Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 493
เป่ยเฟิงส่ายหน้าและปล่อยให้พวกเขาทำตามที่ต้องการ
“เราอยู่ในเมืองและมันก็ไม่มีอันตรายอะไร งั้นแบ่งเป็น 2 กลุ่มซะ กลุ่มแรกมากินอาหารกับข้า ส่วนอีกกลุ่มก็ห่ออาหารกลับไปกินที่โรงแรมซะ”
เป่ยเฟิงไม่ใช่คนใจดำอมิต เขาจึงเลือกทางเลือกใหม่ให้พวกเขา
“ขอบคุณนายท่าน”
หลี่ปู้เลือกที่จะตอบรับ จากนั้นเขาก็เลือกคน 5 คนแล้วนั่งข้างเป่ยเฟิงและเริ่มสั่งอาหารทันที ส่วนหลี่ปู้ส่วนคนที่เหลือก็เฝ้าระวังอยู่รอบ ๆ
พ่อครัวของร้านทำอาหารเร็วมาก ผ่านไปไม่นานอาหารที่สั่งก็ค่อย ๆ ทยอยลงมาเสิร์ฟ
กุ้งดอกบัวมันดูคล้ายกับกุ้งมังกรและปู แต่รสชาติของมันอร่อยมาก โดยเฉพาะไข่กุ้ง ไข่มันลื่นไหลและอร่อยมาก กุ้งมันมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับกำปั้นผู้ใหญ่ แต่มันกลับเป็นถึงสัตว์อสูรระดับ 2 มันสามารถสู้กับคนธรรมดา 10 คนบนโลกเดิมได้สบาย ๆ
ส่วนอีกจานคืออัลบาทอสนภาซึ้งมันมีอยู่ทั้งหมด 8 ตัว นอกจากบัลบาทอสแล้วก็ยังมีพวกถั่วกับน้ำจิ้มบางอย่าง มันไม่ได้มีปรุงอะไรมากนักเนื่องจากต้องการดึงรสชาติดั้งเดิมของมันออกมาให้สมบูรณ์แบบที่สุด
จากนั้นคือเหล้าร้อยดอกไม้ เหล้าที่นำมาเสิร์ฟนั้นมีเพียง 1 จิน แต่ทว่าเหล้าเพียงแค่นี้กลับแพงกว่าอาหารทุกจานบนโต๊ะร่วมกัน !
เหล้านี้คือเครื่องดื่มพิเศษที่ทำจากน้ำผึ้งชนิดหนึ่ง ซึ้งเกิดการที่ผึ้งรวบรวมดอกไม้จิตวิญญาณหลายร้อยสายพันธุ์มาทำเป็นน้ำผึ้ง ซึ้งผึ้งที่ว่านั่นมีคือผึ้งลายดำ ซึ้งมันมีพลังอยู่ที่ขั้นสองของร้อยปี นอกจากนี้กระบวนการทำน้ำผึ้งของมันก็ซับซ้อนมาก
เหล้ามันดูเหมือนกับเยลลี่ มันนิ่มนุ่มและเบาบาง กลิ่นหอม ๆ ของมันแผ่กระจายไปลอย ๆ กลิ่นหอมทำให้รู้สึกได้ถึงทะเลดอกไม้จิตวิญญาณ รสชาติของมันหลังจากที่ได้ลองอมในปากแล้วมันราวกับอมดอกไม้สบาย ๆ
หลังจากนั้นเมื่อกลืนมันลงไป รสชาติของมันก็เปลี่ยนเป็นร้อนแรงราวกับไฟที่ลุกโชนอยู่ในกระเพาะอาหาร
นอกจากนี้เหล้านี้ยังมีสิ่งที่พิเศษอีกอย่างก็คือแม้ว่าจะกินไปจำนวนมากแต่มันกลับไม่เมาและไม่มีกลิ่นแอลกอฮอลเลยซักนิด
เป่ยเฟิงพอใจกับมื้ออาหารนี้มาก แม้ว่าจะเป็นร้านอาหารข้างถนนแต่ก็ทำให้เขาพอใจไม่น้อย อาหารเหล่านี้มันมีคุณค่าสำหรับผู้ฝึกตนอย่างมาก นอกจากนี้ต่อให้คนที่มีพลังขั้นหนึ่งของร้อยปีก็ยังสามารถกินมันได้อย่างสบาย ๆ
หลังจากกินอาหารเสร็จแล้วเป่ยเฟิงก็กลับไปที่โรงแรมจากนั้นก็นั่งลงที่หน้าต่าง เซลล์เก่า ๆ ในร่างของเขาถูกทดแทนจนหมดแล้ว หากใช้กล้องจุลทรรศน์มามองเซลล์ของเขาในตอนนี้ก็จะเห็นได้ว่ามันเต็มไปด้วยพลังและความหนาแน่นเหมือนเมล็ดทับทิม
เลือดและฉีของเขาก็เช่นกัน หลังจากผ่านการกลั่นมาเป็นเวลานานพร้อมกับกินเนื้อสัตว์อสูรไปจำนวนมาก มันทำให้เลือดเก่า ๆ จากร่างเดิมที่เป็นของหลี่ฉินเทียนถูกชำระล้างออกไปจนหมดแล้ว
เลือดชุดใหม่ที่ถูกทดแทนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความหนาแน่น !
