Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1006
บทที่ 1006 พูดถึงแต่เพียงเท่านี้
เมื่อคืนฉินซีนอนไม่ค่อยหลับ วันนี้ยังตื่นแต่เช้าอีก ในตอนที่ไปเจอทนายจ้าว จึงดูเหนื่อยล้านิดหน่อย พอกินข้าวเที่ยงเสร็จก็อยู่คุยกับลู่เหวยตั้งนานสองนาน ดังนั้นในตอนนี้จึงรู้สึกง่วงและอ่อนเพลีย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวิดีโอคอลกับลู่เซิ่นหรือเปล่า ตอนที่ฉินซีห่มผ้าเตรียมนอนกลางวัน ถึงได้รู้สึกสบายใจยิ่งกว่าเมื่อคืน จากนั้นไม่ถึงนาทีก็ตกเข้าสู่ห้วงนิทรา หลับลึกขนาดไม่ฝันอะไรเลย
ราวกับว่า…..ลู่เซิ่นอยู่ข้างๆกายอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ดวงอาทิตย์ก็เริ่มตกแล้ว
เธอบิดขี้เกียจ เมื่อรู้สึกว่านอนเต็มอิ่มแล้ว
จึงเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อจัดการรูปภาพสองสามรูป จากนั้นก็ทานข้าวเย็น และในตอนที่กำลังจะขึ้นชั้นบนไปทำงานต่อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
คนที่โทรมาไม่ใช่ใครคนอื่น เป็นลู่เหวยที่เพิ่งมาที่นี่เมื่อตอนกลางวัน
ฉินซีขมวดคิ้วนิดหน่อย เดินออกจากห้อง แล้วจึงกดรับโทรศัพท์ “คุณลุง?”
น้ำเสียงของลู่เหวยดูเคร่งเครียด ทักทายแค่ประโยคสั้นๆจากนั้นก็เข้าประเด็นทันที “เรื่องข้อมูลเปิดโปงฉันให้คนไปจัดการแล้ว คิดว่าพรุ่งนี้น่าจะได้ เร็วที่สุดก็คงได้เริ่มตรวจสอบพรุ่งนี้ตอนบ่าย”
ฉินซีประหลาดใจ “ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะคะ?”
ลู่เหวยพูดออกมาด้วยความเร็วที่เร็วกว่าปกติ “รีบจัดการให้เสร็จเร็วๆจะดีกว่า ในเมื่อหนูบอกว่าฉินซึ่งเทียนต้องเก็บหุ้นไว้กับตัว ยังไงเขาก็ไม่ยอมขาย และถ้าหากเขาเดาเจตนาของหนูออกล่ะก็ ต้องหาทางทำลายหลักฐานการปลอมแปลงเอกสารแน่ ถึงตอนนั้นถ้าจะตรวจสอบ ก็คงไม่สะดวกแล้ว”
ฉินซีพยักหน้า “ค่ะ”
ไม่ใช่เธอไม่เข้าใจเหตุผลที่ว่ายิ่งเร็วยิ่งดี แต่ถ้าเอาตามการคาดคะเนของเธอก่อนหน้านี้ ถ้าเธอลงมือเอง ก็ต้องเดินเรื่องเอกสารตามขั้นตอนปกติ ระหว่างนั้นเอกสารก็ต้องผ่านมือหลายคน เธอรู้ดีว่าต้องส่งต่อให้ตั้งกี่แผนกถึงจะสามารถเริ่มตรวจสอบได้อย่างเป็นทางการ
หลายต่อขนาดนี้ มีความเป็นไปได้ว่าบริษัทฉินซี่อกรุ๊ปอาจจะรู้เรื่องก่อนทีมสืบสวนจะทำงานก็ได้ ดังนั้นลงมือจัดการหลักฐานก่อนเพื่อเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่า ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ถึงแม้จะเสียดาย แต่ความคาดหวังในใจของฉินซีจริงๆแล้วก็ไม่ได้สูงมากนัก ขอแค่ได้ดำเนินการตรวจสอบบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็พอแล้ว
แต่ไหนแต่ไรในวงการตลาดหุ้นก็มีแต่พวกหูตาไวอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงแค่โดนหางลมล่ะก็ ก็คงสามารถจุดชนวนการไหวตัวของหุ้นได้ในระดับที่มาก
“คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จะดำเนินการตรวจสอบบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป” รวมถึงข่าว “การปลอมแปลงเอกสารการเงิน” ที่อานหยันหามาได้ ถ้าทำสองสิ่งพร้อมกัน ต่อให้ฉินซึ่งเทียนจัดการทำลายหลักฐานไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็ไม่สามารถห้ามให้หุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปร่วงลงได้
