Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 529
สองชายและหนึ่งสัตว์นั่งรอบกองไฟ กู่ฉีเพียงแค่ปล่อยแรงกดดันออกมาเบา ๆ ก็ทำให้สัตว์อสูรที่มีพลังขั้นร้อยปีไม่กล้าเข้ามาใกล้
กลุ่มของพวกเขาไม่ได้เกรงกลัวสัตว์อสูรหน้าโง่ที่เข้ามาท้าทายแม้แต่น้อย ในความเป็นจริงสัตว์อสูรตัวไหนที่กล้าเข้ามาจะถูกเอาไปทำเป็นวัตถุดิบพิเศษโดยเป่ยเฟิง
“ฉึก !”
เป่ยเฟิงฉีกน่องขนาดใหญ่ออกมาจากตัวสัตว์อสูรขั้นสูงสุดของระดับร้อยปีตรงหน้า น่องนี้มันใหญ่กว่าขาของเขาอย่างน้อย 2 เท่าได้ เพียงแค่ฉีกมันก็มีเสียงดังของการฉีกออกมาแล้ว
เป่ยเฟิงเคี้ยวเนื้อสีเหลืองทองช้า ๆ โดยไม่เร่งรีบ แท้จริงแล้วรสชาติของเนื้อพวกนี้มันธรรมดามากสำหรับเป่ยเฟิง แต่เพราะมันมีเส้นใยจำนวนมากในเนื้อทำให้เขาสนใจมันมาก
การกัดแต่ละครั้งมันทำให้รู้สึกได้ถึงเส้นใยนับล้านที่ผุดขึ้นมา มันอร่อยทุกครั้งที่ได้กัดจนเป่ยเฟิงรู้สึกสนุกกับมัน
แม้ว่ามันจะดูเหมือนกินช้า ๆ แต่ความจริงแล้วการกินของเป่ยเฟิงไม่ได้ช้าเลย ก่อนที่เนื้อจะทันได้เย็นลง เขาก็กินมันจนหมดไปแล้ว
‘ประตูที่ใช้ตกปลายังอยู่ในโลกนี้ และดูเหมือนข้าจะตกมันได้แค่เดือนละครั้งเท่านั้น นอกจากนี้ข้าจะอยู่โลกใบนี้ต่อเนื่องไม่ได้ การไปกลับระหว่างโลกใบนี้กับดาวเทียนมู่มันไม่ค่อยดีนัก …’
เป่ยเฟิงนอนอยู่บนหญ้าพร้อมกับมองไปยังดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสดใสอยู่บนท้องฟ้า
“เวลาที่ใช้ในการติดตั้งประตูตกปลามันทำให้เสียเวลาไปมาก นอกจากนี้ที่นี่ก็เอาไว้ตกปลาได้ไม่เลวเหมือนกัน” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเอง
มีราชาพันปีอยู่ในโลกใบนี้ แต่มันมีน้อยมาก เพราะราชาพันปีส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่บนดาวเทียนมู่มากกว่า เพราะพวกเขาสามารถเลือกเข้าหอคอยสวรรค์ที่ดีกว่านี้ได้ นอกจากนี้ทรัพยากรบนโลกใบนี้ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้มากนัก
แม้ว่าทรัพยากรที่มีค่าสำหรับราชาพันปีจะมีน้อย แต่สำหรับเป่ยเฟิงมันก็ไม่ได้แย่ที่จะใช้มันเพื่อสะสมความแข็งแกร่ง อย่างน้อยก็จนกว่าทรัพยากรบนโลกใบนี้จะไม่ดีพอสำหรับเขา เป่ยเฟิงก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนประตูที่ใช้ตกปลา
‘ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าย้ายตระกูลหลี่มาเมืองเทียนฮวงเลยดีกว่า’ เป่ยเฟิงคิดบางอย่างได้ ความคิดนี้ดูเป็นไปได้ เนื่องจากเขายังสามารถควบคุมตระกูลหลี่ได้อยู่ นอกจากนี้ยังม่มีคนให้ความสนใจกับตระกูลหลี่มากนัก
แม้แต่คนของตระกูลหลี่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวิญญาณของร่างนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่เมื่อเทียบกับการที่ตระกูลหลี่แข็งแกร่งมากขึ้นมันก็ยิ่งทำให้เป่ยเฟิงควบคุมพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น
‘วัตถุดิบใช้สร้างหอคอยแห่งดวงดาวมันใช้เยอะเกินไป แค่สมบัติธรรมชาติมันก็ใช้ไม่น้อยกว่าล้านชนิดแล้ว ข้าไม่มีเวลามากขนาดนั้น คงทำได้แค่ให้พวกเขาไปหามาให้ ดูเหมือนตอนนี้ตระกูลหลี่จะเป็นทางเลือกเดียวที่ดีที่สุด ยิ่งพวกเขาแข็งแกร่งเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งรวบรวมสิ่งที่ข้าต้องการได้มากขึ้น’
แผนในใจของเป่ยเฟิงนั้นชัดเจนมากยิ่งขึ้น หลังจากครุ่นคิดมานานเป่ยเฟิงก็เริ่มผ่อนคลายได้ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนนี้ก็เป็นแผนที่ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งหมด
