Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 622
[พเนจร = คนที่ไม่มีใครหนุนหลัง / เหล่าพวกที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก]
กลุ่มผู้ฝึกตนเต็มไปด้วยคำสาปแช่ง แม้แต่คนที่มีอารมณ์ดีใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำ
รูปปั้นหินทั้งสองข้างของสะพานมันดูเหมือนจริงมาก มันเป็นรูปปั้นของสัตว์อสูรที่มีสายเลือดระดับสูงสุด !
และรูปปั้นหินในตอนนี้มันกำลังกลับมามีชีวิตอีกครั้ง !
ไม่สิ มันไมใช่กลับมามีชีวิต แต่เป็นเงาของมันต่างหาก !
เงาของสัตว์อสูรเคลื่อนไหวไปมาราวกับมีชีวิต มันขวางทางผู้คนเอาไว้
“นี่มัน … นี่มันเสือโลหิต !”
“พี่ชาย ท่านยังดี ดูข้าสิ ! นี่มันไอ้บัดซบอสูรกลืนกินนภา !”
“นี่เป็นแค่การทดสอบเข้าซากโบราณใช่ไหม ? เราต้องสู้กับพวกมันจริง ๆ งั้นหรอ ?”
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นสีดำ พวกเขาจะไปสู้กับพวกมันได้ยังไงกัน !
คนข้างนอกก็สังเกตเห็นด้วยเช่นกัน ร่างของสัตว์อสูรที่เคารพสั่นเล็กน้อยจากนั้นมันก็เปลี่ยนกลายเป็นมนุษย์
ชุดเกราะสีดำทรงพลังปรากฎรอบ ๆ ตัวมัน ครอบคลุมร่างกายและปกป้องรูปร่างที่แท้จริงของมันเอาไว้
“มันไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน หรือว่ามีบางอย่างผิดปกติในซากโบราณกัน ?” สัตว์อสูรที่เคารพพึมพำในขณะดวงตาของมันเปล่งประกาย
ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความจริงจัง ดูเหมือนสมบัติจะไม่ง่ายซะแล้ว
พวกเขาต่างเป็นห่วงคนของพวกเขาว่าจะเอาชีวิตรอดมาได้หรือไม่
แม้ว่าศิษย์หรือคนของพวกเขาที่พามาด้วยครั้งนี้จะไม่ใช่อัจฉริยะที่ดีที่สุด แต่พวกเขาอ่อนแอกว่าพวกนั้นเล็กน้อยเท่านั้น
การสูญเสียไม่กี่คนนั้นยังพอรับได้ แต่หากมีคนบาดเจ็บหรือล้มตายมากเกินไป แม้แต่กลุ่มใหญ่ก็รู้สึกเสียใจ
ใบหน้าของเป่ยเฟิงไม่ได้เปลี่ยนแปลงใด ๆ เขาจัดหาทรัพยากรและทักษะต่อสู้ให้คนของเขาได้ตลอด เนื่องจากเขาเข้าใจถึงความเสี่ยงในการเดินบนเส้นทางการต่อสู้ดี
ไม่มีเวลาให้คิด ผู้คนที่อยู่บนสะพานทำได้เพียงแค่มุ่งหน้าไปปะทะกับสัตว์อสูรเหล่านั้น
“แปลก … ทำไมพวกมันอ่อนแอกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ ?”
“สัตว์อสูรพวกนี้มันอ่อนแอกว่าพวกเราเสียด้วยซ้ำ !”
ทันทีที่พวกเขาปะทะกับมัน พวกเขาต่างตกใจมาก มันคือสิ่งที่เรียกว่าเงาของสัตว์อสูรระดับสูง แต่จริง ๆ แล้วมันกลับอ่อนแอกว่าที่คิดไว้มาก
ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่มีใครรู้ พวกเขาค้นพบว่าสัตว์อสูรที่ปะทะกับพวกเขาจะมีพลังต่ำกว่าระดับหนึ่ง !
ตัวอย่างหากผู้มีพลังระดับสี่ของร้อยปีปะทะกับสัตว์อสูร มันจะปะทะกับสัตว์อสูรที่มีพลังขั้นสามของร้อยปี !
