Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1216
บทที่ 1216 คลื่นลมสงบ
ประเทศF รีสอร์ทชิงหยวน
ขณะที่ลู่เซิ่นลืมตาขึ้น ท้องฟ้าเพิ่งจะมีแสงสว่างรำไร
เขาหยิบมือถือขึ้นมาด้วยความเคยชิน อยากจะดูว่าตอนนี้กี่โมง แต่เพิ่งจะปลดล็อกมือถือ เขาก็เห็นข้อความนั้นบนหน้าจอที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อวานนี้
พักผ่อนทั้งคืนแล้ว ตอนนี้อารมณ์ของเขานิ่งสงบขึ้นไม่น้อย
เขาจึงทำแค่ส่งต่อข้อความนั้นให้หลินหยัง
หลินหยังแทบจะตอบกลับมาในทันที “ครับ”
เขาเข้าใจความหมายของลู่เซิ่นอย่างรวดเร็ว เข้าใจว่าลู่เซิ่นต้องการให้เขาไปรับแหวน
แต่ในใจของเขายังคงอดไม่ได้ที่จะสับสน
เขาจำได้ชัด ตอนนั้นที่สั่งทำแหวน
ลู่เซิ่นต้องการทุกอย่างรวดเร็ว จึงสั่งทำแหวนไม่ทำ ทำได้แค่เลือกแบบสำเร็จที่ลู่เซิ่นพอใจมากที่สุด แก้ไขบางส่วน
ลู่เซิ่นทุ่มเทเลือกแหวนที่พอใจ สั่งให้ปรับสีและความกว้างของเรือนแหวน ร้านคาดว่า ต้องใช้เวลาแก้สองวันถึงจะเสร็จ เมื่อเสร็จแล้วจะแจ้งเขาให้ทราบ
หลินหยังเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็หยิบนามบัตรของตัวเองออกมา
ลู่เซิ่นไม่เคยให้หมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัว คนที่รู้ช่องทางติดต่อส่วนตัวของเขานั้นหลินหยังนับได้ไม่กี่คน
สถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าต้องให้หมายเลขโทรศัพท์ของหลินหยัง
แม้แต่นามบัตรปกติที่ลู่เซิ่นใช้ก็เป็นหมายเลขโทรศัพท์ของหลินหยัง ไม่ใช่ของเขาเอง
นึกไม่ถึงลู่เซิ่นจะทำมือ เรียกให้หลินหยังหยิบนามบัตรของเขาออกมา
นามบัตรของเขาแทบจะไม่เคยได้ใช้ ยังดีที่หลินหยังพกติดตัวไว้ตลอด ในที่สุดก็ได้หยิบออกมาใช้
ร้านไม่รู้ว่าทั้งสองคนทำอะไร เพียงแต่รับนามบัตรไปอย่างนอบน้อม รับปากว่าจะทำให้เสร็จเร็วที่สุด
หลินหยังเห็นคนของร้านทำแหวนเดินไปแล้ว ในใจเข้าใจชัดแล้ว ลู่เซิ่นใส่ใจกับงานแต่งงานของตัวเองมากแค่ไหน
ใส่ใจทุกขั้นตอน จนต้องการทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้…ตอนนั้นหลินหยังเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เสนอตัวก้าวก่ายมากเกินไปที่เกี่ยวกับงานแต่งงาน
แต่เขาคิดไม่ถึง แค่ไม่กี่วันต่อมา ตัวเองจะได้รับข้อความที่ลู่เซิ่นส่งต่อมา
เขารีบเลี้ยวกลับมาอย่างรวดเร็ว
คงเป็นเพราะตอนนี้ฉินซีหายตัวไป ลู่เซิ่นไม่มีใจจะคิดเรื่องอื่น เรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ จึงให้เขาไปทำแทน
เมื่อคิดเช่นนี้ หลินหยังก็นิ่งขึ้น ออกไปรับแหวนตามที่อยู่ในข้อความนั้น
……
ลู่เซิ่นในขณะนี้ เพิ่งจะเดินออกจากห้องน้ำ ก็เห็นชุดแต่งงานที่วางในห้องรับแขก
ในหัวของเขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงคำพูดเมื่อคืนวานของหลินยี่อีกครั้ง
เขารู้ดีถึงความต้องการส่วนตัวของหลินยี่ และรู้ดีว่าถ้าเขาตัดสินใจทำเช่นนั้นจริงๆ ก็จะเป็นเรื่องบ้าไม่น้อย
แต่ในช่วงหนึ่งเขาไม่อาจสลัดข้อเสนอของหลินยี่ทิ้งไปได้
ใช้วิธีประกาศว่าจะแต่งงานกับคนอื่นเพื่อดึงความสนใจจากฉินซี ลองทดสอบฉินซี เป็นวิธีที่งี่เง่าที่สุดเท่าที่ลู่เซิ่นเคยได้ยินมา
แต่เมื่อเห็นชุดแต่งงานที่วางบนโต๊ะ เขาไม่อาจหยุดครุ่นคิดถึงข้อเสนอนี้ได้
เขารู้ดี เมื่อดูจากนิสัยของฉินซี ต่อให้เธอตั้งใจไปจากเขา ถ้าหากเขาจะแต่งงานกับคนอื่นอย่างรวดเร็วขนาดนี้ขึ้นมาจริงๆ เธอไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกอะไร
ถ้าหากเธอเป็นอิสระ เธอต้องกลับมาหาเขาแน่
แต่ถ้าเธอไม่มีอิสระล่ะก็…เช่นนั้นเธอจะต้องอยากกลับมาอย่างรุนแรงแน่