ตอนนี้เขาถือครองหุ้นของบริษัทไว้ในมือห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ตราบใดที่หุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปหยุดชะงัก ทรัพย์สินในมือของเขาก็จะหดหายไปเยอะพอสมควร
อีกอย่าง ถ้าข้อมูลส่วนนี้ถูกรายงานออกไป ก็คงส่งผลต่อชื่อเสียงของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปและฉินซึ่งเทียนเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะหาหลักฐานไม่ได้ แต่ก็สามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปได้อยู่ดี ด้วยเหตุนี้หลังจากนั้น เธอก็จะหาหลักฐานที่ฉินซึ่งเทียนทำผิดมาเปิดเผยสู่สาธารณะเพื่อเป็นการปูทาง
สิ่งที่เธอต้องการในทีแรกก็ถือว่าเยอะมากแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่า ที่ลู่เหวยจัดการให้ จะมากกว่าที่เธอจินตนาการไว้เสียอีก
เธอรู้ดี ดูจากนิสัยของลู่เหวยแล้ว ถึงเขาจะใช้ถ้อยคำอย่างรอบคอบ ด้วยคำว่า “เร็วที่สุดพรุ่งนี้ตอนบ่าย” ก็ตาม แต่เมื่อเขาพูดออกมาถึงขนาดนี้แล้ว ร้อยทั้งร้อยคงมั่นใจแล้วล่ะว่า พรุ่งนี้ตอนบ่ายบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจะถูกตรวจสอบ
ได้รับข้อมูลตอนเช้า ตอนบ่ายก็สามารถทำการตรวจสอบได้ ต่อให้สายข่าวของฉินซึ่งเทียนเร็วขนาดไหน ก็คงไม่สามารถทำลายหลักฐานได้ทันทั้งหมดหรอก เมื่อเป็นแบบนี้ ถึงจะไม่สามารถโจมตีบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจนล้มดับได้ แต่ก็สามารถสร้างความเสียหายให้บริษัทฉินซึ่งกรุ๊ปได้มากพอสมควร
ผลลัพธ์ที่ได้ดีกว่าที่ฉินซีไปจัดการด้วยตัวเองเสียอีก
ที่ได้ผลรวดเร็วแบบนี้ เกรงว่าลู่เหวยคงใช้ประโยชน์จากคอนเน็กชันของตัวเอง ไม่ได้ทำตามวิธีปกติ ถึงได้จัดการได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ลู่เหวยนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยพูดด้วยความลังเลนิดหน่อย “ฉินซี ในระหว่างที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปถูกตรวจสอบ ถ้าพูดแบบทั่วไปไม่น่าจะควบคุมคนในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปได้อย่างเข้มงวดเท่าไหร่ อยากให้ฉันส่งหนูไปที่อื่น เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ไหม”
ฉินซีเงียบ
เมื่อสักครู่…….เธอก็เพิ่งคิดถึงประเด็นนี้
ถ้าพรุ่งนี้ทุกอย่างเริ่มดำเนินการตรวจสอบ คนในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอาจจะตื่นตระหนกในตอนแรก จากนั้นก็จะคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังต้องเป็นฉินซีที่มีส่วนในการจุดชนวนขึ้นมาแน่ๆ
เพราะเธอเพิ่งโอนหุ้นส่วนออกไป เมื่อมีเรื่องนี้เกิดขึ้น ไม่ว่าใคร ก็คงสงสัยเธอทั้งนั้น
ถึงแม้ลู่เหวยจะนำความสงสัยเหล่านั้นมาไว้กับบริษัทลู่ซื่อ แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าคนของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจะยอมปล่อยฉินซีไป
คนของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป เก่งเรื่องทำร้ายคนอื่นลับหลังเหมือนฉินซึ่งเทียนนั่นแหละ และก็ชอบแก้ไขปัญหาอย่างลวกๆหยาบๆเหมือนฉินเฉิงฉินซิงด้วย จินตนาการออกเลยว่า ถ้าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปถูกไล่ต้อนด้วยการวิพากษ์วิจารณ์จากกระแสสังคม พวกคนกลุ่มนี้ ก็คงเหมือนหมาจนตรอกเข้าสักวัน
พอทำอะไรบริษัทลู่ซื่อไม่ได้ ก็จะมารบกวนฉินซี
และเรื่องที่เธอหย่ากับลู่เซิ่นไม่ช้าก็เร็วคงถึงหูทุกคนในตระกูลฉิน ตอนนี้ลู่เซิ่นก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าจะมีคนคอยคุ้มกัน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกิดเรื่องอะไรเลย
ฉินซีไม่อยากเพิ่มปัญหาให้คนอื่น ตอนแรกจึงวางแผนไว้เสร็จสรรพ ว่าจะเดินเรื่องหลายขั้นตอนด้วยตัวเอง พอจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย ก็จะไปต่างประเทศ ไปอยู่ในที่ที่คนของตระกูลฉินสืบสาวหาเธอไม่เจอสักพัก รอให้ทุกอย่างสงบค่อยกลับมา
แต่เมื่อลู่เหวยยื่นมือเข้ามาช่วย จังหวะเวลาก็รวดเร็วไปเสียหมด เธอต้องวางแผนว่าจะเอายังไงต่อไป
ถ้ายอมรับความช่วยเหลือจากลู่เหวย ให้เขาส่งเธอไปที่อื่นสักพัก ฉินซีมั่นใจว่าเขาสามารถรับรองความปลอดภัยให้เธอได้แน่ เพียงแต่ว่า………
เธอยังมีงานที่ต้องทำให้เสร็จ และที่สำคัญก็คือ เรื่องของเหยาหมิ่น เธอยังแก้ปัญหาไม่ได้เลย
ถ้าการที่เจ้าของโรงแรมติดคุกมีส่วนเกี่ยวข้องกับฉินซึ่งเทียนจริงๆ ดังนั้นถ้าเขาเผชิญหน้ากับการที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปตกอับ ก่อนที่ตัวเองจะหมดอำนาจ บางทีเขาอาจจะหาทางกำจัดเห้อเสียง เพื่อที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ป้องกันไม่ให้มีใครหลุดปากเรื่องของเหยาหมิ่นออกมา เพราะจะเป็นการเพิ่มปัญหาให้เขา
เธอต้องทำเวลาให้ทัน ก่อนที่ฉินซึ่งเทียนจะนึกขึ้นได้และลงมือกับเห้อเสียง ต้องถามเอาความจริงในตอนนั้นจากเห้อเสียงให้ได้เร็วที่สุด
ดังนั้นเธอจึงส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกค่ะ ลุงลู่ ช่วงนี้แค่ฉันไม่ออกไปไหนก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว เพราะยังมีอีกหลายอย่าง ที่ฉันต้องจัดการให้เรียบร้อย ฉันไม่สามารถไปที่อื่นได้จริงๆค่ะ”
ไม่ต้องพูดให้มากความ เธอพูดถึงแต่เพียงเท่านี้
“ได้” ไม่รู้ว่าลู่เหวยเข้าใจว่าเธอยังอยากตามหาเห้อเสียงอยู่หรือเปล่า ถึงไม่ได้ถามอะไรออกมาอีก เพียงแค่เอ่ยกำชับออกมาว่า “ถ้าต้องการบอดี้การ์ด บอกฉันได้เลยนะ”
“ค่ะ” ฉินซีพยักหน้าตอบรับ
ในตอนที่กำลังจะวางสาย ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นมาได้ “ลุงลู่ ที่คุณลุงทำแบบนี้…….คุณหญิงลู่รู้เรื่องไหมคะ?”
เมื่อก่อนตอนที่เขาช่วยเหยาหมิ่นสืบคดี ก็มีสูหยิงคอยขัดขวาง จึงต้องคอยหลบๆซ่อนๆ มาคราวนี้การส่งคนไปทำเรื่องเปิดโปง มันเป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควร ทำไมไม่ถูกสูหยิงห้ามเลยล่ะ?
ลู่เหวยเพียงแค่หัวเราะ “รู้สิ”
ไม่ใช่แค่รู้อย่างเดียว แต่เธอยังช่วยด้วยอีกคน
แค่บอกเธอว่า บริษัทฉินซื่อใส่ร้ายลู่เซิ่นว่าขโมยความลับของบริษัทไปยังไงบ้าง เธอก็ทนไม่ไหวแล้ว
สูหยิงเป็นแม่ที่อารมณ์ร้อน ไม่มีทางยอมปล่อยให้ใครมาว่าลู่เซิ่นไม่ดีหรอก