Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1027
ทที่ 1027 กระต่ายตื่นตูม
จนถึงตอนนี้ ข้อมูลที่เห้อเสียงเปิดเผยโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจนั้น พวกเธอรู้แล้ว เห้อเสียงมีบันทึกเสียงบทสนทนาที่คุยกับฉินซึ่งเทียน และรายงานผลการทดสอบยาที่ฉินซึ่งเทียนให้
ถ้าพวกเขาได้หลักฐานเหล่านี้มา ก็จะเป็นไปได้อย่างมากที่จะพลิกคดีเหยาหมิ่น
แต่เห็นได้ชัดว่า เห้อเสียงจิ้งจอกเฒ่าคนนี้ไม่ยอมมอบของเหล่านี้ให้ตามใจชอบ
“ภายหลังมันเกิดอะไรขึ้น? ” จ้าวจิ้งเคลียร์ลำคอ หันศีรษะไปมองเห้อเสียง และถามต่อ
รอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าเห้อเสียงเมื่อครู่นี้ค่อยๆ หายไป เขากัดฟันพูดขึ้น “ฉันไม่คิดเลยว่าฉินซึ่งเทียนมันจะชั่วได้ขนาดนี้”
……
ตามคาด ภายในครึ่งชั่วโมง เหยาหมิ่นก็มาถึงโรงแรม
เห้อเสียงบอกคนเฝ้าประตูล่วงหน้า เมื่อเห็นเหยาหมิ่นแล้วให้แจ้งเขาทันที ดังนั้นไม่นานก็รู้ว่าเหยาหมิ่นมาถึงแล้ว
เขายืนอยู่มุมห้องโถง เห็นเธอยื่นกระเป๋าในมือให้แผนกต้อนรับ แล้วนั่งโซฟาที่ล็อบบี้ตามคำแนะนำของแผนกต้อนรับ เขาโบกมือเพื่อให้แผนกต้อนรับเข้ามา ส่งแก้วน้ำในมือให้กับเธอ “นั่นคุณนายของประธานฉิน อย่าละเลยเธอ เอาน้ำไปเสิร์ฟเธอ”
แผนกต้อนรับปฏิบัติตามโดยธรรมชาติ
เป็นแค่น้ำจากแผนกต้อนรับ คือน้ำที่เห้อเสียงวางไว้ในถาดของเธอล่วงหน้าซึ่งใส่ยานอนหลับไว้แล้ว
เขายืนในห้องโถง มองเหยาหมิ่นดื่มน้ำในมือจนหมด จากนั้นก็จะเดินออกมา
ไม่คิดว่าจู่ๆ ก็ถูกใครบางคนตบไหล่
เดิมทีเขาทำสิ่งที่ไม่ดี ถูกตบแบบนี้ก็ตกใจสะดุ้งโหยง เกือบจะตะโกนออกมา
โชคดีที่เขารีบปิดปากได้ทัน หันศีรษะกลับไปเห็นว่าเป็นฉินซึ่งเทียน ก็ลูบหน้าอกด้วยความกลัว “นายมาที่นี่ทำไม? ฉันตกใจเกือบตาย”
เห็นได้ชัดว่าความสนใจของฉินซึ่งเทียนไม่ได้อยู่ที่ตัวเขา โบกมือแบบชุ่ยๆ “นายมาทำอะไรที่นี่ ฉันก็เหมือนกันแหละ”
เห้อเสียงถูกปิดกั้นด้วยคำพูดของเขา พูดคัดค้านอะไรไม่ออกชั่วคราว ทำได้เพียงมองฉินซึ่งเทียนยืนตำแหน่งที่ตัวเองอยู่เมื่อครู่นี้ จ้องมองเหยาหมิ่น
เขาไม่รู้ชั่วขณะหนึ่งว่าควรเดินออกไปไหม จึงยืนโง่ๆ อยู่ที่เดิมสักพักหนึ่ง
ต่อมาเขาก็คิดเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ถ้าตอนนั้นเขาหันร่างเดินไปเลย มันจะเกิดปัญหาตามมาหรือไม่
แต่น่าเสียดาย เขาไม่มีโอกาสความเป็นไปได้นี้อีกแล้ว
ฉินซึ่งเทียนมองเหยาหมิ่นหลายครั้ง จู่ๆ ก็ตอบสนองอะไรบางอย่าง หันศีรษะกลับมาแล้วคว้าแขน เห้อเสียงเอาไว้
“เอ๋? ” เห้อเสียงขมวดคิ้ว “นี่นายจะทำอะไร?”
