Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1094
บทที่ 1094 ไม่สามารถเอาชนะตัวเองได้
ตอนที่ฉินซีกลับมาถึงรีสอร์ทชิงหยวนก็เป็นเวลาทานอาหารแล้ว
ผู้ดูแลบ้านจัดเตรียมอาหารมื้อเย็นมากมายเต็มโต๊ะ เมื่อเห็นกลับมาแล้วก็เดินเข้ามาหาด้วยความเคร่งเครียด “ระหว่างทางทั้งหมดเรียบร้อยดีไหมครับ”
ฉินซีรู้ว่า เขากลัวตัวเองถูกปาปารัสซี่ปิดล้อม ดังนั้นจึงส่ายหน้ายิ้มๆ “ข่าวของตระกูลฉินสงบไปแล้ว ไม่มีนักข่าววิ่งตามฉันแล้วล่ะ วางใจเถอะค่ะ”
ผู้ดูแลบ้านเห็นว่าสีหน้าเธอไม่มีอะไรผิดปกติจริงๆ ถึงได้วางใจ เดินนำเธอไปยังห้องอาหาร
อาหารมื้อเย็นที่พ่อครัวจัดเตรียมนั้นถูกปากฉินซีมาก แต่เธอกลับรู้สึกว่าทานไม่ค่อยลง
เธอกำลังคิดถึงจ้านเซิน
เดิมเธอมักจะคิดว่าความทรงจำในอดีตของตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถึงอย่างไรเธอก็ใช้ชีวิตทั้งที่สูญเสียความทรงจำไปมาหนึ่งปีเต็มๆ และก็ไม่ได้มีปัญหาใดๆ
ดังนั้นตอนที่เผชิญหน้ากับคุณหมอ สิ่งที่เธอครุ่นคิดพิจารณามีเพียงแค่การที่ตัวเองคิดถึงเรื่องของลู่เซิ่นไม่ออกนั้น จะมีผลกระทบหรือไม่
แต่หลังจากที่ลู่เซิ่นบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเขาก่อนหน้านี้อย่างละเอียดแล้ว ฉินซีก็ปล่อยวางมันลง
คิดไม่ถึงเลยว่า วันนี้เธอจะได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์แบบนี้อีก
หรือว่าในความทรงจำที่ตัวเองทำหายไปนั้น มีสิ่งสำคัญมากอยู่หรือ
สายตาที่จ้านเซินคนนี้มองมาที่ตัวเอง จะต้องไม่ใช่ความสัมพันธ์ธรรมดาอย่างแน่นอน แทบจะบอกเธอแบบไม่ปิดบังอำพรางเลยว่า ระหว่างพวกเขาไม่ใช่เพียงแค่คุ้นเคย แต่ถึงขนาดที่สามารถเรียกว่าสนิทมากได้
แต่ว่า…….ถ้าหากในชีวิตของตัวเองมีผู้ชายที่สำคัญขนาดนั้น ตัวเองจะคิดไม่ออกเลยแม้แต่น้อยจริงๆหรือ
ฉินซีกัดริมฝีปากด้วยความหงุดหงิด
จู่ๆเธอก็รู้สึกเสียใจในภายหลังที่เลือกการรักษาแบบอนุรักษ์นิยม
ถ้าหากเลือกที่จะปลุกความทรงจำให้ตื่นขึ้นมา อย่างน้อยตอนนี้ก็คงไม่สับสนโดยไม่ได้คำตอบอยู่ที่นี่คนเดียว
“คุณผู้หญิง” คนรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งเอ่ยพูดอย่างอดไม่ได้ “อาหารมื้อเย็นวันนี้ไม่ถูกปากคุณหรือคะ น้ำซุปล้วนเย็นชืดหมดแล้วค่ะ”
ฉินซีถูกเรียกให้สติกลับคืนมา ก็ส่ายหน้า “ไม่ใช่ ฉันชอบมาก”
เธอเพียงแค่มีเรื่องในใจ ไม่มีความอยากอาหารก็เท่านั้น
ทานไปลวกๆไม่กี่คำ ฉินซีก็อ้างว่าอาหารที่ทานเข้าไปในช่วงเวลากลางวันนั้นย่อยไม่ค่อยดี และขึ้นชั้นบนกลับห้องไป
รู้ทั้งรู้ว่าภายในรีสอร์ทชิงหยวนไม่มีเงาความทรงจำใดๆแห่งการใช้ชีวิตในอดีตของเธอ เธอกลับอยากจะค้นหามันอย่างจริงจังสักหน่อย
อย่างน้อย คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ของตัวเองก็เอาออกมาจากตระกูลฉิน และนำมาที่รีสอร์ทชิงหยวน
