Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 574
ใบหน้าของเจิ้งซานฉิงมืดลง “บ้าเอ้ย ! ต่อให้แกเป็นราชาพันปีแล้วไง แกไม่มีวันทำลายค่ายกลนี้ได้อยู่ดี !” เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงแหบห้าว
ตราบใดที่ยังมีคนของตระกูลเจิ้งคอยขับเคลื่อน ค่ายกลไม่มีทางถูกทำลายได้ง่าย ๆ
โดยปกติแล้วต่อให้ผู้มีพลังระดับราชาพันปีขั้นแรกก็ไม่สามารถทำลายค่ายกลกับดักมังกรได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ตระกูลเจิ้งกลายเป็นตระกูลอันดับต้น ๆ ของเมืองซานชวน
ค่ายกลกับดักมังกรถูกสร้างขึ้นมาโดยใช้การเชื่อมโยงฉีจากเลือดฉีของผู้ฝึกตนนับร้อย ทุกการโจมตีที่ถาโถมเข้ามามันจึงไหลเวียนไปที่ผู้ที่ควบคุมมันทั้งหมด
แม้ว่าค่ายกลนี้จะทำอะไรหลี่ปู้ไม่ได้ แต่ตราบใดที่พวกเขายื้อไว้ได้ อีกฝ่ายก็จะหมดพลังไปเอง
นอกจากนี้เจิ้งซานฉิงก็ได้ส่งสัญญาณให้เจ้าเมืองรู้แล้วว่ามีตัวตนระดับราชาพันปีปรากฎตัวขึ้นที่นี่ !
เจ้าเมืองถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลเจิ้งเนื่องจากเขาเป็นบุตรชายของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของตระกูลเจิ้ง เขามีความสามารถและเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ หลังจากเขาได้แต่งงานกับลูกสาวของผู้อาวุโสในตระกูลเจิ้ง เจิ้งซานฉิงมั่นใจว่าเจ้าเมืองจะต้องมาช่วยเขาแน่นอน !
“ฮึ่ม นั่นคือเหตุผลที่ข้าถึงบอกว่าแกไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งที่แท้จริง” หลี่ปู้กล่าวโดยไร้อารมณ์ ข้อได้เปรียบของผู้มีพลังระดับราชาพันปีนั่นก็คือเขาสามารถใช้พลังวิญญาณได้ !
“หลี่ซุย !” หลี่ปู้ตะโกนขึ้นจากนั่นเขาและวิญญาณก็รวมกันกลายเป็นยักษ์สูงสิบจั้ง !
“ฮี้ !”
เสียงม้าร้องดังขึ้นจากนั้นม้ายักษ์ที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงก็ปรากฎโดยมีนายพลผู้ยิ่งใหญ่ขี่มัน มันช่างเป็นภาพที่ดูตระการตามาก !
“กึง !”
ฉีที่น่าหวาดกลัวปะทุขึ้นจากทั้งม้าและคนขี่ มันถึงกับทำให้พื้นรอบตัวสั่นสะเทือนและทำให้คนที่อยู่รอบ ๆ สั่นด้วยความหวาดกลัว
“ผนึกกองกำลัง !”
เสื้อคลุมของหลี่ปู้กระพือไปตามสายลม หลี่ปู้มองไปข้างหน้าจากนั่นก็เริ่มขยับตัว !
“ฮี้ !”
ม้ายักษ์ยกเท้าขึ้นก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นมันก็กลายเป็นแสงไฟครอบคลุมมันกับหลี่ปู้ก่อนที่มันจะหายไป !
“ยึดครองโลก !”
หลี่ปู้ราวกับสูญเสียอารมณ์และความรู้สึกทั้งหมดของมนุษย์ไป เขาในตอนนี้หลงเหลือแต่เพียงจิตสำนึกแห่งสงคราม ! มันราวกับตัวเขาคือกองทัพ !
ร่างของเขาเต็มไปด้วยหมอกสีดำ ดวงตาของเขาราวกับอุโมงค์ที่มืดมิดที่พร้อมจะกลืนกินศัตรูทั้งหมด !
“จับมังกร !’
