Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 578
ดอกไม้หลากหลายชนิดบานสะพรั่งในสวนทำให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอม
กลีบดอกและใบไม้โบกสะบัดทำให้เกิดเสียงกรอบแกรบทุกการเคลื่อนไหวของเป่ยเฟิง
“ฟู้ม !”
เสียงของสายลมฉีกกระชากจากกองใบไม้ในขณะที่เป่ยเฟิงทำท่าหมัดจนเกิดเงามังกรปรากฎรอบตัวเขา !
มังกรมันดูสมจริงราวกับมันมีชีวิต !
จากนั้นเป่ยเฟิงก็เปลี่ยนท่า ตัวเขาในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก เพียงแค่ยืนอยู่เฉย ๆ เขาก็ราวกับภูเขาขนาดใหญ่ !
“ปัง !”
อากาศระเบิดอีกครั้งเมื่อเป่ยเฟิงเคลื่อนไหวอีกครั้ง มันราวกับภูเขาขนาดใหญ่เคลื่อนไหวโดยที่ไม่มีอะไรสามารถหยุดมันได้ จากนั้นหมีตัวหนึ่งก็ปรากฎตัวก่อนจะพุ่งไปหาใบไม้ที่โบกสะบัดไปมาในสายลม
ก่อนที่หมีจะไปถึง เป่ยเฟิงก็กางแขนจากนั้นหมีก็กลายเป็นนกอินทรี !
เป่ยเฟิงพลิกแขนทั้งสองข้างไปยังอีกทิศ
จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จนเกิดสายลมโหมกระหน่ำ ในไม่ช้าพวกมันก็พุ่งไปทำลายต้นไม้หลายต้นที่อยู่ตรงหน้าเขา !
หลังจากนั้นเป่ยเฟิงก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
“เคล็ดบัญญัติกฎสวรรค์มาถึงจุดสูงสุดของมันแล้ว หากข้าไปยังขั้นสี่ได้นั้นหมายความว่าข้าทำลายคอขวดไปยังระดับราชาพันปีด้วยเช่นกัน !” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเอง ลมหายใจของเขาเต็มไปด้วยความสงบ ไม่มีใครสามารถต้านทานพลังของราชาพันปีได้ มันราวกับผู้มีพลังระดับราชาพันปีคือตัวตนอมตะ !
หนึ่งพันปี ! นั้นคือชีวิตที่เขาสามารถยืดหยัดอยู่บนโลกใบนี้ได้หากมีพลังระดับราชาพันปี ด้วยวันเวลาที่เปลี่ยนไปมันย่อมทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในโลกใบนี้ได้
“ทรัพยากรที่นี่มันดีกว่าโลกเดิมมาก !” เป่ยเฟิงพึมพำ หากเขายังคงอยู่บนโลกเดิม เขาคงไม่มีทางพัฒนาได้เร็วขนาดนี้ด้วยเวลาสั้น ๆ ได้
‘ก็ดี ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวแล้ว ได้เวลาที่ข้าจะมุ่งเน้นไปที่การทำลายคอขวดให้ได้แล้ว’
เป่ยเฟิงรู้สึกว่าเขามาถึงขีดจำกัดแล้ว ตัวเขาในปัจจุบันมีเพียงการทำลายคอขวดไปยังระดับราชาพันปีเท่านั้นถึงจะเพิ่มความแข็งแกร่งมากกว่านี้ได้
เคล็ดบัญญัติกฎสวรรค์มันไม่สามารถเพิ่มพลังฝึกฝนให้เขาได้ในตอนนี้ เขาทำได้เพียงฝึกฝนตามปกติเพื่อเพิ่มพลังฉีขึ้นเท่านั้น
ไม่ใช่แค่นั้น เคล็ดการหายใจด้วยแสงดาวนั้นไม่สามารถช่วยอะไรเเขาได้อีกแล้วไม่ว่าเขาจะทุ่มเททรัพยากรไปมากแค่ไหนก็ตาม
