Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1080
บทที่ 1080 ก้าวสุดท้าย
หลังตัดสาย ฉินซีตกอยู่ในภวังค์
ฉินซีให้คำตอบกับความสัมพันธ์นี้เองแท้ๆ ตัวเธอกลับสลด
ไม่เพียงแค่เพื่อน แต่ก็อธิบายมากกว่านี้ไม่ได้
ฉินซีถอนหายใจ ก่อนเอนกายลงนอนบนเตียงดั่งเคย
เมื่อวุ่นวายเช่นนี้เข้า ความง่วงเมื่อครู่หายไปสิ้น เธอพลิกไปมาบนเตียงอยู่นาน ยังไงก็ไม่หลับเสียที
เธอจับจ้องเวลา ลู่เซิ่นคงกำลังหลับอยู่
ฉินซีจึงไม่คิดรบกวนเขา เธอเบิกตากว้างมองเพดานฝ้า
เพื่อน
ขาดเพียงคำสารภาพ เป็นได้เพียงเพื่อนงั้นหรือ?
ฉินซีขมวดคิ้วแน่น พลิกตัว เธอเหลือบตาเห็นภาพที่แขวนอยู่บนผนัง
จากคำบอกเล่าของลู่เซิ่น ก่อนถ่ายรูปภาพนี้ พวกเขาพบกันเป็นครั้งแรก
แม้ฉินซีผ่านการรักษาหลายต่อหลายครั้ง ความทรงจำท่อนนี้ยังคงว่างเปล่า เขาจึงสั่งให้พ่อบ้านย้ายรูปนี้จากห้องทำงานมาที่นี่โดยเฉพาะ ไว้ในห้องนอนของพวกเขา เพื่อย้ำเตือนตนเอง
ไม่แน่สักวันหนึ่ง เธออาจจำขึ้นมาได้
เพียงแต่ในรูปภาพใบนี้เด็กทั้งสองกำลังเป่าลูกโป่ง เธอรู้สึกตระหนกเล็กน้อย
ลู่เซิ่นรู้จักตนก่อนถ่ายรูปนี้ จากนั้น เขาหาตนเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม
หนึ่งปีเต็ม อาจดูเหมือนง่าย แต่ฉินซีรู้ดี สำหรับลู่เซิ่นที่เวลามีค่ายิ่งกว่าอะไร เงินหายังไงก็ไม่หมด เวลาจึงมีคุณค่าที่สุด
เขาเสียเวลาหนึ่งปีเต็มเพื่อแสวงหาตน ถึงขนาดทิ้งงานไว้ข้างหลัง
หลังจากที่ได้พบตน เขาใช้เงินเป็นข้ออ้างเพื่อรั้งตนเอาไว้ แม้รู้ว่าตนแต่งงานเพราะอะไร แต่ก็ยังตอบตกลง
แม้จะรู้สึกผิดปกติอยู่บ้าง หลังจากที่ลู่เซิ่นอธิบาย ทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลขึ้นมา
ฉินซียากที่จะไม่ใจอ่อน
พวกเขาอยู่ด้วยกันกว่าหนึ่งปี แต่งงานกันแล้วหลายเดือน ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกถึงความดีที่ลู่เซิ่นมีให้ตน
แม้ทั้งสองจะมีปากเสียงกันบ้าง แต่ความช่วยเหลือที่ลู่เซิ่นมีต่อตน ตนเก็บไว้ในใจทุกรายละเอียด
ก่อนที่เธอจะได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทั้งคู่ ความดีของลู่เซิ่น ฉินซีหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ในเวลาอันสั้นเธอคิดว่าทั้งคู่เพียงช่วยเหลือกันและกันเท่านั้น
หลังเธอพบว่าตนมีใจให้เขา เธอถึงได้ลังเล
หลังเธอรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนนั้น หลายวันมานี้ฉินซีบอกตัวเองอ่อนลงบ้าง หัดเป็นคนตรงๆสารภาพความรู้สึกของตนไปตรงๆ
เธอคิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่คาดคิดในหนึ่งร้อยก้าว ลู่เซิ่นเดินไปแล้วเก้าสิบก้าว
ที่เหลือสิบก้าวต่างหาก ที่เป็นตัวตัดสินความสัมพันธ์ของทั้งคู่
ทั้งคู่เหลือเพียงก้าวสุดท้าย
อันที่จริงฉินซีรอลู่เซิ่นก้าวข้ามเส้นนั้นอยู่ตลอด
เธอรู้ดี หลังจบการเดินทางในครั้งนี้ ตามนิสัยเขาแล้ว เขาไม่มีทางปล่อยให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ชัดเจนเช่นนี้ สารภาพอย่างไร ความสัมพันธ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ลู่เซิ่นมีการตัดสินใจของเขาอยู่แล้ว
เธอเพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิม ลู่เซิ่นจะก้าวข้ามมาเอง หยุดอยู่ตรงหน้าเธอ กุมมือเธอเอาไว้
…..แต่เธอจะได้ดั่งใจหวังจริงหรือ?
ลู่เซิ่นเสียสละมามาก เธอ…..ทำอะไรบ้างได้ไหม?