ทุกคนในตระกูลเจิ้งมองดูสัตว์อสูรที่เหมือนหลี่ปู้ด้วยความไม่สบายใจ
“ไม่มีทางหรอก ยังไงแกก็ไม่มีทางทำลายค่ายกลกับดักมังกรของเราได้ !”
“ต่อให้มีราชาพันปีขั้นสองมาช่วยโจมตีไปอีกซักร้อยปี ค่ายกลของเราก็ยังคงอยู่ !”
คนของตระกูลเจิ้งพูดปลอบใจตัวเอง พวกเขาเรียกความมั่นใจในตัวเองกลับคืนมาและนั่นก็ทำให้เต่าแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
จากนั้นหลี่ปู้ก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพร้อมกับดวงจันทร์เต็มดวงที่ส่องประกายอยู่ด้านหลังเขา
เมื่อก้าวไปก้าวที่สอง ดวงจันทร์ก็กลายเป็นจันทร์เสี้ยว !
และเมื่อก้าวไปก้าวที่สาม พื้นใต้เท้าของเขาราวกับถูกระเบิด รอยร้าวสีดำจำนวนมากกระจายออกมาพร้อมกับดวงจันทร์ที่เริ่มหมุน !
“ตอนนี้เป็นวิกฤติของตระกูลเจิ้งของเรา พวกเราทุกคนต้องรวบรวมเลือดฉีให้ได้มากที่สุด ตราบใดที่พวกเรารอจนเจ้าเมืองมาช่วยพวกเราได้ เราก็จะปลอดภัย !” เจิ้งซานฉิงบอกกับคนของเขาเมื่อเห็นดวงจันทร์ที่น่ากลัวนั่น
“ปกป้องตระกูลจนถึงวันสุดท้าย !” ทุกคนตะโกนอย่างพร้อมเพรียง เสียงตะโกนของพวกเขามันดังจนทำให้แก้วที่อยู่รอบ ๆ ถึงกับแตกละเอียด !
ทุกคนรู้ดีว่าพวกเขาตกเป็นเป้าหมายของคนที่พวกเขาเคยกระทำในอดีต ดังนั้นหากพวกเขาล้มในตอนนี้จะถือว่าเป็นจุดจบของพวกเขาในทันที
“โฮก !” เมื่อตระกูลเจิ้งรวบรวมฉีจำนวนมากได้มากพอ เลือดฉีก็ถูกปลดปล่อยออกมาราวกับหมอกควันก่อนจะถูกดูดกลืนเข้าไปโดยเต่ายักษ์แล้วจากนั้นมันก็คำรามดังก้องไปทั่วฟ้า
หนามแหลมบนกระดองของมันพุ่งออกมาแล้วลอยอยู่กลางอากาศโดยเล็งไปทางหลี่ปู้และคนของเขา ! หนามแต่ละอันมีขนาดเท่าโต๊ะและมันเป็นสีแดงราวกับเลือดฉี !
“โลก !”
“จงดู !”
หลี่ปู้คำรามออกมาจนทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือน พลังของเขาในตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าราชาพันปีขั้นสาม ! ก้าวเพียงแค่สามก้าวมันกลับทำให้เขาสามารถรวบรวมพลังจำนวนมากได้ถึงขนาดนี้ !
“วิ้ง !’
เมื่อหลี่ปู้พูดจบ ดวงจันทร์ที่หมุนอยู่ก็หมุนควงไปทางเต่า !
“โฮก !” เต่าราวกับมีชีวิตจริง ๆ ความกลัวปรากฎบนดวงตาของมัน หนามแหลมหลายร้อยอันพุ่งออกไปราวกับลูกศรไปยังหลี่ปู้ !
“วิ้ง !”
“ฟุ้บ !”
หลี่ปู้เหวี่ยงง้าวของเขา จากนั้นม้าและนายพลก็ทำตามเขาราวกับเป็นเงาของเขา โดยนายพลเหวี่ยงง้าวออกไปด้านข้างพร้อมกับม้า !
เสียงมิติฉีดขาดดังขึ้นเมื่อหลี่ปู้แกว่งง้าวสวรรค์ของเขา ไม่มีลำแสงหรือแรงสั่นสะเทือนใด ๆ แต่หนามที่พุ่งเข้ามาใกล้ ๆ บริเวณ 50 เมตรตรงด้านหน้าเขาเริ่มแข็งค้างก่อนจะกลายเป็นฝุ่นสลายหายไป
จากนั้นราวกับว่าหนามแหลมที่ลอยอยู่รอบ ๆ ตัวเต่าได้รับผลกระทบบางอย่าง พวกมันหยุดค้างก่อนจะหันหลังแล้วพุ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม !
“แกร๊ก !”
หนามของเต่าเริ่มร่วงหล่น มันพุ่งลงมาด้านล่างด้วยเสียงหวีดแหลม ยิ่งรวมกับฉีที่ถูกรวมเข้าไปในหนามราวกับอาวุธชั้นยอด เมื่อมันพุ่งลงมาด้วยความเร็วสูงมันได้เกิดประกายไฟลุกโชนครอบคลุมตัวมันขึ้น
หนามบางส่วนพุ่งผ่านเต่าไปและมีบางส่วนพุ่งเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลเจิ้ง !
“ปุก ปุก !’
ภายใต้การโจมตีที่ดุร้าย มันทำให้หนึ่งในสามของสมาชิกตระกูลเจิ้งกระอัดเลือดออกมา หากไม่ใช่เพราะค่ายกลที่พวกเขาสร้างขึ้นคงมีอย่างน้อยครึ่งหนึ่งที่ต้องตาย !
“อย่ากังวล ! เราต้องป้องกันการโจมตีนี้ให้ได้ เจ้าเมืองกำลังมาที่นี่ ! การโจมตีของอีกฝ่ายอาจจะแข็งแกร่ง แต่เขาไม่มีทางใช้มันได้หลายครั้งแน่ !” เจิ้งซานฉิงพยายามสร้างขวัญกำลังใจให้กับคนของเขาหลังจากเห็นว่าการโจมตีของอีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เจิ้งซานฉิงจะพูดจบเขาก็เห็นดวงจันทร์พุ่งเข้ามา !
ดวงจันทร์เปล่งประกายแสงจ้าก่อนที่จะมาลอยอยู่ตรงหัวของเต่า !
เจิ้งซานฉิงพยายามควบคุมเต่าให้หันไปอีกทาง แม้ว่าค่ายกลจะใช้พลังของผู้ที่มีพลังร้อยปีในการสร้างมันขึ้นมา แต่ตัวเต่านั้นสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วเทียบเท่ากับราชาพันปี !
สิ่งที่เจิ้งซานฉิงกลัวในที่สุดก็เกิดขึ้น มันมีช่องว่างปรากฎรอบกระดองของเต่าจนทำให้เต่าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
สถานการณ์เริ่มยากลำบากมากขึ้น แต่ในไม่ช้าเต่าก็เป็นอิสระในที่สุด อย่างไรก็ตามกว่าที่มันจะเป็นอิสระได้ ดวงจันทร์ก็เริ่มโจมตีออกมา
“ปุก !”
เสียงเบา ๆ ดังขึ้น แม้ว่ามันจะเบามากแต่เจิ้งซานฉิงก็ได้ยินมัน
จากนั้นดวงจันทร์ก็เริ่มหยุดหมุนและค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ มันไม่ได้หายไปเพราะมันหายไปเองแต่เพราะมันเคลื่อนไหวเร็วมากจนแม้แต่ผู้มีพลังครึ่งก้าวราชาพันปีก็ยังมองไม่เห็นมัน !
ใช่แล้ว มันหายไปเพราะมันพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่เร็วมากจนไม่มีใครมองเห็นได้ทัน ! มันพุ่งผ่านเต่าไปโดยที่เจิ้งซานฉิงก็ยังไม่รู้สึก !
สิบลี้ห่างจากคฤหาสน์ตระกูลเจิ้ง ในอาคารที่สง่างาม มีชายคนหนึ่งในชุดสีขาวยืนมองอยู่
“ที่รัก คุณคิดจะยืนเฝ้ามองอยู่ตรงนั่นงั้นรึ ? ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันไม่เคยขออะไรจากคุณเลย แต่ตอนนี้ฉันขอร้อง ได้โปรดช่วยตระกูลเจิ้งด้วย !”
