Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 543
นกสีแดงรู้สึกราวกับร่างกายของมันกำลังแข็งค้างเมื่อนกเก้าหัวจ้องมองมัน ขนของนกตัวนั้นลุกฟู่ฟอง
ชุยหยานเป็นสัตว์อสูรที่ไม่เหมือนสัตว์อสูรปกติ นอกจากนี้มันยังมีสายเลือดของนกสีชาดไหลอยู่ในสายเลือดของมัน ผู้ที่มีพลังระดับเดียวกันนั้นยากจะต่อกรกับมันได้ อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่สำหรับนกเก้าหัวตัวนี้
“ชุยหยานมิกล้า” ภายใต้การจ้องมองของนกเก้าหัว ชุยหยุนไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากก้มหัวลง
นกเก้าหัวหันหน้ากลับไปแล้วนำสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ออกไป
หลงเหลือเพียงชุยหยานเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ จากนั้นมันก็กระพือปีกบินหายลับไป
ในขณะเดียวกัน เจ้ากระต่ายพาฮานกุย เจ้าตัวนิ่มและราชาเสือดำที่หมดสติไปยังเทิอกเขาร้อยทำลาย
“กี้ กี้ ! ” เจ้ากระต่ายอดไม่ได้ที่จะปลดปล่อยพลังของมันราวจะประกาศว่ามันกลับมาแล้วเมื่อมันเข้าใกล้ภูเขา
“ท่านกู๋ฉี !”
เงาสองร่างปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วตรงหน้าเจ้ากระต่ายจนทำให้ฮานกุยและเจ้าตัวนิ่มเกือบจะโจมตีพวกเขา
“กี้ กี้ !”
เจ้ากระต่ายพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองฮานกุยและเจ้าตัวนิ่ม
ทั้งสองเงาเป็นผู้คุ้มกันของเป่ยเฟิง แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังขั้นสี่ของร้อยปี แต่นั่นก็ไม่ได้ลดความกลัวของเขากับพวกมันแม้แต่น้อย
ทั้งสองหันมามองหน้ากันก่อนจะคิดแบบเดียวกันคือกู่ฉีนั้นดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นมาก
“ท่านกู่ฉีออกไปนานมากและตอนนี้เขาก็กลับมาพร้อมกับสัตว์อสูรทั้งสอง นอกจากนี้พวกมันยังแข็งแกร่งมาก !”
ทั้งสองกระซิบคุยกัน
“สัตว์อสูรทั้งสองตัวนี้น่าจะมีพลังขั้นราชาพันปี !”
อีกคนพยักหน้าด้วยความตกใจ
ภายในหุบเขา เป่ยเฟิงหยุดการฝึกฝนและลืมตาขึ้น
ทันทีที่เขาลุกขึ้น อากาศรอบตัวเขาก็เปลี่ยนไป มันดูหนาทึบเหมือนกับน้ำ คนปกติไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ในสภาพอากาศแบบนี้
“แกร๊ก !”
เหมือนหินก้อนใหญ่กระแทก เป่ยเฟิงก้าวออกไปหนึ่งก้าวจากนั้นหลุมลึกครึ่งเมตรและกว้างร้อยเมตรก็แตกกระจายออกมาจากของเขา !
“กู่ฉีกลับมาแล้ว ?” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเอง เจ้ากระต่ายนั้นไม่ได้ปกปิดพลังแม้แต่น้อย เป่ยเฟิงรู้สึกได้แม้ว่ามันจะอยู่ไกลกว่า 10 ลี้
หลังจากผ่านมาหลายวันเป่ยเฟิงพัฒนาขึ้นมาก !
‘ไม่เคยฝึกฝนแล้วได้ผลลัพธ์ขนาดนี้มาก่อนเลยแหะ น่าเสียดายจริง ๆ ที่ใบหางแมวปีศาจหมดแล้ว …’
เป่ยเฟิงปวดใจมาก เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเขากินใบหางแมวปีศาจเข้าไป แม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยทำให้ยกระดับศักยภาพของร่างกายได้แต่เขาก็เอามันมาเป็นสมุนไพรจิตวิญญาณไว้ใช้ฝึกฝนได้
ผ่านมาเพียงไม่กี่วันแต่พลังของเป่ยเฟิงในตอนนี้มาถึงสูงสุดของสี่ร้อยปี !
กำแพงต่อไปที่รอเขาทำลายคือครึ่งก้าวราชาพันปี ! สำหรับเคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์นั้นเขาบรรลุขั้นทั้งหมดของสามเรียบร้อยแล้ว !
