Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 523
ความสามารถนี้แม้แต่เป่ยเฟิงยังตกตะลึง มันเป็นความสามารถที่ทรงพลังมากสำหรับความสามารถด้านพลังวิญญาณแบบที่ 4 ของกระต่ายนักเลง การต่อต้านความตาย !
การโจมตีจากอาวุธของผู้เชี่ยวชาญที่เหนือกว่าระดับราชาพันปีทั่วไปนั้นแม้แต่ราชาพันปีขั้น 5 หรือ 6 ก็ไม่สามารถป้องกันได้ !
ไม่เพียงแค่นั้น อาวุธเหล่านี้ยังมีสติปัญญาที่เต็มไปด้วยวิถีแห่งเต๋าสิงสถิตอยู่ !
ร่างของกระต่ายนักเลงถูกฟันขาดเป็น 2 ส่วน แต่มันกลับรอดจากความตายได้ราวกับมันคือจั๊กจั่นทองคำที่ลอกคราบเพื่อหนีจากความตาย !
ถึงอย่างนั้นความสามารถนี้ก็มีข้อจำกัดที่สูงมากเช่นกัน – มันสามารถใช้ได้แค่เดือนละครั้งเท่านั้น และการใช้ทุกครั้งจะทำให้พลังของกระต่ายนักเลงลดลงไป ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีประโยชน์มากอยู่ดี !
หากใช้อย่างเหมาะสมละก็ มันจะถือว่ามันกลายเป็นชีวิตที่ 2 เลยก็ว่าได้ !
สำหรับราคาที่กระต่ายนักเลงต้องจ่ายไปในครั้งนี้ก็คือพลังลดลงจากราชาพันปีขั้นแรกชั้นกลางมาเป็นราชาพันปีขั้นแรกชั้นต้น เมื่อเทียบกับการรอดตายแล้วมันถือว่าคุ้มค่ามาก
เมื่อมองกระต่ายนักเลงอีกครั้ง เป่ยเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดัง หน้าตาของมันตลกเกินไปแล้ว
ตอนแรกกระต่ายตัวนี้ดูโง่ ๆ และน่ารักมาก แต่ตอนนี้มันบวมจนถึงกับไม่มีใครกล้ามองมันเพราะมันตลกเกินไป
“ว๊าก ! ราชาผู้นี้อารมณ์ไม่ดี เพราะฉะนั้นหยุดหัวเราะหน้าข้าได้แล้ว ! ถ้าแกยังกล้าหัวเราะแบบนั้น ข้าจะทำให้แกต้องโดนหัวเราะแบบนี้เช่นกัน ….”
กระต่ายนักเลงหัวเราะเยาะ
“อืม อันที่จริงข้าเป็นคนมีการศึกษาและฝึกฝนมารยาทมาอย่างดี ปกติแล้วข้าจะไม่หัวเราะหรอกนะ แต่ว่าตอนนี้ … มันอดไม่ได้จริง ๆ ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า …”
เป่ยเฟิงพูดด้วยท่าทางเหมือนชนชั้นสูง สุดท้ายเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“แต่แกก็แพ้กระต่ายอย่างข้า !”
“โอ้ย !”
กระต่ายนักเลงใช้ประโยชน์ที่เป่ยเฟิงกำลังหัวเราะอยู่ แอบไปด้านหลังจากนั้นก็ยกเท้าขึ้นมาแล้วถีบเขา
เป่ยเฟิงกรีดร้องออกมา กระต่ายนักเลงตัวนี้เก่งจริง ๆ มันคำนวณได้อย่างแม่นยำมาก เขาล้มลงไปกระแทกจนเกิดรอยช้ำขนาดใหญ่ที่หลังหัว
เขาไม่พูดอะไร เขาลุกขึ้นแล้วหันกลับมาจึงเห็นว่ากระต่ายนักเลงที่มี 2 หูยาว ๆ กำลังยืนยิ้มอย่างเย็นชาพร้อมกับท่าทางกวนประสาท
“ปัง !”
ในไม่ช้ามันก็กระโดดแล้วเริ่มเตะเขา
ชายและสัตว์เริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง การต่อสู้ครั้งนี้จะบอกว่ามันดูน่ากลัวก็แปลก ๆ
ไม่กี่นาทีต่อมาเป่ยเฟิงก็นอนราบไปกับพื้นพร้อมกับมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในมิตินี้ เขาปล่อยให้รสขม ๆ ของหญ้าในปากแพร่กระจายผ่านลิ้นของเขา
“มนุษย์ ราชาผู้นี้ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นลูกผู้ชายตัวจริงขนาดนี้ ถึงแม้จริง ๆ แล้วแกจะเป็นลูกเมียน้อยบัดซบก็เถอะ !”