ผู้หญิงวัยยี่สิบอ้อนวอนอย่างสิ้นหวังกับชายที่ยืนข้าง ๆ เธอ
“ตระกูลเจิ้งจบแล้ว ถึงจะไปช่วยตอนนี้ผลลัพธ์มันก็ไม่เปลี่ยน” ชายวัยกลางคนตอบด้วยน้ำเสียงสงบจนคนฟังไม่สามารถคาดเดาความคิดของเขาได้ อย่างไรก็ตามสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ แล้วมันราวกับทำลายความหวังของเธอ
“สามี ! ทำไมคุณถึงเย็นชาขนาดนี้ ! ตระกูลเจิ้งจัดหาทรัพยากรจำนวนมากมาให้คุณเพื่อที่คุณจะได้แข็งแกร่งขึ้น พวกเขาทำตัวดีกับคุณมากกว่าตระกูลไหน ๆ ในฐานะที่คุณเป็นลูกเขยของพวกเขา แต่ดูคุณตอนนี้สิ คุณประสบความสำเร็จทุกอย่างแต่คุณตอบแทนเขาโดยการไม่ไปช่วยพวกเขางั้นหรอ !”
เจิ้งยู่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสามีของเธอจะเย็นชาและไร้หัวใจขนาดนี้
“ตระกูลเจิ้งทำดีกับข้า ที่พวกเขาทำดีขนาดนั้นก็เพราะพวกเขาเป็นคนฆ่าพ่อของข้าจากนั้นก็มอบนามสกุลเจิ้งให้ข้า ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเจ้า ข้าคงกำจัดตระกูลเจิ้งไปแล้วก่อนที่จะได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา ! สำหรับเจ้า ข้าคิดว่าข้าได้แสดงความเมตตามามากแล้วสำหรับพวกเขาเพราะสำหรับเจ้าแล้วมันหมายถึงการที่พวกเขาไม่ต้องสละชีวิตตัวเอง นอกจากนี้พวกเขายังได้ประโยชน์จากตำแหน่งของข้าในฐานะเจ้าเมือง แล้วเจ้ายังต้องการให้ข้าทำอะไรให้อีก ?” กู่ซานเฉิงพูดไปโดยกึ่งยิ้มกึ่งร้องไห้
“ไม่ …. เป็นไปไม่ได้ …. ต้องมีใครบางคนใส่ร้ายพวกเราให้แตกคอกัน !”
ใบหน้าของเจิ้งยู่ซีดเพราะเธอไม่อยากจะเชื่อคำพูดของเขา หากกู่ซานเฉิงพูดความจริงนั่นเท่ากับตระกูลเจิ้งโชคดีมามากพอแล้ว
“ยังมีอีกหลายเรื่องที่เจ้าไม่รู้ เจ้าคิดว่าตระกูลเจิ้งให้เงินจำนวนมากกับข้าจริง ๆ งั้นรึ ? ไม่เลย ที่จริงแล้วทั้งหมดมันเป็นการตัดสินใจของพ่อเจ้า ข้าเป็นหนี้บุญคุณพ่อของเจ้าไม่ใช่ตระกูลเจิ้ง เขามาหาข้าก่อนตระกูลเจิ้งซะอีก เขามาขอความเมตตากับตระกูลเจิ้งพร้อมกับการคอยดูแลเจ้า” กู่ซานเฉิงใบหน้าซับซ้อนในขณะรำลึกถึงอดีต “เจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหม พ่อของเจ้าเป็นคนที่ยืดอายุพวกเขาได้มานานหลายสิบปี ดังนั้นพวกเขาควรจะพอใจกับผลลัพธ์ที่พวกเขาได้มามากพอแล้ว”
“ไม่ … ไม่จริง !” เจิ้งยู่พึมพำซ้ำ ๆ จากนั้นเธอก็มองไปยังทิศคฤหาสน์ตระกูลเจิ้งด้วยแววตาไร้ชีวิต
เมื่อเห็นสภาพของเธอ กู่ซานเฉิงก็เรียกลูกน้องของเขาเข้ามา ในไม่ช้าชายวัยกลางคนก็วิ่งเข้ามาแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
“ข้าน้อยอยู่นี่แล้ว !” ชายคนนั้นกล่าวด้วยความเคารพ
“คุณนายเหนื่อยมากแล้ว พาเธอไปพักผ่อนที่ห้องของเธอ” กู่ซานเฉิงพูดจบก็เดินจากไป