เนื่องจากใช้ทรัพยากรไปจำนวนมากมันจึงไม่แปลกที่เขาจะพัฒนาไปได้ไกลขนาดนี้ จำนวนทรัพยากรที่เขาใช้ในหลายวันมานี้มันเพียงพอที่จะทำให้ราชาพันปีหน้าใหม่นั้นก้าวหน้าไปจนถึงราชาพันปีขั้นสี่ได้ !
แต่ทรัพยากรมากขนาดนี้กลับทำให้เป่ยเฟิงไปได้ไกลแค่สูงสุดของสี่ร้อยปีเท่านั้น
‘ตอนนี้พลังของข้าน่าจะอยู่ราชาพันปีขั้นต้น ! แต่เพราะใช้สมุนไพรจิตวิญญาณไปจำนวนมากข้าในตอนนี้คงใช้พวกมันไม่ได้ ดูเหมือนต้องใช้เวลาซักพักเพื่อย่อยเลือดฉีในร่างกายก่อน’
เมื่อสัมผัสได้ถึงเลือดฉีจำนวนมากในร่างกายของเขา เป่ยเฟิงรู้สึกดีใจมาก อย่างน้อยสมุนไพรจิตวิญญาณเหล่านี้ก็มาเป็นพลังภายในร่างของเขา
ในขณะที่เขาก้าวออกไป แรงกดดันรอบตัวเขาค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ เมื่อเขาก้าวออกไปก้าวที่ 3 แรงกดดันของเขาก็สงบลงจนกลับมาเป็นปกติ
เสื้อคลุมสีขาวของเป่ยเฟิงพริ้วไหวไปมาตามสายลม ใบหน้าของเขาหล่อเหลาราวกับเทพ รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนหน้า เขาราวกับราชวงศ์สง่างามมากกว่าจะเป็นผู้ฝึกตน
“กี้ กี้ !” ทันใดนั้นเจ้ากระต่ายก็ปรากฏตัวตรงหน้าเป่ยเฟิง มันไม่ส่งเสียงทักทายใด ๆ แต่ส่งอุ้งเท้าเตะเป่ยเฟิงทันที
รอยยิ้มที่น่าเกลียดปรากฏบนหน้าของเป่ยเฟิง จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดขึ้น “อย่าเพิ่งเล่นน่า เรื่องที่ข้าให้จัดการเป็นยังไงบ้าง ?”
ลมแรงที่เกิดจากการเตะทำให้ผมสีดำยาวของเป่ยเฟิงกระพือขึ้นเมื่อเท้าของเจ้ากระต่ายหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
“กี้ กี้ !”
เจ้ากระต่ายกรอกตาไปมาก่อนจะส่งเสียงแหลมเรียกฮานกุยและเจ้าตัวนิ่มเข้ามา
ดวงตาของเป่ยเฟิงเปล่งประกายราวกับกำลังมองสมบัติล้ำค่า มันทำให้สัตว์อสูรทั้งสองรู้สึกอยากทุบเจ้ามนุษย์ตรงหน้าให้ตาย
“มออ !” ฮานกุยหันกลับมามองเจ้ากระต่ายอย่างน่าเวทนา
“กี้ กี้ !” เจ้ากระต่ายกระโดดเข้ามาและตบหลังทั้งสองราวกับจะพูดว่า “ทำให้ดี ราชาผู้นี้หวังพวกเจ้าไว้สูงมาก”
“มออ !”
“โอ่วว !”
ฮานกุยและเจ้าตัวนิ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาป พวกมันรู้สึกไม่ดีบางอย่าง สัตว์อสูรรีบวิ่งไปหาเจ้ากระต่ายแล้วคุกเข่าลงตรงหน้า จากนั้นแต่ละตัวก็กอดขาข้างหนึ่งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“อุก !”
เป่ยเฟิงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาหัวเราะเสียงดังออกมา ใครบอกกันว่าการกอดขาอ้อนวอนมีเพียงแค่มนุษย์ ? ดูสิ เจ้าสัตว์อสูรทั้งสองตัวนั้นกำลังทำแบบเดียวกัน นี่มันน่าตลกสิ้นดี !
เป่ยเฟิงหัวเราะและพูดต่อ “ผ่อนคลายน่า ข้าแค่อยากขอความร่วมมือกับพวกเจ้าในการทดลองเท่านั้น ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าหรอก”
“มออ !”
“โอ่วว !”
สัตว์อสูรทั้งสองร้องเสียงดัง จากนั้นก็รีบยกย่างราชาเสือดำขึ้นมาแล้วยื่นออกไปราวกับกำลังยื่นข้อเสนอเป็นเจ้านี่แทน
“กี้ กี้ !”
กระต่ายนักเลงร้องเสียงแหลมและพยักหน้าให้เป่ยเฟิง
เป่ยเฟิงสามารถเข้าใจคำพูดของมันได้ “แกจะบอกว่า เจ้าสัตว์อสูรตัวนี้สามารถฆ่าแกได้อย่างง่ายดายหากมันอยู่ในสภาพเต็มร้อย ?”