โครงกระดูกของเดิมสีขาวหมองคล้ำก็เปลี่ยนมาเป็นสีขาวสว่างเจิดจ้าและมันวาวเหมือนหยก
“ดูเหมือนจะรักษารากฐานของร่างกายจนเสร็จแล้ว ขั้นต่อไปก็คือตัดผ่านระดับของขั้นสองระดับร้อยปีขั้นแรกไป” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเอง
สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้ไม่ใช่ความเร็ว แต่เป็นการรักษารากฐาน !
หากไม่ใช่เพราะการรักษารากฐาน การตัดผ่านไปยังขั้นที่สามของร้อยปีมันก็เป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับเขา
‘น่าเสียดายวิชาลับของข้าจริง ๆ’
เป่ยเฟิงถอนหายใจออกมาด้วยความเสียหาย วิชาลับกายาผสานหยวนมันมีประโยชน์กับเขาอย่างมาก มันช่วยเพิ่มโอกาสในการมีชีวิตรอดของเขาได้หลายครั้ง
แต่เมื่อคิดถึงของที่อยู่ในแหวนมิติที่เขาสูญเสียไป เขาก็เริ่มเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ! ข้างในมันมีต้นส่องประกายแห่งพระเจ้าอยู่ !
สุดท้ายเขาก็ส่ายหัวเลิกคิดถึงมัน ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งปวดหัวมากเท่านั้น
‘มรดกหยินหยางนี้เหมาะกับข้ามาก น่าเสียดายที่ไม่มีคนคอยชี้แนะ สงสัยข้าจะต้องพึ่งพาตัวเอง’
เป่ยเฟิงรู้สึกเหมือนกำลังมองภูเขาสมบัติ แต่ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเอามันมาได้ คู่มือนี้มันไม่ใช่คู่มือสมบูรณ์ มันเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น
คู่มือหยินหยางมันมีทักษะมหัศจรรย์และลี้ลับจำนวนมากที่รอคอยให้เป่ยเฟิงค้นหาอยู่ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีคนคอยชี้แนะและทำได้เพียงพยายามทำความเข้าใจด้วยตัวเอง
ยิ่งเขาดูคู่มือหยินหยางมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งชอบมันมากขึ้น ทักษะต่าง ๆ ที่อยู่ในคู่มือมันใช้พลังจากดวงดาวทั้งหมด นั้นหมายความว่ามันเข้ากันได้กับเคล็ดการหายใจด้วยแสงดาวของเขา
‘ดูเหมือนอีกไม่นานข้าใกล้จะเรียนรู้มันได้แล้วสินะ’
เป่ยเฟิงไม่ได้กังวลมากนัก ในช่วงนี้เขาต้องฟื้นฟูพลังไปก่อนดังนั้นจึงไม่มีเวลาพอที่จะทำความเข้าใจของมันมากนัก
มรดกหยินหยางนั้นจะมุ่งเน้นไปที่พลังจิตและพลังจากดวงดาว และสำหรับเป่ยเฟิงแล้วหากเขาได้เรียนรู้มัน ความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็จะเหมือนทะยานด้วยจรวดทันที
เช้าวันต่อมา เป่ยเฟิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แม้ว่าเมื่อคืนเขาจะไม่ได้นอนเลยแต่สภาพจิตใจของเขาในตอนนี้ดีเยี่ยม เขาเพียงทำสมาธิก็สามารถทดแทนการนอนหลับได้ เป่ยเฟิงจึงอยู่ในสภาพคล้ายกับการฝึกตนอยู่ตลอดทั้งคืน
เลือดและฉีของเขาหมุนเวียนไปทั่วร่างตลอดทั้งคืนเพื่อฟื้นพลังของเขา
“ไปกันเถอะ”
เป่ยเฟิงกวักมือเรียกผู้คุ้มกันของเขา
จากนั้นทั้งกลุ่มก็มารวมตัวกันและเดินเข้าไปในภูเขาร้อยทำลาย !
ภูเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า แสงอาทิตย์กว่า 99 % ถูกปิดกั้นด้วยใบหนา ๆ นอกจากนี้ยังมีเถาวัลจำนวนมากที่พันรอบต้นไม้ราวกับงูเหลือมตัวใหญ่
เสียงร้องและเสียงคำรามจำนวนมากดังขึ้นเป็นครั้งเป็นคราวทำให้ตกใจเล่น
กลุ่มของเป่ยเฟิงเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจสิ่งใดโดยมีผู้คุ้มกัน 2 คนเดินนำหน้าเขาในขณะที่เป่ยเฟิงอยู่ตรงกลางและอีก 8 คนอยู่รอบตัวเขา
พวกเขายังอยู่ที่ขอบด้านนอกของภูเขา มันจึงไม่มีสัตว์อสูรที่สร้างปัญหาให้กับพวกเขาได้
ในป่าแห่งนี้แห่งนี้มันไม่ได้มีเพียงสัตว์อสูรที่อันตรายเท่านั้น ในบางครั้งมนุษย์ก็น่ากลัวกว่าพวกมัน ! หากอีกฝ่ายไม่มีเงินและเห็นว่าพวกเขามีสิ่งของมูลค่ามหาศาลยู่ อีกฝ่ายก็เต็มใจที่จะแย่งชิงมันมาให้ได้แน่นอน
นักล่าส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ และมันมีบางกลุ่มที่ไม่ได้ออกล่าสัตว์อสูรหรือสมุนไพร แต่พวกเขาล่าบางอย่างที่เจาะจงโดยเฉพาะ !
กลุ่มที่สร้างขึ้นมาเพื่อล่าบางอย่างนั้นพวกเขาจะเดินทางกันเร็วมาก เส้นทางที่พวกเขาผ่านไปจะเต็มไปด้วยร่องรอยการทำลายล้างจำนวนมาก พวกเขารีบเดินทางเพื่อไปล่าบางอย่างที่พวกเขาต้องการโดยไม่สนใจว่ามันจะไกลแค่ไหน แต่พวกเขาต้องการให้ไปถึงเร็วที่สุด หากเป็นคนธรรมดาได้มายืนอยู่ในป่าแห่งนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดินไปได้ 5 ลี้ในหนึ่งวัน !
แมงมุมสีสันสดใสขนาดเท่าฝ่ามือพุ่งออกมาจากต้นไม้ไปหาผู้คุ้มกันคนหนึ่ง คน ๆ นั้นปัดนิ้วออกไปจากนั้นแมงมุมตัวนั้นก็แตกสลายเป็นชิ้น ๆ
“ฟึ่บ ฟึ่บ !”
หลี่ปู้เดินข้าง ๆ เป่ยเฟิงโดยมีหลี่บิงคอยออกคำสั่งทีม ทันใดนั้นเสียงบางอย่างก็ดังขึ้นข้างหน้าทำให้ทุกคนใบหน้าเต็มไปด้วยความตรึงเครียด
“ระวัง !”