“เดี๋ยวยังมีเรื่องเล็กน้อย อยากให้นายช่วยหน่อย” ฉินซึ่งเทียนหันศีรษะกลับไปสังเกตเหยาหมิ่นอีกครั้ง เหลือแค่เห้อเสียงทิ้งไว้ด้านหลัง
เห้อเสียงอยากหลุดพ้น ช่วยไม่ได้ฉินซึ่งเทียนแรงเยอะกว่าเขา และไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะส่งเสียงดังในที่สาธารณะ ทำได้แค่กัดฟันรออยู่ที่เดิม คิดว่าเดี๋ยวคงมีโอกาสวิ่งหนีอีกครั้ง
แต่ฉินซึ่งเทียนไม่ให้โอกาสนี้แก่เขา
ไม่กี่นาทีต่อมา ฉินซึ่งเทียนยืนตัวตรง ไม่สังเกตเหยาหมิ่นอีกแล้ว
บอดี้การ์ดชุดดำสองสามคนเดินมาจากข้างๆ เห้อเสียงเห็นพวกเขาค่อนข้างคุ้นตา ส่วนมากเป็นคนของตระกูลฉิน
“ไปกันเถอะ” ฉินซึ่งเทียนดึงแขนเขา บอดี้การ์ดสองสามคนยืนอยู่ด้านหลังเขาสองคนเงียบๆ
มีคนเดินไปเดินมาในห้องโถงใหญ่ เห้อเสียงไม่อยากส่งเสียงดัง และหนีไม่ได้ ทำได้แค่เดินตามฉินซึ่งเทียนไปข้างหน้า
เดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงด้านหน้าเหยาหมิ่น
เห้อเสียงถึงได้เห็นชัดๆ ว่าเหยาหมิ่นหลับตาไปแล้ว หลับไปแล้ว
“มาหลับอะไรตรงนี้? ” เสียงฉินซึ่งเทียนดังขึ้น
เห้อเสียงหันศีรษะไปมองเขา แค่เห็นใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน น้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนมีน้ำหยดออกมาได้
เขาส่ายศีรษะ เหมือนเต็มไปด้วยการเอาอกเอาใจ “ช่วยไม่ได้จริงๆ นะ” จากนั้นก็โน้มตัวลงไปอุ้มเหยาหมิ่นขึ้นมาจากโซฟา
เห้อเสียงอยากฉวยโอกาสหลบหนี แต่ฉินซึ่งเทียนราวกับเดาการกระทำของเขาได้ หันศีรษะมามองเขานิดๆ
บอดี้การ์ดสองสามคนทำการปิดล้อมทันที โอบล้อมเห้อเสียงเอาไว้
เห้อเสียงหมดหนทาง ทำได้แค่ล้มเลิกความคิดที่จะหนี เดินตามพวกเขาไปที่ลิฟต์
เมื่อประตูลิฟต์ปิด ฉินซึ่งเทียนจึงเอื้อมมือส่งเหยาหมิ่นในอ้อมแขนให้กับบอดี้การ์ดข้างๆ แถมยังเต็มไปด้วยความรังเกียจ ปัดแขนตัวเองที่เพิ่งอุ้มเหยาหมิ่นเมื่อครู่นี้ ราวกับกลัวว่าได้รับสิ่งสกปรก
“ประธานฉิน นี่มันไม่เหมือนกับที่เราคุยไว้ในตอนแรก!” เมื่อประตูลิฟต์ปิดลงเห้อเสียงก็พูดขึ้นถามอย่างทนไม่ไหว “แค่บอกว่าเอาน้ำให้เธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้นายบังคับให้ฉันมาด้วย จะทำอะไร?”