หลังจากค้นพบสิ่งนี้ ทุกคนต่างระเบิดพลังราวกับถูกฉีดด้วยเลือดไก่
“ฮ่าฮ่า พวกมันอ่อนแอสิ้นดี ดูข้า ข้าจะสังหารมันเพียงแค่ทุบ 2 ครั้งก็พอ !” รุ่นเยาว์ที่ผอมแห้งหัวเราะขณะพุ่งเข้าหาเงา
“เจ้ามันก็เก่งแค่รังแกพวกสัตว์อสูรที่อ่อนแอเท่านั้น ถ้ามันมีพลังระดับเดียวกันกับเจ้า ข้าละอยากรู้นักเจ้าจะมีชีวิตรอดไปได้หรือไม่ !” ผู้ฝึกตนที่อยู่ข้างเขาเยาะเย้ยด้วยความเหยียดหยาม
อย่างไรก็ตาม เขาเองก็เหยียดหยามสัตว์อสูรที่ปะทะกับเขาด้วยเช่นกัน
หากสัตว์อสูรมีพลังระดับเดียวกันกับทุกคน คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ผ่านไปได้
ผู้คนต่างลอบยินดีในใจ
“อ๊าก ! มันแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงกัน !” เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังขึ้น เสียงมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มันทำให้ทุกคนหันไปมองเสียงร้องนั้นทันที
และเหตุการณ์ตรงหน้าก็ทำให้หัวใจของทุกคนด้านชา !
ผู้คนรู้สึกหนาวเย็นตั้งแต่เท้าพุ่งขึ้นไปถึงหัว !
คนที่หยิ่งผยองที่ไล่ทุบสัตว์อสูรก่อนหน้านี้ ถูกจับโดยแมงป่องขนาดใหญ่ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ !
พลังของแมงป่องตัวนี้มีเพียงขั้นสามของร้อยปี ในขณะที่อีกฝ่ายมีพลังขั้นสี่ของร้อยปี !
แต่สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือเขากลับถูกแมงป่องตัวนั้นสังหารในพริบตา !
และสิ่งที่ไม่น่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น เพราะทันทีที่มนุษย์ตายไป … แมงป่องตัวนั้นมันแข็งแกร่งขึ้น !
แมงป่องมีสีดำสนิทและมีกระดองดำเงาที่ดูแข็งอย่างมาก ก้ามขนาดใหญ่ของมันมีขนาดที่น่ากลัวและดูคมมาก !
หางยาว ๆ ของมันชูขึ้นไปบนอากาศโดยมีของเหลวสีขาวเงินหยดลงมาจากที่ปลายหาง
ใบหน้าของมันดูชั่วร้ายอย่างมาก
มันค่อย ๆ ยกก้ามของมันแล้วโยนเหยื่อที่พ่ายแพ้ลงในปากของมัน
“อึก !”
ทุกคนกลืนน้ำลายในเวลาเดียวกัน
เมื่อเห็นการกินของมันพวกเขาไม่ได้รู้สึกว่ามันน่าอร่อยเลย มันดูน่ากลัวเสียมากกว่า !
แมงป่องดูดุร้ายขึ้นมาก ทำไมอยู่ดี ๆ มันถึงแข็งแกร่งกว่าฝ่ายมนุษย์ได้ ?
“อ๊าก ! ไม่มีทาง ! ข้าคือผู้ที่ถูกสวรรค์เลือก ! ข้าจะตายที่นี่ไม่ได้ !”
อย่างที่คิดไว้ เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ฝึกตนที่หยิ่งยโสจำนวนนับไม่ถ้วนต้องจ่ายในราคาสูงเพียงเพราะประเมินอีกฝ่ายต่ำต้อยเกินไป !
อัจฉริยะรุ่นเยาว์ของตระกูลใหญ่ยืนนิ่งพร้อมกับรูเลือดขนาดใหญ่บนหน้าอกของเขา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ล้มลงบนพื้น มีลิงยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวในมือของมัน สายตาของมันเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม มันค่อย ๆ สูดดมหัวใจจากนั้นก็กินมัน
“เร็ว ! ทุกคนต้องร่วมมือกัน ! เราจะแยกปะทะมันไม่ได้ !”
“ทุกคนฟัง ฟังคำแนะนำของข้า สัตว์อสูรพวกนี้ไม่มีความคิดที่จะร่วมมือกันแบบมนุยษ์อย่างเรา พวกเราค่อย ๆ เอาชนะมันทีละตัวได้ !”
ผู้ฝึกคนพเนจรตะโกนขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รวมตัวกัน 40 คนแล้วเข้าปะทะกับสัตว์อสูร
เมื่อไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ของพวกสัตว์อสูร มันทำให้คนจำนวนมากถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ไอ้พวกโง่ !”
“อย่าไปมองเลย คนพวกนั้นได้ตายไปแล้ว !”
