Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 111
บทที่ 111 ไม่อาจหลุดพ้น
เดินออกมาจากร้านค้า มู่วี่สิงจูงมือเธอเอาไว้ กลับไม่ได้เดินไปทางหน้าประตูห้าง
“หือ?” เวินจิ้งมองเขาอย่างมีข้อสงสัย “ไม่ใช่ว่าจะกลับหรอกหรอคะ?”
”หิวไหมครับ?” มู่วี่สิงกลับถามขึ้น
ท้องของเวินจิ้งส่งเสียง “จ๊อกๆ” ออกมาอย่างรู้กาลเทศะมาก เธอต้มโจ๊กให้กับอั้ยเถียน แต่ตัวเองดูเหมือนจะไม่ได้ทานอะไรเลย
มู่วี่สิงยกมุมริมฝีปากขึ้น พาเธอมาถึงร้านอาหารฝรั่งที่อยู่กลางแจ้งร้านหนึ่ง
ทั้งสองคนแทบจะยังไม่เคยทานข้าวนอกบ้านด้วยกัน ตอนนี้เดินผ่านห้างที่คึกครื้นไป กลับมีความรู้สึกอย่างนึงเหมือนกำลังออกเดท
ฮู้ เธอกับมู่วี่สิงกำลังออกเดทกัน ความรู้สึกแบบนี้แปลกหน้าอยู่บ้าง กลับทั้งยังมีความรู้สึกรอคอยอยู่เล็กน้อยด้วย
กรอบในการมองเห็นของร้านอาหารฝรั่งนั้นดีมาก หน้าต่างบานใหญ่ที่ลากลงมาถึงพื้นสามารถมองเห็นแม่น้ำในเมืองหนานเฉิงตลอดทั้งสาย ทิวทัศน์มีเสน่ห์มาก
เวินจิ้งรู้สึกไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไรนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…บนโต๊ะอาหารคิดไม่ถึงว่าจะมีเทียนจุดเอาไว้ด้วย หลังจากเสิร์ฟอาหารเสร็จก็กลายเป็นดินเนอร์ใต้แสงเทียน
มู่วี่สิงสงบนิ่งใจเย็นอยู่ตลอดเวลา สั่งอาหารเสร็จ ก็รินเหล้าให้กับเวินจิ้งด้วยตัวเอง
“ขอบคุณค่ะ” เธอเม้มปากขึ้น ภายใต้แสงเทียน ใบหน้าของชายหนุ่มหล่อเหลาลึกลับ
“ชอบที่นี่ไหมครับ?” เขาเอ่ยถาม
เวินจิ้งพยักหน้า นัยน์ตาปรากฏให้เห็นความชื่นชมยินดีออกมา “แน่นอนว่าชอบค่ะ สถานที่ที่โรแมนติกขนาดนี้”
ก็แม้แต่สเต๊กเนื้อชิ้นเล็กที่เสิร์ฟขึ้นในลำดับต่อมา มู่วี่สิงต่างก็หั่นออกให้เสร็จเป็นชิ้นๆ อาหารมื้อนี้ เวินจิ้งรู้สึกเพียงแค่เพลิดเพลินอย่างถึงที่สุด
มองดูมู่วี่สิง ตอนที่เขารับประทานอาหารตั้งแต่ต้นจนจบต่างก็สง่างามและสูงศักดิ์ เห็นได้ชัดว่าการอบรบสั่งสอนนั้นดีมาก
“คุณหมอมู่ คุณโตมาที่ต่างประเทศใช่ไหมคะ?” เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
ปกติมู่วี่สิงชอบอาหารฝรั่งสไตล์อังกฤษมากเป็นพิเศษ ก็แม้แต่เมื่อสักครู่นี้ที่สั่งไป ต่างก็เป็นรสชาติสไตล์อังกฤษซะส่วนมาก
“อื้ม ประมาณเจ็ดแปดขวบผมก็ถูกรับไปที่แคนาดาแล้ว ปีก่อนเพิ่งจะกลับมาที่เมืองหนานเฉิง”
“เพื่อที่จะเป็นหมอหรอคะ?” เวินจิ้งเอ่ยออกไปโดยไม่ได้ยั้งคิด
เธอพอจะรู้ว่าเบื้องหลังของตระกูลมู่นั้นไม่ธรรมดา แต่ว่า มู่วี่สิงเป็นคุณหมอ ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งพัวพันแม้แต่น้อยกับธุรกิจของครอบครัวแล้ว
