใช้ไปเกือบ 200,000 HCD ในการเดินทางครั้งนี้
แม้ว่าจะเดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียง 5 เท่า แต่กลับใช้เวลาถึง 5-6 ชั่วโมงกว่าจะถึงจุดหมาย มองลงไปด้านล่างเรือเหาะจะเห็นเค้าโครงของเมือง เพียงแค่มองคร่าว ๆ ก็บอกได้เลยว่าเมืองแห่งนี้มันมีขนาดใหญ่กว่าเมืองที่เขาจากมาถึง 10 เท่า !
เมืองเทียนฮวงเป็นเมืองหลวงของมณฑลโดยรอบ จำนวนคนที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้มีมากกว่า 130 ล้านคน เมืองแห่งนี้ยิ่งใหญ่และเจริญรุ่งโรจน์อย่างมาก
“คืนนี้เราจะพักกันที่นี่ พักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้เราถึงจะไปหอคอยเชื่อมสวรรค์” เป่ยเฟิงบอกกล่าวในขณะเดินนำหน้ากลุ่มเข้าไปในโรงแรมที่รถของเขามาหยุด
หลังจากกินอาหารเย็นมื้อใหญ่ไปแล้ว เป่ยเฟิงก็กลับไปที่ห้องของเขา ห้องสวีทมันมีขนาดใหญ่มาก ห้องแห่งนี้มันมีห้องอยู่ภายในถึง 2 ห้อง คืนหนึ่งของห้องนี้ตกอยู่ที่ 5,000 HCD และถือว่าแพงมาก โรงแรมราคาประหยัดบางแห่งห้องหนึ่งตกที่ 100 HCD ต่อคืนเท่านั้น แต่สำหรับเป่ยเฟิงแล้ว การสูญเสียบางอย่างเพื่อแลกกับความสบายเขายอมรับได้ เพราะเขามีเงินเยอะ
เป่ยเฟิงเดินเข้าไปในห้องเพื่อพักผ่อน ในขณะเดียวกันกลุ่มผู้คุ้มกันของเขาก็ยืนเฝ้าอยู่นอกประตู 2 คน
“มรดกของนิกายหยินหยาง แย่จริงที่เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ถ้าข้ามีครบละก็ … ไม่อยากจะคิด !” เป่ยเฟิงนึกถึงมรดกนิกายหยินหยางที่อยู่ในจิตวิญญาณของเขา เขารู้ดีว่ามันต้องเป็นสมบัติล้ำค่าแน่นอนเพราะมันต้องใช้คะแนนประสบการณ์ถึง 100,000 แต้มในการแปล
มรดกชิ้นนี้เป็นศิลปะทางด้านดาราศาสตร์โดยการใช้ดวงดาวในการคำนวณโชคลาภและภัยพิบัติ นอกจากนี้ยังมีคำสาปและเวทมนตร์บางส่วนบันทึกเอาไว้ รวมไปถึงวิธีการสร้างหอดวงดาวให้เหมาะในแต่ละที่เพื่อใช้ในการดึงดูดพลังงานเข้ามา
เมื่อเป่ยเฟิงเห็นวัสดุที่ใช้ในการสร้างหอดวงดาว เขารู้สึกราวกับตัวเองเป็นผีที่น่าสงสารที่ไม่มีอะไรเลย วัสดุที่ใช้ในการสร้างหอดวงดาวมันแพงเกินไป !
ใช่แล้ว ดาวดวงนี้มีวัสดุเหล่านี้ แต่คุณสมบัติของตระกูลหลี่ยังไม่เพียงพอที่จะเอามันมาได้ แม้แต่วัสดุหลัก ๆ เพียงอย่างเดียวก็ยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ !
“มันยังมีเวลาอีกมากกว่าจะสร้างหอดวงดาวได้ เอาล่ะ ดูเหมือนพวกคำสาปพวกนี้จะเข้าใจง่ายกว่าส่วนอื่นเยอะ”
เป่ยเฟิงถอนหายใจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นมันต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก หากเขาอยู่ในตระกูลหลี่ตลอดทั้งวันมันอาจจะต้องใช้เวลา 2-3 ปี กว่าเขาจะฟื้นพลังที่เคยครอบครองกลับมาได้ !
เป่ยเฟิงเปิดหน้าต่างและนั่งลงโดยอยู่ในท่าทางที่ร่างทั้งร่างสามารถรับแสงจันทร์สีม่วงได้ หลังจากนั้นไม่นานพลังงานสีม่วงจำนวนมากก็ไหลเข้ามาในร่างของเขา
ค่ำคืนผ่านไปอย่างสงบ หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จแล้วเป่ยเฟิงก็เดินนำทุกคนไปยังหอคอยเชื่อมสวรรค์
นี่เป็นครั้งแรกที่เป่ยเฟิงมาเห็นหอคอยเชื่อมสวรรค์ มันเป็นหอคอยสีดำหม่นที่มีความสูงหลายพันจาง บนผนังของหอคอยมีการแกะสลักดอกไม้ นก ปลา สิ่งสวยงามต่าง ๆ รวมไปถึงสัตว์บินได้
หอคอยเชื่อมสวรรค์ถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายโบราณราวกับการบ่งบอกได้ว่ามันคือสิ่งที่ถูกหลงเหลือทิ้งเอาไว้จากคนรุ่นก่อน