“แตะ แตะ”
กระต่ายอวบอ้วนขนปุยกระโดดออกมาจากพุ่มไม้มองมาที่พวกเขา ฟันคู่ขนาดใหญ่ของมันยาวออกมา 20 ซม. มันดูคมอย่างมาก
“โธ่เอ้ย ก็แค่กระต่ายนักเลง”
กระต่ายนักเลงมองพวกเขาด้วยใบหน้าใสซื่อ มันกอดแครอทสีม่วงไว้ในอ้อมแขน และจากนั้นมันก็มองคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้มันด้วยดวงตาดุร้าย ในไม่ช้าดวงตาของมันก็เปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมกับกล้ามเนื้อที่พองขึ้นราวกับลูกโป่ง ฟันหน้าของมันก็ปลดปล่อยฉีเครือบออกมา !
“ฉับ !”
เสียงดาบเก็บเข้าไปในฝัก จากนั้นหลี่บิงก็ถอยหลังออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องจากโดนเลือดของกระต่าย
พวกเขามีข้อมูลที่เกี่ยวกับหอคอยสวรรค์มากมายที่ได้รวบรวมมา ในข้อมูลเหล่านั้นมันมีประเภทของสิ่งมีชีวิตและสมุนไพรจิตวิญญาณและอื่น ๆ อีกจำนวนมาก ชื่อเสียงของเจ้ากระต่ายสายพันธุ์นี้ก็ไม่ค่อยจะดีนัก
กระต่ายนักเลงเป็นสัตว์ที่ชอบทำร้ายผู้คนไปทั่ว ดังนั้นมันจึงได้ชื่อว่ากระต่ายนักเลง แม้ว่ามันจะดูไร้เดียงสาแต่มันกลับทำร้ายทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นพันธุ์เดียวกัน เผ่าพันธุ์อื่น ๆ ทั้งมนษย์และสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ หากไม่สามารถเอาชนะมันได้มันคงจะดีกว่าที่จะจบชีวิตตัวเองลงแทนที่จะต้องแบกรับความอับอายที่จะตายด้วยน้ำมือกระต่ายเหล่านี้
เป่ยเฟิงทำการบ้านมาดี เขาสามารถจดจำสมุนไพรวิญญาณทั้งหมด 48,600 ชนิดได้ นอกจากนี้ยังมีสัตว์อสูรอีก 13,500 ชนิดทั้งรูปร่างและลักษณะพิเศษของมัน
ข้อมูลทั้งหมดถูกรวบรวมไว้โดยกลุ่มนักสำรวจ แน่นอนว่าหากค้นพบสัตว์อสูรชนิดหากรายงานให้กับพวกเขาทราบก็จะได้รับรางวัลทันที แน่นอนว่าข้อมูลที่มอบให้ต้องเป็นที่ไม่ค้นพบจริง ๆ หากตรวจสอบแล้วเป็นจริงก็จะมีการมอบของรางวัลเป็นเงินมากกว่า 10,000 HCD ให้ทันที
แม้ว่ามูลค่าจะไม่สูงนักแต่จำนวนคนที่เข้ามาในหอคอยเชื่อมสวรรค์ในแต่ละวันมีกี่คนกัน ? หากมีการค้นพบทีเดียวกันหลายหมื่นคน มันจะกลายเป็นเงินมูลค่ามหาศาล !
แม้ว่ากลุ่มของเป่ยเฟิงจะเดินหน้าช้า ๆ แต่พวกเขาก็เจอกับเจ้าตัวน้อยน่าตลกไปแล้วถึง 6 ครั้ง
กลุ่มของพวกเขายังคงเดินหน้าต่อไป
อาหารกลางวันวันนี้คือหมูป่าดำย่างที่พวกเขาไปจับมา นอกจากนี้ยังมีจักรพรรดิแมงป่องอีกตัว
พวกเขาเตรียมหลายอย่างมาดีตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง พวกเขาอยู่ในหอคอยเชื่อมสวรรค์ดังนั้นเรื่องเสบียงมันจึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก พวกเขาจึงพกมาแต่วัตถุดิบใช้ปรุงรส
มีหลายอย่างที่กินได้แค่ที่นี่และไม่สามารถหากินได้ในเมือง อย่างหมูป่าดำตัวนี้ มันเป็นสัตว์อสูรขั้นสามของร้อยปี เนื้อของมันมีความสมดุลกันระหว่างเนื้อไขมันและเนื้อไม่ติดมัน เนื้อเหล่านี้กินแล้วไม่อ้วนแต่ก็ไม่เลี่ยน มันเป็นเนื้อชั้นสูงก็ว่าได้
