Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 521
ผู้ฝึกตนที่มีพลังตั้งแต่ราชาพันปีขึ้นไปจะเข้าใจวิถีแห่งเต๋าของพวกเขาได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันอาวุธที่เติบโตไปพร้อมกับเขามันก็จะเปลี่ยนตัวเองไปด้วย แม้แต่อาวุธที่ธรรมดาที่สุดก็ยังสามารถสร้างสติปัญญาของตัวเองได้ !
นอกจากนั้น อาวุธเหล่านี้ยังมีพลังงานมหาศาล แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นร้อยปีก็สามารถใช้มันฆ่าผู้ที่มีพลังต่ำกว่าระดับราชาพันปีได้อย่างง่ายดาย !
อาวุธเช่นนี้ถูกมองว่าเป็นไพ่ลับสุดท้ายสำหรับตระกูลใหญ่ หลังจากที่ชิหลินกลืนยาลงไป แรงกดดันของเขาก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูพร้อมกับพละกำลังที่ค่อย ๆ กลับมา แผลบนหน้าอกของเขาปิดสนิทแล้วหลงเหลือแต่แผลเป็นที่ลากยาว
“กี้ !”
เสียงร้องดังก้องพร้อมกับกระต่ายนักเลงที่กระโดดออกมา หน้าอกของมันขาดจนเผยให้เห็นหัวใจที่เต้นแรงอยู่
เลือดสีม่วงไหลออกมาจากบาดแผลของมันอย่างต่อเนื่องจนทำให้พื้นเต็มไปด้วยเลือดจากนั้นก็ก่อตัวกลายเป็นผนึกสีม่วง
มีพลังบางอย่างติดอยู่ที่บาดแผลของกระต่ายนักเลงทำให้มันไม่สามารถรักษาตัวเองได้
พลังฉีอสูรของกระต่ายนักเลงพุ่งสูงทะลุชั้นฟ้าครอบคลุมมันทั้งหมดจากนั้นก็ก่อตัวกลายเป็นก้อนเมฆสีดำขนาดใหญ่
“เป็นไปได้ยังไงกัน !”
ชุยหยุนเทียนอ้าปากกว้างพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ
ดวงตาของเขามองไปยังร่างครึ่งหนึ่งของกระต่ายนักเลงที่นอนอยู่บนพื้น และอีกครึ่งหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสน กระต่ายนักเลงตัวนี้มันยังยืนอยู่ต่อหน้าเขาได้ยังไงกัน !
“พลังวิญญาณที่สี่ !” ชุยหยุนเทียนพึมพำด้วยความตกใจ
เขาเกือบจะเสียสติเพราะความตกใจนี้ ใครจะไปคิดกันว่าสัตว์อสูรที่มีสายเลือดระดับต่ำจะสามารถสร้างพลังวิญญาณที่แตกต่างกันไดถึง 4 แบบทั้ง ๆ ที่มันเพิ่งก้าวมาถึงระดับราชาพันปี !
ในขณะเดียวกัน แรงกดดันของกระต่ายนักเลงเองก็ลดลงอย่างมาก ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีพลังระดับราชาพันปี !
ชุยหยุนเทียนบาดเจ็บสาหัส แต่เดิมเขาสามารถฆ่ากระต่ายนักเลงได้ แต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะมีพลังที่สามารถต่อต้านความตายของตัวเองได้ !
“ชิหลินตอนนี้เองก็ใกล้ตายอยู่ร่อมร่อ แล้วข้าจะไปหาใครมาสู้กับมันได้ ?” ชุยหยุนเทียนพูดพึมพำด้วยความกังวลก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ
ทันใดนั้นเขาก็หันไปเห็นเป่ยเฟิง
ชุยหยุนเทียนทำเสียงฮึดอัดและพูดขึ้น “ฆ่ามัน ! ฆ่ามันซะแล้วข้าสัญญาว่าจะมอบทุกอย่างที่เจ้าต้องการ 3 อย่าง !”
‘บัดซบ !’