หลังจากทำลายล้างตระกูลเจิ้งและยึดตำแหน่งตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองซานชวน เขาเห็นตระกูลมากมายมาเยี่ยมพวกเขาเพื่อแสดงความเคารพ
หลายคนมาพร้อมกับของขวัญ พวกเขาพยายามทำความรู้จักและสร้างมิตรภาพกับตระกูลหลี่
ท้ายที่สุดแล้วความคิดและความตั้งใจของตระกูลหลี่มันส่งผลต่อพวกเขามาก จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะรีบร้อนมาแสดงความเป็นมิตร
ในทางกลับกัน อดีตสมาชิกตระกูลหลี่หลายคนต้องการที่จะได้รับการยอมรับจากทางตระกูลอีกครั้ง แต่พวกเขาก็ถูกปฎิเสธไป พวกเขายังมีเวลาหนีไปได้ในครั้งนี้ แต่หากเจอกันครั้งหน้ามันจะไม่โชคดีอีกต่อไป
หลี่บู่ฮุยไม่สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอกห้องของเธอแม้แต่น้อย ทรัพยากรทุกอย่างทุกประเภทจำนวนมากทยอยถูกนำเข้ามาในห้องเธอเกือบจะตลอดเวลา
“ท่านเจ้าเมืองมาถึงแล้ว !” ผู้คุ้มกันที่หน้าประตูประกาศขึ้นจากนั้นคนหกคนก็เดินเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลหลี่
ชายสวมเสื้อคลุมสีม่วงหัวเราะและพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “เจ้าต้องเป็นหลี่ปู้แน่ ๆ ฮาฮ่า แน่นอนว่าการเจอหน้าย่อมดีกว่าการได้ยินเรื่องของเจ้าจากผู้อื่น”
เขาทำราวกับว่าเขาคือสหายของหลี่ปู้
“เกรงใจแล้ว ท่านเจ้าเมืองหากไม่ใช่เพราะท่านไม่มาหยุดข้า ข้าคงทำลายตระกูลเจิ้งไม่ได้หรอก” รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของหลี่ปู้ในขณะพูดคุยกับกู่ซานเฉิง เนื่องจากเป่ยเฟิงกำลังยุ่งอยู่กับการทำลายคอขวดไปยังระดับราชาพันปี ดังนั้นจึงเป็นหลี่ปู้ที่รับหน้าที่เป็นคนรับหน้า
กู่ซานเฉิงแข็งค้างหลังจากได้ยินคำพูดของหลี่ปู้ ทำไมหลี่ปู้ถึงพูดเรื่องตระกูลเจิ้งต่อหน้าเขา หรือเพราะเขามาจากตระกูลเจิ้ง ? การสนทนาเต็มไปด้วยความอึดอัด ดังนั้นกู่ซานเฉิงจึงเปลี่ยนหัวข้อทันที
กู่ซานเฉิงปรับอารมณ์และตอบกลับ “นายพลหลี่ต้องล้อเล่นแล้ว ตระกูลเจิ้งนำภัยมาหาตัวเอง ข้าจึงไม่มีเหตุต้องไปช่วยพวกเขา”
ชายสองคนนั่งอยู่ในศาลาและพูดคุยกัน ส่วนใหญ่แล้วมันคือเรื่องไร้สาระ
เมื่อกาน้ำชาที่สองมาถึงโต๊ะ หลี่ปู้ก็ทนไม่ได้กับการทำเป็นพิธีและเหมือนเจ้าบ้านในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม คนตรงหน้าเขาคือกู่ซานเฉิง เขาคือเจ้าเมืองซานชวน มีเพียงระดับราชาพันปีอย่างหลี่ปู้เท่านั้นที่เหมาะจะมาเป็นเจ้าบ้านต้อนรับเขา เขาคงจะไปขอให้ฮานกุยหรือสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ มาเป็นเจ้าบ้านต้อนรับกู่ซานเฉิงไม่ได้
กู่ซานเฉิงเก็บความดีใจไว้ในใจเมื่อเห็นว่าหลี่ปู้เริ่มเบื่อ ในการเจรจานั้น ฝ่ายแรกที่สูญเสียความอดทนมักจะเป็นฝ่ายแพ้