สัตว์อสูรตัวนี้มันจะมีมูลค่าอย่างน้อย 100,000 HCD หากอยู่ในโลกภายนอก มันง่ายมากสำหรับผู้ฝึกตนที่จะมาหารายได้ในที่แห่งนี้ แต่มันก็ง่ายมากเช่นกันที่พวกเขาจะสูญเสียพวกมันไป ทักษะการต่อสู้และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของพวกเขามันก็ต้องใช้เงินมหาศาลในการได้มันมาเช่นกัน
พวกเขาตั้งแคมป์กันใกล้ ๆ ลำห้วยเล็ก ๆ หมูป่าดำตัวนี้มีน้ำหนักหลายพันจิน ในไม่ช้ามันก็ถูกทำความสะอาดและเตรียมทำเป็นอาหาร
ชายคนหนึ่งเดินไปที่หมูพร้อมกับมีดคม ๆ ในมือ หลังจากนั้นเขาก็ฟันอากาศไปหลายครั้ง จากนั้นเนื้อขนาดใหญ่จำนวนมากก็ค่อย ๆ ถูกหั่นแล้วหล่นลงไปกองอยู่ด้านล่าง แต่ละชิ้นมันมีขนาดใกล้เคียงกันมาก
อีกคนก็หาหินสีดำ หลังจากนั้นก็ทำความสะอาดและกองหินไว้ใต้แผ่นหิน
หลังจากจุดไฟจนอุณหภูมิเหมาะสมแล้ว ก็เอาไม้คาร์บอนจำนวนมากที่ลุกไฟวางไว้ใต้แผ่นหินที่มีหินสีดำอยู่
หลังจากนั้นก็ทาน้ำมันหมูไปที่แผ่นหินแล้วก็ค่อย ๆ เอาเนื้อชิ้นใหญ่วางไว้บนหินและเริ่มทำอาหาร
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเนื้อก็เริ่มส่งกลิ่นพร้อมกับสีที่เปลี่ยนไป
กลิ่นของมันเบาบางมาก มันทำให้รู้สึกได้ถึงท้องที่ร้องออกมาเบา ๆ
เป่ยเฟิงหยิบเนื้อขึ้นมาด้วยตะเกียบ จากนั้นก็จุ่มลงไปในซอสที่เตรียมไว้และเอาเข้าปากของเขา
เมื่อมันเข้าปาก ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง จากนั้นก็หยิบขึ้นมาอีกชิ้น
ไขมันในเนื้อมันอยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบ ไขมันมันมีเล็กน้อยและไม่ได้มากเกินไป มันเป็นเพียงเงาชั้นไขมันบาง ๆ ซึ้งเมื่อกินเข้าไปแล้วมันกลับเต็มไปด้วยความสดชื่น หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยรสชาติเบาบางและอ่อนนุ่ม
รสชาติของมันอร่อยจนยากจะบรรยาย หลังจากเคี้ยวไม่กี่คำมันก็มีแต่ความปรารถนาที่จะเอามันเข้ามาในปากอีกชิ้น
หลังจากกินเนื้อหมูป่าดำไปบางส่วนแล้ว เป่ยเฟิงก็หันมาให้ความสนใจกับแมงป่องจักรพรรดิบ้าง เมื่อได้ลิ้มรสของเนื้อหมูป่าดำไปแล้ว ตอนนี้เขาจึงคาดหวังกับรสชาติของแมงป่องจักรพรรดิมาก
แมงป่องจักรพรรดิมันใหญ่มาก มันเป็นสัตว์อสูรขั้นสามของร้อยปี ร่างของมันเปคลือบไปด้วยลวดลายสีทองที่ปกคลุมไปทั่วเปลือกสีดำของมัน มันดูลึกลับอย่างมาก หากมองมันดี ๆ จะเห็นได้ถึงความเย็นชาและดุร้ายที่แผ่ออกมาจากตัวมัน
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับมันก็คือพิษของมัน ! เพียงแค่หยดเดียวก็ทำฆ่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสองของร้อยปีได้แล้ว นอกจากพิษแล้ว สิ่งที่ทำให้มันทรงพลังลำดับต่อไปนั้นก็คือร่างกายของมัน !