‘กี้ กี้ !” เจ้ากระต่ายกอดอกและพยักหน้า
เป่ยเฟิงราวกับสูญเสียเป้าหมายหลัก ถ้ามันเป็นแค่สัตว์อสูรกระจอกก็ว่าไปอย่าง แต่เจ้ากระต่ายกลับบอกว่าเจ้าตัวนี้แข็งแกร่งกว่ามัน
เป่ยเฟิงเงียบไปชั่วครู่ ราชาเสือดำตัวนี้ราวกับระเบิดเวลาชัด ๆ … เว้นเสียแต่ว่าเขาจะจากโลกนี้ไปและไม่กลับมาอีก ถ้าเป็นไปได้เขาไม่อยากจะแตะมันด้วยซ้ำ
กู่ฉียังบอกอีกว่ามีออร่าทรงพลังจำนวนมากที่หลงเหลืออยู่ในหุบเขาซึ้งมันแข็งแกร่งกว่ามาก
“เอาเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้ออกไป มาแจ้งข้าทันทีถ้ามันตื่น ระวังตัวด้วย” เป่ยเฟิงบอกหลี่ปู้
“ขอรับ !” หลี่ปู้พยักหน้าและนำราชาเสือดำที่บาดเจ็บออกไป
ฮานกุยและเจ้าตัวนิ่มกลายมาเป็นตัวรับเคราะห์ทันที ดูเหมือนทั้งคู่จะเข้าใจแล้วว่ามันไม่สามารถหนีไปจากการทดลองนี้ได้ ! เมื่อนึกถึงวิธีที่เป่ยเฟิงจะทดลอง มันทำให้ทั้งสองตัวตัวสั่นอย่างแรง
ดูอย่างเจ้ากระต่ายบ้านั่นสิ มีความเป็นไปได้ไหมว่าความบ้าของเจ้ากระต่ายนั้นเหมือนโรคติดต่อ ? จากลักษณะท่าทางแล้วดูเหมือนเจ้ามนุษย์คนนี้ก็ไม่ได้ปกติเช่นกัน ตอนนี้ทั้งสองรู้สึกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของพวกมันมาก …
เป่ยเฟิงไม่รู้ว่าพวกมันคิดอะไร เขาสะบัดมือจากนั้นผู้คุ้มกันของเขาก็พาทั้งสองออกไป หลังจากนั้นเป่ยเฟิงก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วเดินไปหาเจ้ากระต่าย
“ฮี่ฮี่ กู่ฉี อ๊าา ไหนข้าขอดูสมบัติที่แกได้มาหน่อยสิ …”
อุ้งมือของเจ้ากระต่ายนั้นประดับประดาไปด้วยแหวนเก้าวงที่ดูสวยงามอย่างมาก !
“กี้ กี้ !” เจ้ากระต่ายตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะส่งเสียงประท้วง เจ้าเป็นคนไร้ยางอายขนาดนี้ได้ยังไงกัน ? ของเหล่านี้ทั้งหมดเป็นของข้า !
เป่ยเฟิงไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่มองด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัวบนหน้าของเขา
“กี้ กี้ !”
สุดท้ายก็ทำได้แค่ทำหน้าไม่พอใจ จากนั้นก็ถอดแหวนมิติและแหวนเก็บสมุนไพรโยนให้เป่ยเฟิง
รอยยิ้มของเป่ยเฟิงกว้างยิ่งขึ้นจากนั้นเขาก็ลบรอยประทับตราและสำรวจแหวน
“โอ้ว สมุนไพรจิตวิญญาณจำนวนมาก !
“นี้มันหินจิตวิญญาณชั้นยอด ! แกไปขุดเหมืองวิญญาณมางั้นหรอ ?”
หลังจากดูของในแหวนแล้วเป่ยเฟิงรู้สึกสับสนมาก แม้ว่าเขาจะเดาว่าการเก็บเกี่ยวของเจ้ากระต่ายจะไม่ได้เล็กน้อย แต่ก็ไม่คาดคิดว่ามันจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ !
ปริมาณของสมุนไพรจิตวิญญาณที่เขาปล้นได้มานั้นไม่ได้น้อยไปกว่าในแหวนมิติของเจ้ากระต่าย นอกจากนี้มันยังมีหินจิตวิญญาณชั้นยอดจำนวนมากในแหวน !
หินจิตวิญญาณชั้นยอดแต่ละก้อนมีค่าหลายล้าน HCD และมันมีอย่างน้อยหนึ่งแสนก้อนในแหวน !