ช่วงเวลาที่จะตกปลาได้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าเป่ยเฟิงจะย้ายมาอยู่โลกใบนี้ มันยังคงเป็นไปตามเดิมของเวลาบนโลกเดิม มันทำให้เป่ยเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หากระบบคิดตามเวลาของดาวเทียนมู่ เขายอมรับมันไม่ได้จริง ๆ
หลังจากกินเสร็จแล้วหลี่ปู้ก็เดินไปข้าง ๆ และเริ่มฝึกฝน ร่างของเขาถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีเงิน ถึงแม้ว่ามันจะจางลงแต่ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนภายใต้แสงอาทิตย์
ความกระหายเลือดพุ่งทะยานออกมาจากร่างของหลี่ปู้จนทำให้เขาดูเหมือนเทพเจ้าแห่งสงคราม
“ดูเหมือนโชคชะตาที่หลี่ปู้ไปเจอจะไม่ใช่ของธรรมดา ๆ ถึงเขาจะอยู่ขั้นสี่ระดับสูงสุดของร้อยปีแต่ความแข็งแกร่งของเขาก็เกือบจะเท่าข้า”
เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังที่น่าตกใจนี้มันทำให้เป่ยเฟิงหันไปมองและยิ้มเบา ๆ
แน่นอนว่ามันอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เขาไม่ได้ใช้วิชาดวงดาว แต่ถึงอย่างนั้นก็บอกได้เลยว่าหลี่ปู้ไม่ธรรมดา
นอกจากนี้ อาวุธบนตักของเขาก็มีความพิเศษเช่นกัน ง้าวสวรรค์ในตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นแสงสีเงิน มันหดตัวและขยายตัวอย่างต่อเนื่องราวกับอาวุธชิ้นนี้กำลังตอบสนองกับลมหายใจของหลี่ปู้
‘โชคชะตาครั้งนี้ดูเหมือนจะมีคนจำนวนน้อยมากที่ได้มันมา ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ข้าคงไม่รู้ว่าหลี่ปู้ที่ดูเงียบ ๆ ที่จริงแล้วข้าบ้าการต่อสู้แค่ไหน’
เป่ยเฟิงส่ายหัว เหตุผลที่เขาไม่ให้หลี่ปู้เล่าสิ่งที่เจอมาก็เพราะแค่มองเขาก็รู้แล้ว
มรดกนั้นน่าจะเป็นของที่หายากอย่างมากสำหรับโลกใบนี้ มันต้องใช้ความสามารถพิเศษกว่าจะได้มันมารวมไปถึงใช้มันได้ ถึงอย่างนั้นมันก็ดีที่ว่าหลี่ปู้สามารถใช้มันได้และใช้มันภายใต้ชื่อของตระกูลหลี่
เมื่อรู้สึกได้ว่าพลังของหลี่ปู้มากขึ้น เป่ยเฟิงเองก็เริ่มฝึกฝนด้วยเช่นกัน
สมุนไพรล้ำค่าจำนวนมากค่อย ๆ ลอยเข้าไปในปากเป่ยเฟิงอย่างต่อเนื่อง
พลังบริสุทธิ์ในท้องของเขาเริ่มหมุนไปตามร่างกายตามการชักนำของเขา
ร่างของเป่ยเฟิงในตอนนี้พวกสิ่งสกปรกส่วนใหญ่ในร่างนั้นถูกขับเกือบหมดแล้ว มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขับสิ่งสกปรกจำนวนมากออกไปทุกครั้งที่เขาฝึกฝน
สิ่งสกปรกที่เหลือนั้นฝังลึกอย่างมาก มันซ่อนตัวอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดในร่าง เขาได้แต่หวังพึ่งพาพลังในอนาคตในการขับมันออกมา
เส้นเลือดจำนวนมากถูกชำระล้างอย่างต่อเนื่อง พลังฉีของเขาไหลไปตามส่วนต่าง ๆ และทำให้เขาค่อย ๆ พัฒนาขึ้นไปอยูในสถานะที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ร่างของเขาค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นรวมไปถึงพลังที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
เป่ยเฟิงดื่มด่ำไปกับการฝึกฝน เขาฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจนร่างกายเริ่มรู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ลืมที่จะใช้พลังส่วนหนึ่งจากสมุนไพรจิตวิญญาณมาฝึกเทคนิคบัญญัติกฏสวรรค์
มันเป็นสิ่งที่ดีที่เป่ยเฟิงได้มาโดยบังเอิญ และเขาในตอนนี้ก็สามารถแบ่งปันพลังงานเป็น 2 สายเพื่อฝึกฝนทั้งตัวเองและเคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์ไปพร้อมกันได้ ส่วนค่าใช้จ่ายในการฝึกฝนพร้อมกันนั้นก็ไม่มากนัก มันก็แค่ผลกำไรทั้งเดือนของตระกูลหลี่ !