ใบหน้าของเป่ยเฟิงเปลี่ยนสีพร้อมกับสบถในใจ นี่มันวิธีที่ฉลาดในการเบี่ยงปัญหาไปให้คนอื่น ! ทันใดนั้นเขารู้สึกได้ถึงดวงตาคุกคามที่กำลังมองมาที่เขา
เขาเงยหน้าขึ้นแล้วพบกับดวงตาสีแดงของกระต่ายนักเลงที่มองมาทางเขา
“กี้ !”
กระต่ายนักเลงพุ่งเข้าหาเป่ยเฟิงทันที
กระต่ายนักเลงกลัวชุยหยุนเทียนเล็กน้อยเนื่องจากมันเกือบตายเพราะอาวุธที่น่ากลัวในมือของเขา
ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนเป้าหมายเพื่อระบายความโกรธของมัน เป่ยเฟิงเองก็ไม่น้อยหน้า เขาลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้าหามันเช่นกัน !
กระต่ายนักเลงบาดเจ็บสาหัสและความสามารถด้านการใช้พลังวิญญาณของมันก็ไม่มีแล้ว มันในตอนนี้ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้ !
คู่ต่อสู้แบมันหากเลือกที่จะหันหน้าหนีคงมีโอกาสตายมากกว่าที่จะหันหน้าเข้าสู้ !
“วิชาดวงดาว วงแหวนดวงดาว !”
“วิชาดวงดาว ลำแสงดวงดาว !”
“วิชาดวงดาว โล่ดวงดาว”
มือของเป่ยเฟิงขยับไปมาด้วยความเร็วที่ยากจะมองทัน เขาร่ายวิชา 3 วิชาติดต่อกันทันที พลังงานดวงดาวกว่า 1 ใน 3 ของเขาที่อยู่ในคฤหาสแห่งดวงดาวถูกใช้ไปในทันที
“อินทรีหมี ฟาดฟัน !”
เป่ยเฟิงไม่กล้าประมาท เขาใช้เทคนิคสังหารทันที !
ภาพของหมีและอินทรีหลอมรวมกันด้วยวิถีแห่งเต๋าของเป่ยเฟิง จากนั้นก็พุ่งไปหากระต่ายนักเลง !
“กี้ !”
กระต่ายนักเลงไม่ได้หลบหรือป้องกัน มันยกขาซ้ายขึ้นเตะไปที่อินทรีหมีฟาดฟันอย่างโหดเหี้ยม !
เป่ยเฟิงลดความเร็วลงพร้อมกับโยกตัวหลบ อย่างไรก็ตามกระต่ายนักเลงยังคงเร็วกว่าเขา !
เป่ยเฟิงใช้อินทรีหมีฟาดฟันอีกครั้งและบังคับให้กระต่ายนักเลงถอยหลัง แต่ในขณะที่เขาทำแบบนั้นเขาก็ต้องเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก !
เป่ยเฟิงกัดฟันและตะโกนด้วยความโกรธ “ไอ้หน้าหวานบัดซบ อย่าให้ข้าเห็นหน้าแกอีกแล้วกัน !”
มีหลุมขนาดใหญ่ปรากฏตรงต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์และต้นไผ่เองก็หายไปด้วยเช่นกัน
ชุยหยุนเทียนและชิหลินเองก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย สิ่งที่ทำให้เขาโกรธมากคือค่ายกลยังทำงานอยู่ !
เขาถูกขังอยู่ในที่แห่งนี้พร้อมกับกระต่ายนักเลงตัวนี้ นี่มันกะจะไม่ไว้ชีวิตเขาอยู่แล้ว !
กระต่ายนักเลงเองก็เพิ่งจะรู้ตัวว่ามันบางอย่างผิดปกติ มันคำรามด้วยความโกรธจากนั้นก็ไม่สนใจเป่ยเฟิงอีกต่อไป มันใช้เท้าของมันเตะไปที่ค่ายกล !
อย่างไรก็ตามมันไร้ประโยชน์ ระลอกคลื่นขนาดใหญ่ปรากฏบนค่ายกลก่อนจะหายไป !
“โฮก !”