กระต่ายนักเลงด่าเขาด้วยคำที่ไม่มีความหมาย (?) มันกอดแครอทยาว 1 เมตรไว้ในอ้อมแขนและเคี้ยวเสียงดัง
ตอนนี้กระต่ายนักเลงรู้สึกซับซ้อนอย่างมาก ในฐานะราชาสัตว์อสูรระดับพันปี สติปัญญาของมันอยู่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป ช่วงเวลาที่พันกระเรียนจมลงมาที่หน้าผากมัน ถึงมันจะไม่อยากยอมรับแต่มันก็รู้ว่ามันไม่สามารถหนีไปจากชะตากรรมนี้ได้
เป่ยเฟิงถ่มน้ำลายเอาหญ้าในปากออกมาและพูดพึมพำ “ข้าถูกบังคับให้ถูกทิ้งไว้ที่นี่โดยไม่มีทางเลือก ว่าแต่ทำไมข้าต้องมาอยู่กับเจ้าด้วย”
“ราชาผู้นี้ขอสาบานว่าถ้าแกลบตราประทับนี้ออกจากหน้าผากของข้าได้ ข้าจะไม่ทำอะไร นอกจากนี้ข้าจะยอมรับสิ่งที่แกขอได้ 3 ข้อ” กระต่ายนักเลงพูดด้วยความจริงจัง
“โทษที ข้ารู้แค่วิธีใช้ แต่ไม่รู้วิธีลบ”
เป่ยเฟิงเงยหน้าและปฏิเสธทันที ‘หลังจากที่ทุบตีข้าจนอยู่ในสภาพแบบนี้แล้วแกยังอยากได้อิสระภาพอีกงั้นหรอ ? ฝันไปเถอะ ! หึ จะเป็นการดีที่สุดที่แกจะถูกข้าใช้งานไปตลอดชีวิตที่เหลือของแก !’
เป่ยเฟิงพูดความจริง มรดกหยินหยางบันทึกแค่วิธีการใช้งาน แต่มันไม่ได้บอกวิธีการลบพันธะสัญญา
ศิษย์ทุกคนของสำนักหยินหยางมีโอกาสเพียงครั้งเดียวในการเลือกเป้าหมายของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงพิจารณาอย่างจริงจังก่อนจะตัดสินใจเลือกสิ่งมีชีวิตที่โดดเด่นที่สุดที่จะติดตามพวกเขาและช่วยเหลือพวกเขาในอนาคตได้
กระต่ายนักเลงจ้องเป่ยเฟิง และเป่ยเฟิงเองก็ไม่ได้เลี่ยงสายตาของมัน ชายและสัตว์จ้องมองตากันชั่วครู่ก่อนที่ใบหน้าของกระต่ายนักเลงจะเต็มไปด้วยความเศร้าราวกับมันอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา …
เป่ยเฟิงนำสมุนไพรจิตวิญญาณที่มีค่าออกมาจากแหวนแล้ววางบนพื้น สมุนไพรเหล่านี้เป็นของผู้ฝึกตนที่ตายไปแล้วดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกอะไรเกี่ยวกับการใช้มัน เขาหยิบสมุนไพรที่คล้ายดอกกำหล่ำขึ้นมาแล้วกินทันที ในขณะเดียวกันก็ถามขึ้น “แกมีชื่อไหม ?”
“ราชาผู้นี้ไม่มีชื่อ แกคิดว่าราชาผู้นี้เหมือนพวกมนุษย์ ? ทำเป็นหยิ่งมอบชื่อให้คนนั้นคนนี้”
กระต่ายนักเลงหยิบสมุนไพรบางอย่างขึ้นมาโดยไม่รีบร้อน จากนั้นมันก็กินและซึมซับบางอันเพื่อฟื้นฟูร่างกายกลับมาให้เร็วที่สุด
“งั้นข้าตั้งชื่อให้ละกัน เอาเป็น เสี่ยวหวัง เป็นไง ?” เป่ยเฟิงกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“ไอ้บัดซบ โคตรตระกูลแกมันบัดซบ !” กระต่ายนักเลงด่าสวนกลับทันที
ในไม่ช้ามันก็เริ่มลุกขึ้นและดูเหมือนอยากจะทุบตีเขาอีกครั้ง
เมื่อเห็นการกระทำของมัน เป่ยเฟิงก็ตื่นตระหนกและรีบพูดทันที “แล้วกู่ฉีล่ะ !”
