Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1265
บทที่ 1265 คุณยังคงรักผมอยู่
“แต่ว่า…..ก่อนที่ผมจะตอบคำถามพวกนี้ของคุณ คุณควรจะตอบคำถามผมสักสองสามข้อก่อนใช่หรือไม่” ลู่เซิ่นเปลี่ยนหัวข้อสนทนากะทันหัน สายตามีแววดุร้ายขึ้นหลายส่วน
ฉินซีชะงัก
แต่สุดท้ายแล้วก็พยักหน้า
มือทั้งสองข้างของลู่เซิ่นวางอยู่บนหัวเข่า โน้มร่างมาด้านหน้าเล็กน้อย แสดงท่าทางที่เห็นได้บ่อยๆบนโต๊ะเจรจา กลิ่นอายเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาหลายส่วน
“ฉินซี ทำไมคุณถึงได้ไปจากที่นี่” น้ำเสียงของลู่เซิ่นราบเรียบ แต่สายตากลับยังคงจับจ้องมา “คุณไม่ต้องอธิบายมากมาย ผมรู้ดีว่า ตอนสุดท้ายที่คุณจากไป ไม่ใช่ความสมัครใจของคุณ แต่ว่า…..ก่อนที่คุณจะถูกพาไปจากที่นี่ ก็มีความคิดที่จะจากไปแล้ว ถูกต้องไหม”
คิ้วของฉินซีกลับขมวดเล็กน้อย
ความทรงจำที่ไม่มีความสุขเหล่านั้น เป็นเพราะน้ำเสียงที่หนักแน่น เป็นเหตุเป็นผลของลู่เซิ่นไหลเข้าสู่สมอง
คลิปเสียงและวิดีโอเหล่านั้น เป็นหลักฐานที่ลู่เซิ่นหักหลังตัวเอง ทั้งหมดล้วนลอยกลับเข้ามาในสมองของตัวเอง
“ลู่เซิ่น” น้ำเสียงเธอก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาเช่นกัน “ตอนที่คุณจากที่นี่ไปเมืองหนานไม่กี่วันนั้น ไปทำอะไรหรือ”
คราวนี้ลู่เซิ่นชะงักบ้างแล้ว
เขาไปทำอะไรที่เมืองหนาน…….
ถ้าหากว่าต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ ความเชื่อมั่นของลู่เซิ่นก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้นแล้ว
ภาพที่เขาหลบสายตาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นความละอายใจอย่างหนึ่ง เมื่ออยู่ในสายตาของฉินซี
แต่เมื่อสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น สิ่งหนึ่งก็จบลงกะทันหันในระยะเวลาอันสั้น ไม่ควรจะใส่ใจสิ่งที่ต้องสูญเสียในตอนนี้ แผ่นหลังฉินซีจึงยืดตรงขึ้นมา
“ลู่เซิ่น” เธอถอนหายใจเสียงเบา “ฉันไม่อยากจะพูดจาไร้สาระ อ้อมไปอ้อมมากับคุณ สาเหตุที่ฉันต้องการจากไป มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุณทำในไม่กี่วันนั้น”
นัยน์ตาลู่เซิ่นสั่นไหว
ฉินซีรู้ได้อย่างไร
คนที่รู้ถึงเป้าหมายในการไปเมืองหนานของเขาในไม่กี่วันนั้น นอกจากตัวเขาเองและหลินยี่ ก็แทบจะไม่มีใครรู้แล้ว ฉินซีจะเข้าใจได้อย่างไร
“คุณ…….” สุดท้ายแล้วลู่เซิ่นก็อดไม่ไหว ถามคำถามนี้ออกมา “คุณรู้หรือ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินซีแฝงการประชดประชันอยู่หลายส่วน “ใช่แล้ว การที่ฉันรู้เรื่องนี้ อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ใช่หรือไม่”
“ทำไมคุณ……” ชั่วขณะหนึ่งที่ลู่เซิ่นยังไม่มีสติ แต่เมื่อถามออกไปได้ครึ่งประโยคแล้ว ตัวเองก็ได้สติขึ้นมา “องค์กรของคุณบอกคุณหรือ”