กระต่ายนักเลงเงยหน้าขึ้นแล้วร้องโหยหวนพร้อมกับหันไปหาเป่ยเฟิง
เป่ยเฟิงส่ายหน้าและพูดขึ้น “มีเหตุผลหน่อยน่า ! ต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ถูกคนอื่นขโมยไป และแน่นอนว่าแกฆ่าข้าไม่ได้เช่นกัน !”
“โฮก ! เจ้าพวกมนุษย์สมควรตาย ! พวกแกมาที่นี่เพราะต้องการขโมยโชคชะตาของข้า แกก็ไม่แตกต่างจากพวกมันหรอก !”
คำพูดของกระต่ายนักเลงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ปากของเป่ยเฟิงกระตุกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกระต่ายที่โกรธแค้นตัวนี้ ดู ๆ ไปแล้วเขาคงหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้
“เคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์ !”
ชั้นหมอกปรากฏด้านหลังเป่ยเฟิงพร้อมกับดวงตาคู่หนึ่งส่องประกายออกมาจากหมอกสีดำ !
คลื่นแปลกประหลาด 3 ลูกหล่นลงมาจากท้องฟ้าแล้วพุ่งเข้าหากระต่ายนักเลงอย่างต่อเนื่อง !
“กี้ !”
กระต่ายนักเลงกระโดดด้วยความตกใจก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ ด้วยความตกใจและสับสน
“ข้าทำได้แค่ใช้คำสาประดับ 3 ไม่กี่ทีเท่านั้น”
เป่ยเฟิงไม่รู้ว่าคำสาประดับ 3 มันอันตรายมากน้อยแค่ไหนสำหรับผู้ที่มีพลังขั้นราชาพันปี แต่เขาก็ยังคงส่งพวกมันทั้งหมดไปหากระต่ายนักเลง !
กระต่ายนักเลงหันไปมองรอบ ๆ ด้วยความสงสัยก่อนจะยืนยันได้ว่าไม่มีอะไรแปลก ๆ มันถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่มันรู้สึกได้ถึงลางร้ายบางอย่างเมื่อครู่ มันดูน่ากลัวเกินไป !
“กี้ !”
มันส่งเสียงดังอีกครั้งก่อนจะหันไปมองเป่ยเฟิงด้วยความเกลียดชัง มันกระโดดเข้าหาเขาแล้วเตะเขาทันที !
เป่ยเฟิงเองก็เตรียมพร้อมไว้แล้ว เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างแรงจนพื้นแตก จากนั้นอินทรีหมีฟาดฟันก็ปรากฏตัวในมือเขาอีกครั้ง การใช้อินทรีหมีซ้ำ ๆ มันทำให้ร่างกายของเป่ยเฟิงรับภาระหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามยิ่งเขาใช้มันเขาก็ยิ่งเข้าใจและเชี่ยวชาญมันขึ้นทีละนิด
กล้ามเนื้อขาที่ทรงพลังของกระต่ายนักเลงบีบรัดอย่างต่อเนื่อง เพียงแค่มองก็ทำให้ใจสั่นได้แล้ว ความแข็งแกร่งของกระต่ายร้อยละ 99 อยู่ที่ขาของมัน แม้ว่าการโจมตีนี้จะไม่ได้ใช้พลังวิญญาณ แต่มันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมากเท่าไหร่นัก !
หลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่เท้าของมันเมื่อมันพุ่งเข้าหาเป่ยเฟิง มันราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ที่พุ่งไปหาเขา !
“กี้ !”
“ปัง !”
ทันใดนั้นมันก็ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด กล้ามเนื้อขาของมันตะคริวกิน !
กระต่ายนักเลงพุ่งผ่านอากาศแล้วกระแทกพื้นอย่างแรงตรงหน้าเป่ยเฟิง !
ใบหน้าของเป่ยเฟิงว่างเปล่า กระต่ายตัวนี้มันกำลังทำบ้าอะไรอยู่ ?
เขาตกใจเสี้ยววินาทีก่อนจะรู้สึกตัวทัน เขารีบทุบหัวมันโดยไม่ลังเล !
“ปัง !