หลังจากที่รู้ว่าตัวเองสูญเสียความทรงจำไปแล้ว ฉินซีก็เคยตรวจสอบคอมพิวเตอร์คร่าวๆ แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์
แต่ตอนนี้เธออยากจะค้นในคอมพิวเตอร์อย่างละเอียดสักหน่อย
ไม่แน่ว่าในมุมใดมุมหนึ่ง จะสามารถหาสิ่งอะไรที่มาเตือนตัวเองได้
แต่ตอนที่เธอกำลังเปิดคอมพิวเตอร์ ก็มีแจ้งเตือนอีเมลใหม่เด้งเตือนเข้ามา
พูดแล้วก็ต้องให้เครดิตกับลู่เซิ่น ตอนที่ความคิดเห็นของมวลชนด้านนอกยุ่งเหยิงวุ่นวาย เบอร์โทรศัพท์ของฉินซึ่งเทียนและคนทั้งหมดในตระกูลฉินล้วนถูกโทรศัพท์หาจนสายแทบไหม้ แต่ฉินซีกลับคล้ายกับว่าไม่ได้ถูกรบกวน
ด้านหนึ่งก็คือลู่เซิ่นระงับข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับฉินซีไว้ อีกด้านหนึ่งเขาก็ติดตั้งซอฟต์แวร์กรองสายโทรศัพท์ให้กับฉินซี ซอฟต์แวร์นี้พัฒนาขึ้นเพื่อให้คนตระกูลฉินใช้บล็อกโทรศัพท์ก่อกวน
ดังนั้นช่วงเวลานี้ แม้ว่าข่าวในโลกภายนอกจะโจมตีฉินซีไม่หยุดหย่อน แต่โทรศัพท์หรืออีเมลที่ส่งมารบกวน ฉินซีนั้นล้วนไม่เคยได้รับเลย
จึงเป็นธรรมชาติที่ความระแวดระวังภัยในใจของฉินซีจะลดลง
ดังนั้นเมื่อเห็นอีเมลที่ส่งมาโดยมีชื่อผู้ส่งไม่ชัดเจน เธอจึงไม่ได้ลังเลอะไรที่จะกดเปิดอ่าน
อีเมลไม่ระบุชื่อผู้ส่ง ด้านในไม่ได้เขียนอะไรสักคำ มีเพียงแค่คลิปเสียงหนึ่งคลิป
ฉินซีเดิมคิดว่าเป็นโฆษณาน่าเบื่ออะไรพวกนั้น แต่เมื่อคิดอีกที อีเมลนี้มีการติดตั้งระบบสกัดกั้นเอาไว้ จะมีโฆษณาส่งเข้ามาได้อย่างไรกัน
อย่างนั้นจะเป็นคลิปเสียงอะไรกัน
ฉินซีขมวดคิ้วน้อยๆ ครุ่นคิดไม่กี่วินาที ก็ยังคงกดเปิดฟัง
ในไม่ช้า เสียงของลู่เซิ่นก็ลอยออกมาจากในเครื่องคอมพิวเตอร์
คิ้วของฉินซีขมวดเป็นปมแน่น
เธอกดหยุด เพื่อปรับระดับเสียงในคอมพิวเตอร์ และกดเริ่มใหม่อีกครั้ง
“ได้ ฉันรับปากนาย ฉันจะถามเธอว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะแต่งให้กับฉัน”
ประโยคนี้เป็นเสียงของลู่เซิ่น
“นายถามดีๆ อย่างไรก็เป็นถึงการขอแต่งงาน ยังคงต้องเป็นทางการสักหน่อย”
นี่คือเสียงของผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง
ฉินซีได้ยินแล้วก็รู้สึกคุ้นหูอยู่หลายส่วน แต่คิดไม่ออกชั่วขณะว่าเป็นใครกันแน่
เธอรู้สึกว่าหูของตัวเองกำลังดังวิ้งๆ
คลิปเสียงไม่ยาว ครึ่งนาทีก็ยังไม่ถึง เนื้อหาด้านในง่ายมาก
ลู่เซิ่นกำลังพูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่งว่าจะขอน้องสาวของคนคนนั้นแต่งงานอย่างไร
หลังจากที่คลิปเสียงจบลงแล้ว ภายในห้องก็เข้าสู่ความเงียบ
สีหน้าของฉินซีขาวซีด มือทั้งสองข้างชื้นเหงื่อ
เธอรู้ดีว่าตัวเองเป็นลูกสาวคนเดียวของฉินซึ่งเทียนและเหยาหมิ่น และแม้ว่าหลายปีมานี้ฉินซึ่งเทียนจะใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาอยู่ด้านนอก แต่ไม่เคยให้กำเนิดเด็กผู้ชายแน่นอน ไม่อย่างนั้น ตามนิสัยของเขาแล้ว ไม่มีทางที่จะไม่พากลับบ้าน