เมื่อเห็นกระต่ายนักเลงวางก้นกลับไปที่พื้น เป่ยเฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ทำไมสัตว์อสูรนับวันยิ่งหลอกยากกัน ?
กระต่ายนักเลงไม่ได้ตอบกลับและไม่มีท่าทีจะบอกว่ายอมรับชื่อหรือไม่ เมื่อสมุนไพรจำนวนมากหล่นเข้าไปในท้องของมัน แรงกดดันของมันก็เริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
ส่วนเป่ยเฟิงเองก็ฟื้นฟูพลังของเขาอย่างเงียบ ๆ
จริง ๆ แล้วสมุนไพรระดับสูงบางอย่างที่ถูกหลายคนที่ฉลาดดึงออกไปแล้ว พวกเขาหนีไปทันก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้น
พลังงานทางยาค่อย ๆ แผ่กระจายออกมาจากท้องแล้วไหลเวียนไปยังแขนขาและอวัยวะทั้งหมดของเขา
ร่างกายของเขาราวกับตะแกรง มันเหมือนมีหลุมอยู่เต็มไปหมด เส้นเลือดของเขาเต็มไปด้วยรูมากมาย นี่เป็นผลมาจากความสามารถในการควบคุมเลือดของกระต่ายนักเลงที่เปลี่ยนเลือดของเขาให้เป็นดาบและเฉือนมันออกมา
โชคดีที่พลังจิตและวิญญาณของเขาทรงพลัง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถหยุดมันได้ทัน หากเป็นแบบนั้นมันคงไม่จบง่าย ๆ แบบนี้
นอกจากนี้อวัยวะภายในทั้ง 5 และลำไส้อีก 6 ส่วนของเป่ยเฟิงก็แตกกระจาย แม้ว่าจะมีสมุนไพรจำนวนมากคอยฟื้นฟู เขาก็ยังคงต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะหายดี
แต่สำหรับเป่ยเฟิงแล้ว อาการบาดเจ็บทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นบาดแผลตื้น ๆ เท่านั้น เขาแค่ต้องการเวลาและสมุนไพรที่เหมาะสมเท่านั้นในการทำให้มันหายดี
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ชั้นหมอกสีขาวก็กระจายออกมาจากร่างของกระต่ายนักเลง ในเวลาเดียวกันรอยฟกช้ำบนร่างของมันก็เริ่มหายไป
ใบหน้าที่บวมเริ่มหายไป แต่ก็ไม่หายไปหมดมันหลงเหลืออาการบวมเล็กน้อย แต่มันก็ดีกว่าเมื่อครู่
อาการบาดเจ็บที่หนักที่สุดคือตรงหน้าอก มันเป็นผลมาจากง้าวสีทองดำ เพราะมันแฝงไปด้วยพลังวิถีแห่งเต๋า แผลจึงไม่สามารถปิดตัวเองลงได้
เป่ยเฟิงถอนหายใจและลืมตาขึ้น อาการบาดเจ็บของเขาส่วนใหญ่แล้วดูเหมือนต้องใช้เวลาอย่างเดียวในการฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์แบบเดิม
เป่ยเฟิงเดินไปที่กระต่ายนักเลง ถึงแม้เลือดบนแผลมันจะหยุดไหลแล้ว แต่มันก็ไม่สามารถปิดแผลได้ นอกจากนี้ยังมีวิถีแห่งเต๋าที่ถูกทิ้งไว้บนแผลมันทำให้เกิดอาการบาดเจ็บซ่อนเร้นในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อเห็นเป่ยเฟิงเดินมาตรงหน้า กระต่ายนักเลงก็ลืมตาแล้วมองเขา เป่ยเฟิงยักไหล่และกล่าวด้วยความตั้งใจโดยไม่ใส่ใจว่ากระต่ายนักเลงมันคิดอะไรกับเขา “ให้ข้าช่วยแกเอาพลังพวกนั้นออกไปเถอะ”
‘อาวุธของผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังมากกว่าขั้นราชาพันปีนี้ทรงพลังจริง ๆ แม้ว่ามันไม่ทำให้ผู้ใช้ถึงตาย แต่ก็ทำให้บาดเจ็บหนักได้ ดูเหมือนว่าความสามารถของอาวุธจะขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณ ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายอ่อนแอบางทีเจ้ากระต่ายอาจไม่รอดไปแล้ว’ เป่ยเฟิงคิดเงียบ ๆ ในใจ
หลังจากนั้น วิถีแห่งเต๋าของเขาก็เริ่มรวมกันที่ปลายนิ้ว จากนั้นเขาก็แทงมันไปที่แผลของเจ้ากระต่าย
‘ก้อง !’