พื้นสั่นสะเทือนอย่างแรง กระต่ายนักเลงถูกตอกลงพื้นจนเหลือเพียงหางของมันที่โผล่ออกมาจากพื้น
ไม่มีที่ให้เขาทุบตีแล้ว เป่ยเฟิงหอบหายใจอย่างหนัก การทุบตีใครซักคนนี้ช่างเป็นกิจกรรมที่ยากลำบากจริง ๆ !
เป่ยเฟิงมองมันเล็กน้อยก่อนจะพูดพึมพำกับตัวเองด้วยความไม่แน่ใจ “มันน่าจะตายแล้วมั้ง ?”
เมื่อเขาทุบมันครั้งแรกก็จมตัวมันลงไปกว่าครึ่งแล้ว แต่เขาทุบมันซ้ำ ๆ จนแทบไม่เหลือตัวมันให้เห็น
หลุมขนาดใหญ่นี้ดูแล้วน่าจะลึกหลายสิบเมตร และทุก ๆ ครั้งที่เขาดูมันน่าจะเจ็บปวดมากน่าดู
“กี กี้ !”
“แกร๊ก !
เสียงดังออกมาจากใต้ดินพร้อมกับรอยแตกขนาดใหญ่ที่ค่อย ๆ แตกออกมาจากหลุม
เป่ยเฟิงรู้สึกงุนงงพร้อมกับมองมือที่เปื้อนเลือดของเขา “มันยังไม่ตายอีก ?”
โดยไม่ต้องรอให้เป่ยเฟิงคิดได้ทัน ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็โผล่ออกมาจากดินมาปรากฏตรงหน้าเขา
มันคือกระต่ายนักเลงที่สูงกว่า 5 เมตร กล้ามเนื้อขนาดใหญ่และทรงพลังปรากฏเต็มร่างมัน นอกจากนี้หันมองดี ๆ จะเห็นได้ว่ากล้ามเนื้อของมันแข็งราวกับทำมาจากเหล็ก
“อุกกก !”
เป่ยเฟิงเงยหน้าขึ้นแล้วรีบปิดปากบิดตัวเอง จากนั้นเขาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างดัง
ใบหน้าที่เคยน่ารักของกระต่ายนักเลงถูกทุบตีจนบวม ปากของมันบิดเบี้ยวและตาของมันก็เอียง รอยช้ำขนาดใหญ่ที่มีสีเขียวและสีม่วงเรียงราวเต็มหน้า จมูกของมันก็เต็มไปด้วยเลือดสีม่วง
“กี กี้ !”
สติปัญญาของมันไม่ได้ต่ำกว่ามนุษย์ และมันก็เข้าใจทันทีว่าเจ้าสารเลวตัวน้อยนี้กำลังหัวเราะมันอยู่ ! ทันใดนั้นความอัปยศก็เปลี่ยนเป็นความโกรธ !
มันเป็นเรื่องน่าอัปอายอย่างมากหากบอกเรื่องนี้กับคนอื่น กระต่ายนักเลงที่มีพลังขั้นราชาพันปีโดนตะคริวกินที่ขาก่อนจะเตะอีกฝ่ายได้ จากนั้นก็ลงเอยด้วยการถูกทุบตีเต็มหน้า
นี่เป็นเรื่องน่าอัปยศอดสูเกินไป เจ้ากระต่ายตัวนี้เพิ่งก้าวมาถึงขั้นราชาพันปีไม่นานมานี้ แต่ในพริบตามันก็ถูกเจ้าหนูสารเลวที่มีพลังเพียงขั้นร้อยปีทุบตี คนอื่นจะไม่หัวเราะจนตายเลยหรือหากได้ยินเรื่องนี้ ?
“เคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์ !”
แม้ว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตและความตาย แต่เป่ยเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะดัง ๆ เมื่อเห็นสารรูปของกระต่ายนักเลงตรงหน้า
เป่ยเฟิงพองตัวขึ้นกลายเป็นมนุษย์ที่สูงกว่า 6 เมตร เส้นเลือดของเขาโป่งพองราวกับงูตัวใหญ่ที่กำลังเลื้อยใต้ผิวหนังของเขา
ทั้ง 2 ปะทะกันไปมา กระต่ายนักเลงไม่ได้มุ่งเป้าไปที่อื่น มันเล็งแต่ใบหน้าของเป่ยเฟิงเมื่อมันมีโอกาส
“อย่าตีหน้าข้า ! ไอ้แม่*** แกยังมีหน้ามาทุบหน้าข้าอีก !”