อย่างน้อยให้ลู่เซิ่นได้รับรู้ ความจริงใจของเธอ
คิดได้ดังนี้ ความง่วงของฉินซีหายไปสิ้น เธอผุดลุกขึ้นนั่ง เปิดคอมพิวเตอร์ เปิดคอลเลคชั่นภาพนิทรรศการ พิจารณาครู่หนึ่ง ก่อนพิมพ์ตัวอักษรร
…..
สมแล้วที่ประชาสัมพันธ์ของลู่เซิ่นขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของวงการ ก่อนอาหารเย็น บริษัทได้ส่งแผนการอย่า
ละเอียดให้กับเธอ
เริ่มจากการติดต่อนักข่าว พิธีการแถลงในวันพรุ่งนี้ ไปจนถึงการควบคุมสถานการณ์หลังจากแถลง เขียนวิธีการจัดการเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ให้ฉินซีเลือก
หญิงสาวเสียงหวานคำนวณเวลาอย่างดี เมื่อฉินซีใกล้อ่านจนจบ เธอโทรเข้ามาพอดิบพอดี : “มีหลายจุด ที่ต้องอธิบายให้คุณเข้าใจ…..”
ฉินซีรู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพ เธอฟังคำอธิบายหญิงสาวอย่างตั้งใจ
“…..เหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นประมาณนี้” หญิงสาวประชาสัมพันธ์เอ่ยจบในรวดเดียว ก่อนเอ่ยถาม “คุณยังมีคำถามอะไรอีกไหม?”
ทันทีที่ฉินซีเตรียมเอ่ยถาม หน้าจอกลับเด้งกล่องสนทนาขึ้น
เพื่อความสะดวกในการดูอีเมลในคอมพิวเตอร์ ฉินซีเสียบหูฟังวางโทรศัพท์ลง หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้น เธอเห็นอย่างชัดเจน
“…..ดีมากเลย” ฉินซีเหลือบมองข้อความบนหน้าจอ ก่อนส่ายหน้า “แต่อาจไม่ได้ใช้แล้ว”
“อืม?” หญิงสาวไม่ได้มีปัญหาใดๆ เธอเพียงประหลาดใจ “หากไม่มีปัญหาอะไร…..”
“ฉินซึ่งเทียนหลบหนีไปแล้ว” ฉินซีขัดขึ้นอย่างเรียบง่าย
อานหยันเป็นคนส่งข่าวให้เธอ
“ฉินซึ่งเทียนนำกระเป๋าเดินทางไปสองใบ ขับออฟโรดออกไป” ข้อความสั้นๆของอานหยัน
เมื่อเที่ยงอานหยันโทรศัพท์หาฉินซี ฉินซีกำชับเธอ เธอจึงสั่งคนจับตาดูเขา
นิตยสารเป็นนักสอดแนมที่เชี่ยวชาญที่สุด แอบแฝงอยู่รอบด้านโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ รอข่าวใหญ่
ทีแรกเตรียมใจจับตาดูถึงเที่ยงคืน ไม่คาดคิดนี่ฟ้าเพิ่งดับ ไม่ทันได้มืดสนิทดี ฉินซึ่งเทียนอยากหนีจนรอไม่ไหว
ฉินซีหัวเราะออกมา ก่อนส่ายหน้า
ที่สุดหลี่เหวยไม่เข้าใจในคำเตือนของเธอ
บางทีนี่อาจเป็นชะตากรรมของฉินซึ่งเทียน
ข่าวสารนี้กะทันหันนัก สาวประชาสัมพันธ์มีความมืออาชีพแค่ไหน เธอเองนิ่งอยู่นาน : “ค่ะ เราจะเปลี่ยนแผนการเดี๋ยวนี้”
ฉินซีพยักหน้า : “อืม ฉันบอกไว้ก่อน ฉินซึ่งเทียนน่าจะถึงสนามบินในอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง อีกไม่นานก็ถูกรวบตัวแล้ว คงได้เป็นข่าวเร็วๆนี้ คุณอาจไตร่ตรองสถานการณ์ตรงหน้านี้”
สาวประชาสัมพันธ์ไม่ได้เอ่ยถามฉินซีทำไมถึงได้ใจเย็นเช่นนี้ ได้ยินคำกล่าว เธอรับคำในทันที เธอเตรียมการทันทีหลังวางสายไป
ทางด้านอานหยันยังคงส่งข่าวอย่างต่อเนื่อง
“ฉินซึ่งเทียนออกมาคนเดียว ไม่มีใครมาด้วย แม้แต่คนขับรถ”
“เส้นทางสนามบิน”
“รถติดนิดหน่อย แต่ยังตามอยู่”
“เขาไม่รู้ตัวว่าถูกสะกดรอยตาม
ฉินซีจับจ้องข้อความของอานหยัน ด้วยสีหน้ายากที่จะคาดเดา สักครู่ เธอส่ายหน้า
ที่เป็นชะตาที่ฉินซึ่งเทียนเลือกเอง
เสมือนว่าอานหยันรายงานสด ฉินซึ่งเทียนอยู่ไหน จอดรถที่ไหนซื้ออะไร ไปถอนเงินที่ไหน เสมือนGPSเวอร์ชั่นมนุษย์
หน้าจอโทรศัพท์แจ้งเตือนอย่างต่อเนื่อง พ่อบ้านอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองบ้าง
ฉินซีรับประทานอาหารอย่างเชื่องช้า ก่อนที่จะได้เห็นข้อความที่สำคัญที่สุด