เสียงเขาไม่เบา มันดังมากในพื้นที่แคบๆ อย่างในลิฟต์ แต่ฉินซึ่งเทียนกลับหูทวนลม จัดระเบียบเสื้อผ้าอย่างช้าๆ เสร็จแล้วถึงตอบ “ยังมีเรื่องเล็กๆ อยากให้นายช่วยไง? เพื่อนกันทั้งนั้น อย่าพูดจาน่าเกลียดเลย ฉันไม่บังคับขู่เข็ญนายนะ นายตามฉันมาเอง”
“นาย!” เห้อเสียงพูดอย่างโกรธเคือง แต่เขาก็รู้ จากสายตาคนอื่น ตัวเองตามมาโดยสมัครใจตลอดทางเมื่อครู่นี้ ไม่มีการบีบบังคับ ไม่มีการทะเลาะกัน บอกว่าโดนบังคับ เกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อ
ระหว่างที่คุยกัน ลิฟต์ก็มาถึงแล้ว
“เชิญ” ฉินซึ่งเทียนถอยหลังหนึ่งก้าว อยากให้เห้อเสียงเดินออกไปก่อน
เห้อเสียงมองสำรวจเหตุการณ์ในปัจจุบันภายในลิฟต์
ฉินซึ่งเทียนพาบอดี้การ์ดมาทั้งหมดสี่คน รวมฉินซึ่งเทียน รวมเป็นห้าคนต่อหนึ่งคน เห้อเสียงรู้ตัวว่าไม่มีโอกาสชนะ จึงทำได้แค่เดินออกไปตามคำสั่ง
ฉินซึ่งเทียนเปิดห้องเสร็จแล้ว ให้บอดี้การ์ดยัดคีย์การ์ดให้เขา ให้เขาเปิดประตู เดินเข้าไปก่อน
จากนั้นฉินซึ่งเทียนก็รับเหยาหมิ่นจากอ้อมแขนบอดี้การ์ดมา เดินเข้าไปในห้อง แล้วให้บอดี้การ์ดปิดประตูอีกครั้ง
ภายในห้องเหลือแค่เห้อเสียงและฉินซึ่งเทียน และเหยาหมิ่นที่หลับไปแล้ว
เห้อเสียงเหงื่อแตกเต็มศีรษะแล้ว “นายจะทำอะไรกันแน่?”
ฉินซึ่งเทียนเห็นท่าทางเขาตัวสั่น ก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่ต้องประหม่า ฉันบอกแล้ว ฉันรับประกันความปลอดภัย ที่ให้นายมาเพราะอยากให้นายช่วยเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
“ช่วยอะไร? ” เห้อเสียงถอยหลังไปสองสามก้าว ยันบานประตูไว้
ตอนนี้เขาไม่เชื่อคำพูดของฉินซึ่งเทียนแม้แต่คำเดียวแล้ว
ตอนที่ในหัวสมองเขาคิดจะหนีออกไป จะหนีออกไปได้อย่างไร จู่ๆ ฉินซึ่งเทียนก็โยนอะไรบางอย่างมา
เขายื่นมือไปรับ พบว่ามันคือโทรศัพท์ของฉินซึ่งเทียน
“นี่คือ? ” ตอนนี้เห้อเสียงกำลังสับสนจริงๆ
“นายแค่ต้องถ่ายรูปไม่กี่รูปเอง แค่นั้น” ฉินซึ่งเทียนพูดเบาๆ
เห้อเสียงขมวดคิ้วแน่น
ถ่ายรูป?
ถ่ายรูปอะไร?
แต่เขายังไม่ทันเข้าใจว่าตัวเองต้องถ่ายรูปอะไร เขาก็เห็นอย่างชัดเจนว่าฉินซึ่งเทียนกำลังทำอะไรบางอย่าง
เห้อเสียงรู้สึกตกใจสุดขีด
“นาย……นี่นายกำลังทำอะไร!” เขาควบคุมระดับเสียงตัวเองไม่ได้ แทบจะกรีดร้องออกมา
ใบหน้าฉินซึ่งเทียนเผยความไม่พอใจออกมาจางๆ หันศีรษะมามองเขา “ฉันกำลังถอดเสื้อผ้าเธอไง นายจะกระต่ายตื่นตูมทำไม?”
หัวสมองเห้อเสียงไม่ทำงานแล้ว