ฉิงริยู่เหลือบไปมองผู้ฝึกตนพเนจรด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยาม
พวกเขาไม่สามารถเอาชนะได้ทั้งที่อีกฝ่ายอ่อนแอกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงรวมตัวกันเอาชนะมัน
แม้ว่าสัตว์อสูรพวกนี้จะไม่ค่อยมีความคิดนัก แต่หากพวกมันได้รวมตัวกันเมื่อไหร่ มันจะดูน่ากลัวว่าสัตว์อสูรที่อยู่ตัวเดียว !
นอกจากนี้ สัตว์อสูรเหล่านี้ล้วนมีสายเลือดระดับสูง ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของมันย่อมสูงกว่าผู้มีพลังระดับเดียวกัน !
การต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่านั้นมันง่ายพอ ๆ กับการกินและดื่ม ! หากเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวพวกมันจะดูไม่ค่อยท้าทายนัก แต่หากพวกมันได้มารวมตัวกัน …
มีฝูงหมาป่าตัวใดบ้างที่กลัวฝูงแกะ ?
“อ๊าก !”
“ทำไมสัตว์อสูรตัวนี้ถึงโจมตีข้า ?”
“ไม่ใช่ว่าสัตว์อสูรทุกตัวมันมีความแตกต่างกันหรอกรึ ?”
ผู้ฝึกตนที่เพิ่งรวมตัวกันถูกฉีกกระชากในทันทีด้วยสัตว์อสูรที่ดูดุร้ายเหมือนเสือ
ผู้ฝึกตนเหล่านี้หวาดกลัวยิ่ง มันจะไม่เป็นอะไรหากอีกฝ่ายมาเพียงตัวเดียว แต่ตอนนี้มันรวมกลุ่มกันแล้ว !
ภายในเวลาไม่ถึงนาที ทั้งกลุ่มก็ถูกกำจัดออกไปโดยไม่ทิ้งอะไรไว้นอกจากเสื้อผ้าที่ถูกทำลาย
เลือดหยดลงบนสะพานก่อนจะหายไป เสื้อผ้าที่เหลือค่อย ๆ กลายเป็นฝุ่นราวกับว่าผ่านไปนานหลายพันปี มันค่อย ๆ ปลิวไปตามสายลมอย่างช้า ๆ
ไม่มีอะไรหลงเหลือเลยซักอย่าง !
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ใบหน้าของทุกคนก็กระตุก พวกเขารีบแยกย้ายเว้นระยะห่างจากคนรอบข้างทันที
หากพวกเขาดึงดูดศัตรูให้มารวมตัวกันเหมือนกลุ่มก่อนหน้านี้ นั้นหมายถึงความตายที่รออยู่ !
โชคดีที่สิ่งที่พวกเขากังวลไม่ได้เกิดขึ้น สัตว์อสูรกว่า 40 ตัวจ้องมองไปผู้คนอย่างเย็นชาก่อนจะค่อย ๆ กระจายออกไปไป
“ฟิ้ว ดีแล้วที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น !”
ทุกคนถอนหายใจ หากสัตว์อสูร 40 กว่าตัวนั้นมองพวกเขาเป็นเป้าหมาย นั้นหมายถึงหายนะที่รออยู่
“หมีปะทะ !”
หนึ่งในคนของเป่ยเฟิง หลี่เหว่ยกำลังต่อสู้กับช้างตัวใหญ่ด้วยความดุเดือด
เพียงพริบตาทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกันหลายสิบครั้ง ทุกครั้งจะเป็นหลี่เหว่ยที่ถอยหลังอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยิ่งหลี่เหว่ยต่อสู้ เขายิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้น !
รูปแบบหมีที่เขาใช้อยู่นี่คือสิ่งที่เขาเพิ่งได้ฟังเมื่อไม่กี่นาทีก่อน !
ความจริงที่ว่าเขาสามารถเข้าใจมันได้เร็วขนาดนี้ก็เพราะน้ำเทียนจุน นอกจากนี้มันยังไม่ใช่เพียงอย่างเดียวที่ทำให้เขาพัฒนาขึ้น เหตุผลสำคัญกว่านั้นที่ช่วยทำให้เขาพัฒนาก็คือแรงกดดันจากความตายหากเขาพ่ายแพ้ !
พรสวรรค์ของคนส่วนใหญ่มักจะถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์แบบก็ต่อเมื่ออยู่ในช่วงเวลาเป็นตาย !
หลี่เหว่ยในตอนนี้ไม่ได้มีความคิดอื่นใดนอกจากความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดต่อไป มันไม่มีประโยชน์หากเขาหลบหนี มีเส้นทางเดียวที่รออยู่ก็คือการมุ่งไปข้างหน้าเพื่อแสวงหาโอกาสในการมีชีวิตรอด !