หรือจะว่า เพียงแต่เธอไม่รู้ก็เท่านั้นเอง
“สิ่งที่ผมเล่าเรียนอยู่ที่แคนาดาก็คือวิชาทางการแพทย์ ตั้งแต่เล็กจนโต ความฝันของผมไม่เคยเปลี่ยน” มู่วี่สิงขมวดคิ้วขึ้น
เวินจิ้งมองดูเขา นัยน์ตาปรากฏความเลื่อมใสศรัทธาและความอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย
สิ่งที่เขามีทั้งหมด ก็เคยเป็นความคิดทั้งหมดของเธอเช่นเดียวกัน
เพียงแต่ต่อมาก้าวนึงผิด ก้าวต่อๆไปก็ผิด
แต่ตอนนี้ เธออยากจะเดินกลับเข้าไปในเส้นทางนี้ใหม่อีกครั้ง
“งั้น ชีวิตของคุณราบรื่นมากเลยนะคะ” เวินจิ้งถอนหายใจออกมา
มู่วี่สิงยื่นมือเข้ามา กุมมือของเธอเอาไว้ “ชีวิตของคนไม่มีที่ราบรื่นหรอกครับ คุณนายมู่ ที่คุณเห็น ก็เป็นเพียงแค่ผมในตอนนี้”
“ฉันก็อยากทำความเข้าใจ ที่ผ่านมาของคุณเช่นเดียวกันค่ะ” สายตาของเวินจิ้งเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้น
นับวันเธอยิ่งอยากจะเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้น อยากจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขา
ทั้งๆที่รู้ว่าบางทีอาจจะไม่สามารถครอบครองได้ แต่กลับดุจดั่งโดนพิษ ไม่อาจหลุดพ้นออกมาได้
ได้ยินดังนั้น มู่วี่สิงก็เงยหน้าขึ้น ความรู้สึกที่ทำให้คนคาดเดาไม่ออกบางๆปรากฏขึ้นภายในสายตา
“คุณนายมู่ หากคุณอยาก ผมสามารถพาคุณไปพบครอบครัวของผม”
นี่เป็นสิ่งที่มู่วี่สิงเอ่ยขึ้นออกมาก่อน
เวินจิ้งกัดริมฝีปากเล็กน้อย ดึงมือกลับคืนมาอย่างกะทันหัน
“คุณพ่อคุณแม่ของคุณล่ะคะ?”
“พวกเขามีธุรกิจของตัวเองอยู่ที่แคนาดา ผมไม่ได้เจอพวกเขามานานหลายปีแล้ว”
“แต่ว่า พวกเขาคือคุณพ่อคุณแม่ของคุณนะคะ ทำไมถึงไม่เจอหน้ากันล่ะ?” เวินจิ้งเอ่ยถามขึ้น
นี่ถึงได้พบว่า สีหน้าของมู่วี่สิงเปลี่ยนเป็นดุดันขึ้น ถึงขั้น แฝงไปด้วยความเกลียดชังเล็กน้อย
เวินจิ้งปวดใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไม่ได้ถามต่อไปอีก
บางที นี่อาจจะเป็นรอยแผลเป็นของมู่วี่สิง
เขากลับเอ่ยขึ้นว่า “ในใจของพวกเขา ผมไม่สำคัญ”
ออกจากร้านอาหารไป มู่วี่สิงเดินอยู่ด้านหน้า เวินจิ้งหยุดชะงักไปชั่วขณะ ริเริ่มเข้าไปคล้องแขนของเขาด้วยตัวเอง
“อยากจะไปเดินช้อปปิ้งสักหน่อยไหมครับ? ปกติคุณเป็นเด็กดีมากเลย ผมกลับหวังว่าคุณจะฟุ่มเฟือยสักหน่อย” มู่วี่สิงมองดูเวินจิ้งอย่างรักใคร่เอ็นดู
เขาให้บัตรสีดำกับเวินจิ้ง เธอใช้ไปเพียงแค่หนึ่งครั้ง ยังเป็นการซื้อเสื้อผ้าให้เขาอีก