เสียงดังก้องราวกับฟ้าผ่าในใจของเป่ยเฟิง นี่เป็นวิถีแห่งเต๋าที่ 2 ที่เขาเคยเจอมานอกเหนือจากตัวเขาเอง อาวุธนี้มันมีวิถีแห่งเต๋าที่จะพิชิตทุกครั้ง มันได้สลักวิถีแห่งเต๋า : การครอบงำ !
ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงวิถีแห่งเต๋าของชายผู้ที่สลักมันไว้ มันเป็นจิตวิญญาณที่ไม่ย่อท้อที่ต้องการจะยึดครองสวรรค์และโลก ชายคนนี้ถือง้าวทองคำดำไว้ในมือพร้อมกับร่างของเขาที่ปลดปล่อยแรงกดดันที่ไร้ความงำและการครอบงำออกมา
ภาพนี้กระพริบผ่านไปในพริบตา เป่ยเฟิงเริ่มสงบจิตใจลงจากนั้นก็เอาวิถีแห่งเต๋าของคนผู้นั้นออกจากบาดแผลของเจ้ากระต่าย
หากวิถีแห่งเต๋าของเป่ยเฟิงถูกนับว่าเป็นเพียงขั้นหนึ่ง งั้นวิถีแห่งเต๋าบนแผลนี้ก็ถือว่าเป็นขั้นสาม อย่างไรก็ตามมันไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์นัก
มันน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของวิถีแห่งเต๋าที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยร่างปลอมของเจ้ากระต่าย เป็นไปได้ว่าส่วนที่เหลืออาจถูกใช้ไปหมดแล้วกับร่างก่อนหน้านี้ก่อนที่มันจะใกล้ตาย
เป่ยเฟิงใช้วิถีแห่งเต๋าของเขากำจัดมันอย่างช้า ๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา วิถีแห่งเต๋าของเป่ยเฟิงใกล้จะลบวิถีแห่งเต๋าที่ถูกทิ้งเอาไว้จะหมดแล้ว
เป่ยเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็เช็ดเหงื่อที่อยู่บนคิ้วของเขา
จากนั้นเขาก็เริ่มกลับมาควบคุมวิถีแห่งเต๋าของเขาแล้วค่อย ๆ ลบพลังที่หลงเหลือบนแผลจนหายหมด
วิถีแห่งเต๋าของเขาไม่ได้แข็งแกร่งใกล้เคียงกับที่อยู่บนง้าวแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เพราะเขาระมัดระวังและไม่เผลอสะกิดวิถีแห่งเต๋าบนแผลจนมันระเบิดพลัง เจ้ากระต่ายคงไม่ได้อยู่สุขแบบนี้แน่นอน
เมื่อพลังบนแผลหายไปจนหมด แผลของเจ้ากระต่ายก็ค่อย ๆ สมานอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้ารอยแผลก็หายไป แม้แต่แผลจาง ๆ ก็ถูกปกคลุมด้วยขนใหม่และมันยากที่จะจินตนาการได้ว่ามันเคยบาดเจ็บหนักขนาดนี้มาก่อน
เจ้ากระต่ายลืมตาขึ้น จากนั้นเลือดและฉีก็มันก็เปล่งประกายอย่างรวดเร็ว !
เนื่องจากพันธะที่เชื่อมเขากับเจ้ากระต่ายเอาไว้ ทำให้เขารู้ว่ามันบรรลุไปยังขั้นสองแล้ว !
นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของทักษะพันกระเรียน มันอนุญาตให้สัตว์ที่ทำพันธะเอาไว้มีพลังเหนือกว่าเจ้าของได้
การพัฒนาของเจ้ากระต่ายทำให้เป่ยเฟิงรู้แจ้งมากยิ่งขึ้น เขาสามารถเก็บข้อมูลที่ได้มาเพื่อใช้ในการบรรลุขั้นราชาพันปีในภายหลังของเขาได้
“มาทำลายค่ายกลนี้กันก่อนดีกว่า ถ้าเจ้านั้นมันกลับมาพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญของตระกูลของมัน มันจะทำให้เราทั้งคู่เหมือนฉลามติดตาข่าย” เป่ยเฟิงกล่าวโดยไม่ลังเล ในขณะเดียวกันเขาก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่สบายใจ ไม่มีใครบอกได้ว่าค่ายกลนี้แข็งแกร่งแค่ไหนและเขาก็ไม่มั่นใจว่าเขากับเจ้ากระต่ายจะทำลายมันได้หรือไม่