สำหรับกู่ซานเฉิงแล้ว ความตั้งใจหลักของเขาคือผลประโยชน์และทรัพยากรของตระกูลหลี่ การที่ตระกูลหลี่มีตัวตนระดับราชาพันปีนั่นหมายความว่าพวกเขามั่นคั่งไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงมาที่นี่เพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง
ตระกูลหลี่คือตระกูลที่เพิ่งตั้งรากฐานที่นี่ พวกเขาไม่ค่อยมั่นคงนัก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการผลประโยชน์จากตำแหน่งในปัจจุบันเช่นกัน
เนื่องจากตระกูลหลี่มีตัวตนระดับราชาพันปีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่นับรวมสัตว์อสูรทั้งสองตัวนั้น การจ่ายเงินเพียงเล็กน้อยของพวกเขาย่อมเป็นที่เข้าใจได้
หลี่ปู้หยุดตีพุ่มไม้ไปรอบ ๆ และพูดขึ้น “ท่านเจ้าเมือง ข้าขอพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยนะ พวกเราตระกูลหลี่ไม่สนใจเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองซานชวนหรอก พวกเรากำลังจะออกเดินทางในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”
กู่ซานเฉิงแปลกใจและถามขึ้น “โอ้ ? ท่านนายพลหลี่พูดจริง ?”
“แน่นอน นอกจากนี้เราต้องการความช่วยเหลือจากท่านเจ้าเมืองเช่นกัน พวกเราต้องการขายธุรกิจทั้งหมดของตระกูลเจิ้ง”
หลี่ปู้เข้าใจดีว่ากู่ซานเฉิงสงสัยอะไร ดังนั้นเขาจึงพูดออกไปตรง ๆ
เนื่องจากเมืองซานชวนไม่ต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลกและภัยคุกคามใหม่ ดังนั้นกู่ซานเฉิงจึงรู้สึกโล่งใจและเสนอตัวด้วยความจริงใจ “ไม่มีปัญหา อ่อใช่ นายพลหลี่เพิ่งจะทำลายคอขวดมายังระดับราชาพันปีใช่ไหม ? ข้ามียาชั้นยอดที่สามารถพัฒนาทักษะหรือวิชาของตัวตนระดับราชาพันปีได้อยู่ หากท่านสนใจสามารถแวะไปหาข้าได้ที่คฤหาสน์ตลอดเวลา”
เหตุผลที่ทำให้กู่ซานเฉิงใช้เวลาหลายวันกว่าจะมาเยี่ยมตระกูลหลี่ก็เพราะเขากำลังสืบหาข้อมูลภูมิหลังของตระกูลหลี่ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมตระกูลหลี่ถึงพัฒนาได้เร็วขนาดนี้ แต่เขาพบว่าหลี่ปู้นั่นเป็นคนที่ถูกรับเลี้ยงมา ดังนั้นเขาจึงมีโอกาสสูงมากที่เขาจะโน้มน้าวหลี่ปู้ได้
ในสายตาของเขา เคล็ดการฝึกฝนของหลี่ปู้นั้นดูธรรมดา ๆ มันจึงมีความเป็นไปได้ว่าเขาโชคดีที่ทำลายคอขวดไปยังระดับราชาพันปีได้ ดังนั้นหากเขามอบความรู้เพิ่มเติมให้กับหลี่ปู้ มันมีโอกาสสูงมากที่อีกฝ่ายจะยินดีติดตามเขา
“หึหึ ท่านเจ้าเมืองต้องล้อข้าเล่นแน่ ๆ อย่างที่ข้าพูดไป เมืองซานชวนมันเล็กเกินไป” หลี่ปู้ปฎิเสธโดยไม่ลังเล นี่มันเรื่องตลกชัด ๆ ! หลังจากที่ได้เห็นโลกภายนอกและความมหัศจรรย์ของมัน ทำไมเขาต้องมาพอใจกับเมืองเล็ก ๆ แบบนี้ด้วย ?