ตามที่ถังย่าพูด ฉินซีมีความสำคัญในใจของคนที่ชื่อ จ้านเซินนั่นไม่น้อย ถ้าหากฉินซีอยากจะรีบออกมา เธอคงจะมีทางทำให้เธอบรรลุเป้าหมายของตัวเองแน่
นอกจากข่าวแต่งงาน เขานึกไม่ออกว่าตัวเองจะมีข่าวอะไร เพียงพอที่จะกระตุ้นเป้าหมายของฉินซีได้เหมือนกัน
ลู่เซิ่นยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่า ความคิดเห็นที่ฟังเผินๆ เหมือนจะไร้สาระ แต่ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ทำให้เขาบรรลุเป้าหมายได้เร็วที่สุด
เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองหวั่นไหวกับข้อเสนอนี้ ลู่เซิ่นส่ายหน้า เดินออกไปข้างนอก
วันนี้เป็นวันที่หลินยี่ตรวจร่างกายซ้ำ ไม่ต้องให้ลู่โยวโยวโทรมาร้องไห้โวยวาย เขารู้ว่าตัวเองควรจะต้องไป
เขารับหลินยี่มานานแล้ว ตั้งแต่ลู่เซิ่นรู้ข่าว ทุกอย่างเหมือนคลื่นลมเงียบสงบ
ไม่ว่าจะเป็น มู่วี่สิงหรือคนอื่น ไม่มีใครตั้งใจหาเบาะแสของหลินยี่
ดูเหมือนไม่มีศัตรูจับตาหลินยี่แล้ว
เช่นนี้แล้ว ลู่เซิ่นก็ค่อนสบายใจขึ้นหน่อย
ตระกูลลู่แม้ว่าจะมีหมอดีแค่ไหน อุปกรณ์ทางการแพทย์เทียบกับที่โรงพยาบาลไม่ได้ บาดแผลภายนอกของหลินยี่แม้ว่าจะเกือบหายดีแล้ว ลู่เซิ่นจัดการให้เขาไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลจงซิน
ตอนที่ทั้งสองคนพบหน้ากันที่โรงพยาบาลจงซิน หลินยี่สมแล้วที่รู้จักกับลู่เซิ่นมานานขนาดนี้ แค่มองปราดเดียวก็มองลู่เซิ่นทะลุปรุโปร่ง “ว่าไง อารมณ์ไม่ดีเหรอ”
ลู่เซิ่นจะบอกเรื่องที่เขาเตรียมงานแต่งงานจนหัวระเบิดกับหลินยี่ไม่ได้ เขาแค่พยักหน้า ไม่พูดอะไรมาก
หลินยี่ก็ไม่ซักไซ้ ถูกอู๋ชิงเข็นเข้าไปตรวจโดยละเอียด
ลู่เซิ่นหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาทำงาน แต่ใจลอยเป็นพักๆ
เวินจิ้งก็มาเช่นกัน เธอนั่งที่อีกด้านหนึ่งถือมือถือ ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร
ลู่โยวโยวคงจะไม่อยากมาพร้อมกับเวินจิ้ง จึงไม่ได้มาด้วย เพียงแต่โทรมาสั่งลู่เซิ่น ถ้ามีอะไรให้รีบโทรหาเธอ
ลู่เซิ่นรับคำ
ครึ่งวันเช้าผ่านไป ในที่สุดหลินยี่ก็ตรวจร่างกายเรียบร้อย เมื่อทราบผลก็เป็นที่น่าพอใจ
“บาดแผลของคนไข้ท่านนี้ประสานดีมาก อวัยวะภายในที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ก็ฟื้นตัวจนแทบเป็นปกติแล้ว แต่ยังมีอาการเลือดจางบ้าง คนไข้จะต้องบำรุงต่อไปครับ” หมอหยิบรายการขึ้นมาอ่านรายงานโดยละเอียด
ที่จริงพวกเขาดูออกว่าบาดแผลที่ทะลุร่างกายหลินยี่คือกระสุนปืน พวกเขาไม่รู้สถานะของหลินยี่ แต่รู้ว่าลู่เซิ่นเป็นใคร จึงไม่ซักถามอะไรมาก และตัดสินใจที่จะเก็บเรื่องที่ตนรู้เห็นไว้
ลู่เซิ่นพยักหน้า สีหน้าคลายกังวล
เป็นเรื่องที่ทำให้ดีใจจริงๆ
ความดีใจของเวินจิ้งยิ่งเห็นได้ชัดกว่า
เธอลุกขึ้นเดินไปข้างหลินยี่ นั่งลง ก้มศีรษะใกล้เข่าของหลินยี่ กระซิบอะไรบางอย่างกับเขา
บรรยากาศของพี่น้อง อู๋ชิงรู้หน้าที่เดินออกไป ส่วนลู่เซิ่นก็ไปสูบบุหรี่ที่ห้องสูบบุหรี่
จนถึงเวลากลับ เวินจิ้งไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เหลือแต่หลินยี่นั่งบนรถเข็นอยู่ที่เดิม
เมื่อเห็นลู่เซิ่นเดินมา จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น “เมื่อกี้ที่นายนั่งตรงม้านั่งยาวกับเวินจิ้ง เหมาะกันมาก ว่าไง จะไม่ลองคิดอีกทีที่ฉันพูดเมื่อวานหรือไง”
ลู่เซิ่นไม่ได้โต้แย้งทันทีแบบเมื่อวาน สีหน้าปกติ เขาเพียงแต่เหลือบมองหลินยี่ ไม่ได้พูดอะไร
หลินยี่รู้ว่า นี่เป็นหลักฐานว่าลู่เซิ่นเริ่มหวั่นไหว