หากเขาทำแบบนี้อย่างต่อเนื่อง มีความเป็นไปได้ว่าตระกูลหลี่อาจจะล้มละลายในเวลาเพียง 3 เดือน !
นี่คือเหตุผลที่เหล่าอำนาจทั้งหลายที่มีผู้เชี่ยวชาญขั้นราชาพันปีมักจะมองหาวัวเงินสำหรับนม ยิ่งมีการฝึกฝนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความจำเป็นในการใชัทรัพยากรจำนวนมาก ทรัพยากรที่ใช้ในแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่น้อย ๆ
ด้วยเหตุนี้คนที่แข็งแกร่งก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และผู้ที่อ่อนแอก็จะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ เช่นกัน มันยากมากที่คนธรรมดาจะประสบความสำเร็จ หากพวกเขาต้องการประสบความสำเร็จก็คงมีแค่เข้าร่วมกับนิกายชั้นยอดหรือไม่ก็ตระกูลใหญ่หรือทางกองทัพ หากใครอยากจะปีนขึ้นไปสวรรค์ให้ได้ก็คงมีเพียงเข้าร่วมพันธมิตรนักสู้ !
พันธมิตรนักสู้นั้นคงอยู่มานานเกินไป แม้แต่รัฐบาลก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับว่าพวกเขาเป็นขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุด
คนที่ไม่มีความสามารถจะถูกทอดทิ้ง คนมีพรสวรรค์ทั่วไปอย่าได้หวังเข้าร่วมกับพันธมิตรนักสู้ การจะเข้าร่วมกับพวกเขาได้ต้องผ่านการทดสอบทุกประเภทและมีเพียงผู้ที่มีความสามารถพิเศษที่ผ่านการทดสอบเท่านั้นถึงจะเข้าร่วมได้
สำหรับโรงเรียนที่ถูกเปิดโดยกลุ่มพันธมิตรนักสู้นั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นพวกคนรวยและล้นอำนาจ อาจารย์ที่สอนคือผู้เชี่ยวชาญขั้นราชาพันปี หลังจากที่เข้าร่วมกับพันธมิตรนักสู้ได้แม้ว่าจะมีพลังแค่ขั้นแรกของร้อยปีก็สามารถเบ่งอำนาจได้ ต่อให้เป็นขั้นราชาพันปีก็ไม่กล้าดูแคลนพวกเขา
เป่ยเฟิงลืมตาขึ้นช้า ๆ จากนั้นลำแสงคู่ก็พุ่งออกมาจากดวงตาของเขา
ร่างของหลี่ปู้สั่นสะเทือนพร้อมกับแสงสีเงินรอบตัวที่ขยายใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่า !
“วิ้ง วิ้ง !”
เสียงสั่นบางอย่างดังรอบตัวเขา จากนั้นแสงสีเงินก็กระพริบไปมาอย่างต่อเนื่อง
“ปัง !”
ทันใดนั้นแสงสีเงินก็ระเบิดออกมาจากร่างของหลี่ปู้และง้าวสวรรค์ จากนั้นแรงกดดันมหาศาลก็พุ่งออกมาจากร่างของเขาปะทุชั้นฟ้า !