ใบหน้าของกู่ซานเฉิงมืดลง เขาไม่คาดคิดเลยว่าหลี่ปู้จะปฎิเสธเขาทันที ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหลี่ปู้หมายถึงอะไรที่ว่าเมืองซานชวนมันเล็กเกินไป
กู่ซานเฉิงคิดว่าหลี่ปู้นั้นหมายถึงเมืองมันไม่ใหญ่พอที่จะมีตัวตนระดับราชาพันปีสองคน ดังนั้นเพื่อไม่ให้กลายเป็นศัตรูกัน หลี่ปู้จึงเลือกที่จะวางแผนให้พวกเขากลายเป็นที่รู้จัก
แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน กู่ซานเฉิงคิดว่าหลี่ปู้พูดความจริง มันเหมือนกับหนูเมืองที่กำลังพูดคุยกับหนูนา
“ข้าพูดชัดเจนเกี่ยวกับความคิดของเขาพอแล้ว ข้าคงต้องขอตัวไปจัดการเรื่องอื่นก่อน ขอลา”
หลี่ปู้มากพิธีพอแล้ว ทันทีที่เขาตัดสินใจพูดโดยตรงมันก็ทำให้การสนทนาจบลงทันที หลี่ปู้เดินจากไปโดยไม่สนใจใบหน้าในปัจจุบันของเจ้าเมืองแม้แต่น้อย
กู่ซานเฉิงยังคงอยู่ในศาลาด้วยความโกรธ โต๊ะด้านหน้าเขาเริ่มสั่นจากนั้นก็กลายเป็นฝุ่นผงไป
“ไปกันเถอะ”
ถึงมันจะดูน่าอาย แต่กู่ซานเฉิงก็สั่งคนของเขาให้จากไป
“นายท่าน ตระกูลหลี่มันหยาบคายจริง ๆ มันเป็นเพียงตระกูลหน้าใหม่ แต่ยังกล้าเหิมเกริมขนาดนี้”
“ใช่ พวกมันมีตัวตนระดับราชาพันปีเพียงคนเดียว แต่ทักษะและวิชาของมันยังอ่อนด้อยกว่านายท่าน ท่านน่าจะสอนบทเรียนให้พวกมัน”
ภายในสวนตระกูลหลี่ กู่ซานเฉิงและคนของเขากำลังมุ่งหน้าไปยังทางออกโดยลูกน้องของเขากำลังยุแย้งเขาอยู่
อย่างไรก็ตาม กู่ซานเฉิงไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขามากนัก ท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็มีพลังระดับราชาพันปีเช่นกัน การต่อสู้กับอีกฝ่ายนอกจากจะไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์แล้วอาจเกิดผลเสียไม่น้อย
“กี้ !”
กระต่ายสีแดงกระโจนออกมาจากสวนและขวางทางกู่ซานเฉิงและคนของเขาเอาไว้ มันกำลังมองดูเขาด้วยดวงตาอยากรู้อยากเห็น
“ถอยไป ! เป็นแค่กระต่ายแต่กล้าขวางพวกเรางั้นรึ !”
คนของกู่ซานเฉิงคนหนึ่งเดินขึ้นมาแล้วใช้มือทุบไปที่สิ่งมีชีวิตโง่ ๆ ตรงหน้า
“หยุด !”
“ตู้ม !”
กู่ซานเฉิงรู้สึกสับสนเพราะไม่สามารถรู้สึกได้พลังของเจ้ากระต่ายได้ มันราวกับว่ามันอาจจะเป็นกระต่ายธรรมดาหรืออาจจะกระต่ายที่มีพลังสูงกว่าเขาก็ได้
อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณของเขามันบอกว่าให้ระวังเจ้ากระต่ายตรงหน้า เขาไม่สามารถห้ามลูกน้องของเขาได้ทันเวลา ในไม่ช้าฝ่ามือก็ทุบเข้ากับพื้นจนเกิดฝุ่นจำนวนมากพุ่งออกมาจากพื้น !