นี่ก็พูดได้ว่า ตัวเองไม่ได้มีพี่ชายอย่างแน่นอน
ดังนั้นลู่เซิ่นกำลังพูดคุยเรื่องขอแต่งงานกับใครกัน
และจะขอใครแต่งงานกัน
สมองของฉินซีสับสนวุ่นวาย ไม่รู้จะจับต้นชนปลายอย่างไร
ใจเย็นๆ
เธอบอกกับตัวเองในใจ
ผ่านเรื่องของเหยาหมิ่นมาแล้ว เธอรู้ชัดเจนมากที่สุดว่า คลิปวิดีโอ เสียง และรูป ล้วนสามารถปลอมแปลงขึ้นมาได้ ล้วนไม่สามารถเชื่อถือได้
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงอีเมลที่ส่งมาโดยไม่ระบุชื่อ
นี่เป็นอีเมลที่ส่งมาจากบุคคลนิรนามที่ไม่ได้ระบุชื่อและไม่ทราบว่ามีเจตนาอะไร ความเป็นจริงก็ยิ่งถูกลดทอนลงไปอีก
มีคนที่มีจุดประสงค์แอบแฝงส่งมาเพื่อยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่เซิ่นใช่หรือไม่
หรือไม่ก็คิดจะอาศัยคลิปเสียงนี้มาข่มขู่เธอหรือลู่เซิ่น
สมองของฉินซีมีความคิดต่างๆวนไปวนมา พยายามที่จะโน้มน้าวตัวเอง
แต่เธอก็รู้ดีมากว่า ส่วนลึกในมุมหนึ่งของหัวใจตัวเอง ยังคงอดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
ไม่ใช่ว่าเธอไม่ไว้ใจลู่เซิ่น เธอเพียงแค่ไม่มีหนทางที่จะเชื่อในความรัก
ผลกระทบที่ฉินซึ่งเทียนสร้างไว้ให้เธอไม่ใช่แค่แก้แค้นเสร็จแล้วจะสามารถขจัดออกไปได้
การที่ฉินซึ่งเทียนไม่ซื่อสัตย์ในความรัก กระทั่งภรรยาก็สามารถลงมือได้อย่างดุร้าย ทำให้ความรู้สึกปลอดภัยที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์อันใกล้ชิดที่อยู่ในใจฉินซีถูกทำลายลงไปจนสิ้น
เบื้องหลังครอบครัวแบบนี้ทำให้เธอไม่กล้าที่จะเชื่อผู้อื่นไปโดยสัญชาตญาณ ในสัญชาตญาณจะเกิดความรู้สึกสงสัยว่า เขารักฉันจริงๆหรือ เขากำลังแสดงละครใช่หรือไม่ แกล้งทำเป็นอยู่ด้วยกันกับฉันเพื่อเหตุผลอะไรใช่หรือไม่
ฉินซีไม่เคยพูดความกังวลเหล่านี้ของตัวเองกับลู่เซิ่น เพราะเธอรู้สึกว่า เมื่อเวลาผ่านไปก็จะจืดจางไปเอง เธอไม่สามารถมีชีวิตอยู่ภายใต้เงามืดของฉินซึ่งเทียนไปได้ตลอดกาล
ขอเพียงแค่ลู่เซิ่นอยู่ข้างกายเธอไปตลอดแบบนี้ เธอก็อาจจะเอาชนะตัวเองได้
จะต้องมีสักวันที่เธอสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้มากพอ
แต่ความเป็นจริงกลับตบหน้าเธออย่างแรง
เพียงแค่ฟังคลิปเสียงที่ไม่ถึงครึ่งนาทีจนจบ ฉินซีก็รู้สึกว่าหายใจลำบากเล็กน้อยแล้ว แม้ว่าสติจะโน้มน้าวให้ตัวเองเชื่อมั่นในตัวลู่เซิ่น แต่ว่าจิตใต้สำนึกกลับเกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมา
ไม่ใช่คำพูดที่ลู่เซิ่นพูดออกมาจากปากตัวเอง…..จริงๆหรือ
ฉินซียับยั้งความรู้สึกตื่นตระหนกและความสงสัยในใจของตัวเองเอาไว้ พลางยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือ
ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ต้องติดต่อลู่เซิ่นก่อน
เธอไม่สามารถทำให้แผนร้ายของผู้อื่นประสบความสำเร็จได้
เธอต้องฟังก่อนว่า ลู่เซิ่นจะพูดว่าอย่างไร