ชายคนหนึ่งและง้าวอีกเล่มปลดปล่อยพลังที่ผสมผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ หรือจะพูดก็คือชายคนนั้นคือง้าวและง้าวก็คือชายคนนั้น
หลี่ปู้ดูเหมือนจะมีพรสวรรค์ล้ำเลิศอย่างมากในการใช้ง้าว ก่อนหน้านี้แม้ว่าเขาจะเคยเป็นผู้ใช้ดาบแต่เพิ่งเปลี่ยนมาใช้ง้าว แต่ความสามารถในการใช้ง้าวของเขากลับเหนือกว่าการใช้ดาบมาก
ลึกลงไปในเทือกเขาร้อยทำลายซึ้งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่มนุษย์ ภายในถ้ำที่มืดมิดและอับชื้น …
มนุษย์รูปร่างง่างามและมีปีกสีทองเหมือนนางฟ้าสวมชุดหนังสีขาวราวกับผ้าไหมยืนอยู่ข้างนอกและคอยปกป้องทางเข้าถ้ำเอาไว้
คน ๆ นี้ก็คือชิหลิน ! ก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เพียงไม่กี่วันก็หายดีแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ความแข็งแกร่งของเขายังเพิ่มขึ้นมากอีกด้วย
ชุยหยุนเทียนอยู่ลึกเข้าไปในถ้ำ ใบหน้าของเขาสลับไปมาระหว่างสีม่วงและสีน้ำเงิน ร่างของเขาสั่นอย่างรุนแรงราวกับกำลังทนกับความเจ็บปวดมหาศาล
ในไม่ช้าผมสีดำของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีฟ้า มันเริ่มจากรากผมก่อนจะลามลงมาจนหมดราวกับฟ้าหลังฝน
คิ้วที่เหมือนใบมีดของเขาค่อย ๆ ผ่อนคลายลงอย่างช้า ๆ
ลักษณะที่หล่อเหลาของเขานั้นดูอ่อนโยนมากขึ้น ผิวของเขาดูนุ่มลื่นขึ้น แม้แต่แอปเปิ้ลของอาดัมยังต้องละลายหายไป
เพียงแค่รอยยิ้มก็สามารถโค่นล้มได้ทั้งประเทศ !
ความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ ฟันของเธอขาวใสพร้อมกับริมฝีปากน้อย ๆ โดยมีเหงื่อเท้าลูกปัดอยู่บนหน้าผาก
เลือดและฉีที่วุ่นวายค่อย ๆ สงบลง เธอในตอนนี้ดูราวกับหญิงสาวที่เป็นนางฟ้าได้จุติลงมายังโลกมนุษย์
“ทำลาย !”
ด้วยเสียงตะโกนเพียงครั้งเดียว แรงกดดันมหาศาลก็ปะทุขึ้นก่อนจะกลับมาสงบอีกครั้ง !
“อย่างที่คิด การฝึกฝนข้างนอกนี้น่าเชื่อถือที่ดี แต่มันหากปราศจากของชั้นยอดที่เอาติดตัวมามันก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะตายด้วยเช่นกัน”
คนงามลุกขึ้นยืน แรงกดดันของเธอในตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่ากู่ฉีที่ทรงพลังก่อนจะมีพลังขั้นราชาพันปีแม้แต่น้อย
พลังของเธอที่แท้จริงแล้วคือครึ่งก้าวราชาพันปี ในตอนที่เธออยู่ในจุดสูงสุดของขั้นร้อยปีนั้น พรสวรรค์ของเธอดูธรรมดามาก แต่ทันทีที่เธอมาถึงขั้นครึ่งก้าวราชาพันปีมันก็ราวกับเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างทำให้พรสวรรค์และศักยภาพในตัวเธอดูไร้ที่สิ้นสุด !
เมื่อเห็นความงามในปัจจุบันมันทำให้เธอขมวดคิ้ว จากนั้นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดก็หายไปพร้อมกับเธอที่กลับมาอยู่ในรูปร่างของชุยหยุนเทียนอีกครั้ง
ชุยหยุนเทียนหันหน้าไปที่ทางเข้าถ้ำและเรียกเบา ๆ “ชิหลิน” น้ำเสียงของเขาดูเคร่งครึมอย่างมาก
“นายน้อย !”
ชิหลินปรากฏตัวข้าง ๆ ชุยหยุนเทียน เขาคุกเข่าข้างหนึ่งและก้มหัวลง
“ข้าอยากรู้ว่าในเมื่อพันธะสัญญาเลือดถูกทำลายไปแล้วทำไมเจ้ายังติดตามข้ามาอีก ?” ชุยหยุนเทียนถามด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ชิหลินอ้าปากพูดขึ้น “การที่ได้ติดตามนายน้อยนั้นคือโชคชะตาของชิหลินผู้นี้”
“โอ้ ในเมื่อเจ้าเลือกจะติดตามข้า งั้นข้าก็จะมอบทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูเจ้า แต่ถ้าวันใดก็ตามที่เจ้าแอบคิดยางอย่างไม่ดี หึหึ เชื่อไหมว่าข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่เกิดมาในโลกนี้”
หลังจากพูดจบชุยหยุนเทียนก็เดินไปที่ทางเข้าถ้ำโดยไม่ได้กังวลชิหลินเลยแม้แต่น้อย