ฉินซีเห็นว่าเขาไม่ได้ปฏิเสธในสิ่งที่เขาทำทั้งหมด เพียงแค่เลือกที่จะถามว่าตัวเองรู้ได้อย่างไรกันแน่ ในใจก็ยิ่งเฉยชากว่าเดิม และไม่อยากจะพูดมาก จึงทำเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น
ลู่เซิ่นหมดคำพูดไปชั่วขณะ
สมองของเขาคิดถึงคำพูดที่ลู่เหวยพูดกับตัวเองขึ้นมาได้กะทันหัน
ตอนนั้นลู่เหวยเตือนเขา ถามเขาว่า ถ้าหากเรื่องนี้ถูกฉินซีรู้เข้า จะเกิดผลลัพธ์อะไรขึ้นมา
ตอนนั้นเขายังพูดด้วยความมั่นใจว่า ฉินซีไม่มีทางรู้
ใครจะรู้ว่า……เรื่องแบบนี้ จะเป็นความจริงตามที่พูดไว้
“ฉินซี” เขาถอนหายใจเสียงเบา เอ่ยเสียงอ่อน “คุณ…..ค่อยๆฟังผมอธิบาย”
ฉินซีไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน
เธอเสี่ยงอันตรายใหญ่หลวง จากระยะทางยาวไกลมาถึงที่นี่ ก็แค่เพื่อจะฟังคำอธิบายไม่กี่ประโยคของลู่เซิ่นด้วยหูตัวเองเท่านั้นเอง
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดว่าไม่ต้องการอย่างแง่งอน แต่กลับไม่มีความเข้มแข็งมากพอที่จะพูดให้ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยออกมา เหมือนที่ตัวเองประมาณการเอาไว้แบบนั้น
เธอพบว่าสุดท้ายแล้ว ตัวเองยังคงหวาดกลัว ถ้าหากว่าความจริงที่ลู่เซิ่นพูดออกมานั้นโหดร้ายมากเกินไป ตัวเองจะรับมันไหวได้อย่างไร
ลู่เซิ่นเรียบเรียงคำพูดในใจสักครู่ สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจพูดเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น
“ถ้าจะให้อธิบายเรื่องนี้ ต้องเริ่มเล่าจากหลินยี่ก่อน ผมได้พบหน้ากับหลินยี่เป็นครั้งแรกในค่ายทหาร…….”
เขาติดค้างหลินยี่ชีวิตหนึ่งได้อย่างไร รับปากเขาอย่างไร และหลินยี่ที่ชีวิตของตัวเองตกอยู่ในอันตราย กลับให้ตัวเองไปช่วยเวินจิ้งออกมาจากคุกอย่างไร
“จริงๆแล้ว การจะช่วยเธอออกมานั้นมีวิธีมากมาย แต่ว่า……แสร้งทำเป็นแต่งงานกับเธอ เป็นวิธีที่แก้ไขปัญหาได้เร็วที่สุดจริงๆ” ลู่เซิ่นเอ่ยถึงตรงนี้ ในน้ำเสียงมีแววขอโทษและเสียใจอยู่หลายส่วน “เป็นผมที่คิดไม่รอบคอบเอง คิดว่าเรื่องนี้ก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้าง ช่วยเธอออกมาได้ก็พอแล้ว ดังนั้น……จึงไม่ได้บอกคุณ นี่เป็นความผิดของผม”
สายตาของเขาจ้องมองฉินซีเขม็งตั้งแต่ต้นจนจบ ดังนั้นจึงไม่ได้พลาดความรู้สึกที่แปรปรวนใดๆบนใบหน้าของเธอ
และในตอนนี้ ความรู้สึกที่อยู่บนใบหน้าของฉินซีดูแล้วสงสัย…..อยู่บ้าง
“ฉินซี” ลู่เซิ่นหยั่งเชิงเรียกประโยคหนึ่ง
ฉินซีนั้นเหมือนกับได้สติกลับคืนมาอย่างไรอย่างนั้น หันหน้ามามองเขาทันที “คุณบอกว่า ที่ตอนนั้นคุณพูดว่าจะแต่งงานกับเวินจิ้ง เป็นข้ออ้างในการช่วยเธอออกมาจากคุกอย่างนั้นหรือ”
ลู่เซิ่นไม่รู้แน่ชัดถึงสาเหตุความแปรปรวนทางอารมณ์ของเธอ แต่ก็ยังพยักหน้า “ถูกต้อง ผมทำเพื่อช่วยเธอออกมาเท่านั้นเอง”