“กี้ กี้ ! ” เจ้ากระต่ายเชิกคางขึ้นพร้อมกับหูของมันที่กระตุกด้วยความตื่นเต้น
‘เอ๊ะ ? มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ปกติแล้วเจ้าตัวนี้มันจะขึ้งกอย่างมาก แต่ทำไมตอนนี้มันกลับใจดีมอบของให้ข้ามากมายขนาดนี้กัน ?’ เป่ยเฟิงลูบคางในขณะที่คิด
“ดูนั่น ! นั่นอะไรน่ะ ?” เป่ยเฟิงกระโดดชี้ไปที่ด้านหลังเจ้ากระต่ายพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ
“ว๊ากก !” เจ้ากระต่ายตัวแข็งทื่อเล็กน้อย ก่อนจะหันหัวไปยังทิศตะวันออกที่เป่ยเฟิงชี้อย่างรวดเร็ว
เป่ยเฟิงหัวเราะเงียบ ๆ ก่อนจะย่องเข้าหาเจ้ากระต่ายทันที เขาตั้งใจจะปล้นแหวนวงอื่นที่มันเก็บไว้ แต่ทันใดนั้นเจ้ากระต่ายก็เผยรอยยิ้มกว้างแล้วใช้อุ้งมือของมันตบหัวของเป่ยเฟิง !
“ปัง !”
“ปึด ปึด !”
เป่ยเฟิงเร่งเลือดฉีของเขาในทันทีและตอบโต้กลับด้วยหมียักษ์ฟาดฟัน !
แต่ทันใดนั้นพลังที่น่าสะพรึงกลัวก็ปะทุขึ้นแล้วก่อนที่เขาจะตอบสนองทัน มันก็พุ่งเข้าหาเขาแล้วทุบเขาลงบนพื้น
และนี่เป็นเพียงการใช้ความแข็งแกร่งส่วนหนึ่งของเจ้ากระต่ายเท่านั้น ไม่อย่างนั้นหากมันโจมตีเต็มแรงเป่ยเฟิงจะต้องเจ็บหนักกว่านี้แน่นอน !
หลุมที่กว้างกว่า 3 เมตรและลึก 5-6 เมตรปรากฏบนพื้นและเป่ยเฟิงก็ค่อย ๆ คลานออกมาจากพื้นโดยใบหน้าและผมของเขายุ่งเหยิง เขามองเห็นเจ้ากระต่ายกำลังหัวเราะอย่างมีความสุข
เป่ยเฟิงตบเสื้อคลุมของเขาอย่างสง่างามก่อนจะยิ้มและลูบจมูก นี่มันน่าอายจริง ๆ
“ว๊าก !” เจ้ากระต่ายยังคงหัวเราะต่อไป มันโยกตัวไปมาไม่หยุดเพราะการหัวเราะ จากนั้นไม่นานก็ค่อย ๆ หยุดลง
“กี้ !” เจ้ากระต่ายหยิบแหวนเก็บสมุนไพรออกมาอีกวงและโยนมันไปหาเป่ยเฟิง
ต่อจากนั้นวัตถุสีเขียวก็ปรากฏในมือของเป่ยเฟิงพร้อมกับปลดปล่อยพลังที่น่าสะพรึงกลัวออกมา !
ทันทีที่วัตถุสีเขียวนั้นออกมา พืชรอบตัวเขาก็เติบโตอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า !
‘พลังชีวิตอะไรกัน ! ต่อให้มันใช้ฝึกฝนหรือฟื้นพลังไม่ได้ แต่คุณค่าของมันไม่ใช่สิ่งที่จะคาดเดาได้ !’
ดวงตาของเป่ยเฟิงสว่างขึ้นเมื่อข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุสีเขียวนี้ปรากฏนี้ปรากฏในใจของเขา
“เกิดจากพลังส่วนหนึ่งของไผ่เทียนจุนและหินย้อยจิตวิญญาณที่มีอายุไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านปี ถึงแม้มันจะไม่สามารถใช้คืนชีพคนตายได้แต่มันสามารถใช้รักษาบาดแผลและกระดูกทั้งหมดได้ !”
ตราบใดที่มีมันจะเทียบเท่ากับการมีชีวิตพิเศษอีกชีวิต ตราบใดที่วิญญาณของพวกเขาไม่กระจัดกระจายพวกเขาก็จะฟื้นจากอาการบาดเจ็บได้ !
เป่ยเฟิงไม่ได้คิดนานนัก เขาแยกเจ้าวัตถุสีเขียวที่เหมือนเยลลี่เป็นสองส่วนแล้วส่งครึ่งหนึ่งให้กู่ฉี
“กี้ กี้ !”
เจ้ากระต่ายไม่ปฏิเสธและยอมรับโดยดี มันส่งเสียงแหลมสองครั้งราวจะบอกว่า “อย่างน้อยแกก็ยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและไม่ลืมส่วนแบ่งของข้า !”