ใบหน้าของเป่ยเฟิงหลังจากถูกเตะออกไป 2 ครั้งมันทำให้เขาบวมราวกับขนมปัง
ขั้นที่ 3 ของเคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์นั้นทำให้พลังของเป่ยเฟิงเพิ่มขึ้นถึง 40 % เมื่อใช้กับวิชาดวงดาวแล้วเขาสามารถสู้กับกระต่ายนักเลงได้อย่างสูสี
“หยุด หยุดก่อน !”
6 ชั่วโมงต่อมาเป่ยเฟิงก็กลับมาสู่ขนาดปกติ เขานอนเหยียวยาวอยู่บนพื้นพร้อมกับใบหน้าบวมหนักอย่างน่าเกลียด เป่ยเฟิงดูเหนื่อยมากจนไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกทุบตีแม้ว่าจะใช้พลังเต็มที่
กระต่ายนักเลงก็นั่งลงพร้อมกับหูที่ลู่ลงมาด้วยความอ่อนเพลีย หัวของมันบวมมากจนไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือกระต่ายนักเลง มีสายน้ำสีขาวไหลเข้าและออกรูจมูกของมันตลอดเวลา
กระต่ายนักเลงหอบหายใจอย่างหนักและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโห “แฮ่ก แฮ่ก มนุษย์ แฮ่ก … ถือว่าราชาผู้นี้เอาคืนที่แกกล้าทำกับข้า ! ถ้าแกยังกล้าตบหน้าราชาผู้นี้อีกครั้งในอนาคต ราชาผู้นี้ขอสาบานได้เลยว่าจะลากแกไปที่ลับแล้วจากนั้น … กิกิกิ จะทำสิ่งนั้นกับแก !”
“โอ้ ? กลัวจังเลย แต่กลัวว่าแกจะไม่มีโอกาสนั้น”
เป่ยเฟิงนอนอยู่บนพื้น เขาเคี้ยวหญ้าในปากพร้อมกับหัวเราะออกมา
รูปร่างหน้าตาของเขาในตอนนี้มันดูน่าเกลียดจนไม่มีใครจะจินตนาการได้ ใบหน้าของเขาบวมเหมือนลูกชิ้นที่มีก้านกระเทียมสีเขียวติดอยู่ แม้ว่าเขาจะหัวเราะและพูดอยู่แต่มันก็เต็มไปด้วยเสียงอู้อี้
ทันใดนั้นกระต่ายนักเลงก็รู้สึกถึงลางไม่ดีพร้อมกับหันไปมองเป่ยเฟิง
“วิชาดวงดาว พันกระเรียน !”
เป่ยเฟิงฝืนใช้พลังพร้อมกับรอยยิ้ม เขายกมือที่โชกไปด้วยเลือดขึ้นมาพร้อมกับทำตราประทับที่มือ ทันใดนั้นพลังงานดวงดาวมหาศาลก็หลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจากคฤหาสน์ดวงดาวของเขา !
พลังจิตของเป่ยเฟิงถูกดึงออกมาใช้เพื่อทำตราประทับที่มือ คฤหาสน์ดวงดาวจากที่เปล่งประกายก็เริ่มมัวหมองไปทีละน้อยราวกับมันผ่านไปหลายพันปี
พลังจิตของเป่ยเฟิงกว่าครึ่งมารวมกันที่มือของเขา หลังจากนั้นนกกระเรียนตัวเล็ก ๆ ก็เปล่งกระกายสีเงินม่วงที่มือของเขา !
“ลี้ !”
เสียงร้องของนกกระเรียนดังขึ้น จากนั้นนกกระเรียนก็หายไปแล้วไปปรากฏตรงหน้าผากของกระต่ายนักเลงก่อนจะพุ่งเข้าไปที่หน้าผากของมัน !