ฉินซีนึกย้อนไปถึงคลิปเสียงที่ได้ยินและวิดีโอที่ได้ดูเหล่านั้น ถ้าหากอ้างอิงจากคำพูดของลู่เซิ่น ก็ไม่ใช่ว่าไม่สามารถอธิบายได้ แต่ว่า…….ยังมีอีกคำถามหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการจัดการ
“ในเมื่อคุณทำเพื่อช่วยเธอออกมา อย่างนั้นเรื่องที่จะเกิดในวันพรุ่งนี้ คืออะไร” สายตาของฉินซีคมปลาบขึ้นมาเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นข้ออ้าง ทำไมจะต้องแต่งงานกับเธอ”
ลู่เซิ่นมองสีหน้าของเธอแล้ว บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มแปลกๆพาดผ่าน
“คุณใส่ใจมันมากหรือ” เสียงของลู่เซิ่นเบามาก คล้ายกับกลัวว่าจะทำให้อะไรบางสิ่งเกิดความตื่นตระหนก “ผมแต่งงานกับคนอื่น คุณใส่ใจมาก ถูกต้องไหม”
ฉินซีเกือบจะกลอกตามองบนในใจแล้ว
ถ้าหากว่าเธอไม่ใส่ใจ จะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกัน
แต่ให้พูดความรู้สึกของตัวเองออกมาตรงๆ ก็น่าขายหน้าเกินไปหน่อย ดังนั้นฉินซีจึงเม้มปากแน่น ไม่ยอมพูดจา
เพียงแต่สีหน้าความรู้สึกของเธออธิบายได้ชัดเจนหมดแล้ว
รอยยิ้มในแววตาของลู่เซิ่นเห็นได้ชัดกว่าเดิม เขาเขยิบเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อย ปลายจมูกแทบจะแตะกับปลายจมูกของฉินซี “เป็นเพราะว่าคุณยังใส่ใจผม ปล่อยผมไปไม่ได้ จึงได้กลับมา ใช่ไหม”
ฉินซีเกิดภาพลวงตาว่าตัวเองถูกเขาบีบให้จนมุมขึ้นมา จึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปผลักเขา แต่มือที่ยื่นออกไป กลับถูกลู่เซิ่นจับเอาไว้
“ผมรู้ว่า คุณยังรักผมอยู่”
น้ำเสียงของลู่เซิ่นเต็มไปด้วยความมั่นใจ เหมือนกับว่าไม่เหลือช่องว่างให้ฉินซีได้โต้กลับ เพิ่งจะสิ้นเสียง ก็ยื่นมือไปจับคางฉินซีไว้ ไม่อนุญาตให้เกิดความสงสัยใดๆ ก็จูบลงไป
เสี้ยววินาทีที่ริมฝีปากคู่นั้นแนบลงมา ฉินซีก็ยังไม่ปฏิกิริยาตอบสนอง
เธอยังเบิกตาโตขึ้น ไม่สามารถโฟกัสใบหน้าของลู่เซิ่นที่อยู่ใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ได้
จูบที่ห่างหายไป 3 เดือน ความรู้สึกที่ได้จากการสัมผัสเหมือนกับความจำที่ร่างกายเคยสัมผัส ราวกับยาพิษประเภทหนึ่ง ที่ไหลเข้าสู่สมองของเธอในทันที
เธอไม่มีแม้กระทั่งกำลังที่จะแบ่งมาปฏิเสธ ก็ถูกม้วนเข้าไปในความเคยชินที่ท่วมไหลเข้ามาแล้ว จมอยู่ในสัมผัสใกล้ชิดที่ห่างหายไปนาน
เมื่อรู้สึกถึงการคล้อยตามของฉินซี การกระทำที่รุกรานของลู่เซิ่นก็รุนแรงขึ้น จูบจูบหนึ่งเหมือนกับสงครามฉากหนึ่ง ที่ต้องการปราบฉินซีให้สิ้นฤทธิ์
คนสองคนที่เคยรักกันอย่างดูดดื่มในอดีตมานานขนาดนั้น จูบก็เป็นเหมือนความเคยชินอย่างหนึ่ง สอดประสานจังหวะเหมือนกับการเต้นแทงโก้เพลงหนึ่ง ดุเดือด หยั่งเชิง และแฝงไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งที่ไม่อาจไม่สนใจได้
ถ้าหากไม่ใช่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของลู่เซิ่น ฉินซีก็ไม่รู้แม้กระทั่งว่าจูบนี้จะดำเนินไปอีกยาวนานแค่ไหน