หมีเป็นสัตว์ในป่า พวกมันจะไม่ถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียวหากต้องเผชิญหน้ากับเสือที่แข็งแกร่ง ด้วยความพยายามของหลี่เหว่ย ในไม่ช้าเขาก็เริ่มเข้าใจรูปแบบหมีขึ้นอีกเล็กน้อย !
เวลาผ่านไป แม้ว่าสภาพของหลี่เหว่ยจะยังอยู่ดี แต่หากเขาต่อสู้ไปเรื่อย ๆ เขาจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน
หากปะทะเพียงหนึ่งหรือสองครั้ง มันจะไม่เป็นปัญหา เพราะเลือดฉีจะสามารถฟื้นฟูบาดแผลในตอนที่ปะทะได้ แต่หากได้รับบาดเจ็บต่อเนื่อง มันจะทำให้การฟื้นฟูของเขาช้าลงเรื่อย ๆ
“หมีปีนขุนเขา !”
หลี่เหว่ยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว แม้ว่าเขาจะต้องตายเขาก็จะต้องฉีกเนื้อหนังของอีกฝ่ายเพื่อพิสูจน์คุณค่าของตัวเองต่อหน้าเป่ยเฟิงให้ได้ !
หลี่เหว่ยและคนอื่น ๆ ต่างตกอยู่ภายใต้ปีกของเป่ยเฟิงมาตลอดเวลา ส่วนใหญ่แล้วศัตรูจะถูกจัดการโดยหลี่ปู้และเป่ยเฟิง ส่วนพวกเขาทำได้เพียงแค่เฝ้ามองเท่านั้น
นี่คือสิ่งที่ทำให้หลี่เหว่ยและคนอื่น ๆ ทรมานมากที่สุด พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จได้เลยซักครั้ง
ดังนั้นหลี่เหว่ยและคนอื่น ๆ จึงหิวกระหายพลังมากกว่าใคร ๆ !
ร่างกายของหลี่เหว่ยสั่น กล้ามเนื้อส่วนหลังของเขาโค้งสูงขึ้น กล้ามเนื้อของเขามันค่อย ๆ แข็งขึ้นจนดูคล้ายกับแผ่นเหล็ก
วิชาสัตว์อสูรมันไม่ใช่ทักษะต่อสู้ที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง มันเป็นทักษะต่อสู้ที่ปล่อยให้สวรรค์สั่งสอน แม้ว่าคนสองคนจะฝึกแบบเดียวกันแต่จะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
หลี่เหว่ยรู้สึกได้ถึงการไหลของเลือดในเส้นเลือดของเขา เขาได้ยินเสียงเต้นของหัวใจที่ทรงพลังของเขาราวกับทุกอย่างรอบตัวมันเงียบลง
“แปร๊น !”
คู่ต่อสู้ของหลี่เหว่ยคือช้างที่มีสีทองเข้ม มันคล้ายกับช้างที่โตเต็มวัยบนโลกใบเดิม มันยกงาขึ้นสูงก่อนจะร้องออกมาพร้อมกับระเบิดพลังที่น่าตกใจออกมา !
มันมองดูมนุษย์ตัวเล็ก ๆ ตรงหน้า จากนั้นก็ยกขาขึ้นแล้วกระทืบลงไป !
“ทำลายให้ข้า !” หลี่เหว่ยคำรามอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงดาวตก แต่เขาก็อยากจะจุดประกายบนท้องฟ้าให้ค่ำคืนมันสว่างไสวเพื่อบ่งบอกถึงตัวเขาบนโลกใบนี้ !
หลี่เหว่ยไม่ได้พยายามหลบหรือแอบ เขาพุ่งเข้าใส่เท้าของช้าง !
“ตูม !”
ช้างเป็นสัญลักษ์ของพลัง และช้างตัวนี้ก็ไม่ใช่ช้างธรรมดา มันคือช้างที่ทรงพลังไปด้วยสายเลือดระดับสูงและมีเลือดฉีที่เหมือนเตาหลอมที่เปี่ยมไปด้วยพลังอันล้นหลาม การกระทืบของมันก็ไม่ใช่เล่น ๆ เพียงแค่แรงกระทืบอย่างเดียวก็หนักหลายหมื่นจิน ! หลังของหลี่เหว่ยชนเข้ากับเท้าของมันและนั่นก็ทำให้เขากระอักเลือดออกมาเต็มปากจากนั้นเลือดก็ค่อย ๆ กลายเป็นหมอก