Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1302
บทที่ 1302 เจอกันอีกครั้ง
แต่ในฐานะผู้ช่วยที่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าในใจจะมีข้อสงสัยมากมายเท่าไหร่ หลินหยังก็แค่พยักหน้า จดความต้องการของลู่เซิ่นไว้และไม่เอ่ยปากถามอะไรสักคำ
และเห็นได้ชัดว่าลู่เซิ่นก็ไม่ได้อยากอธิบายอะไรกับหลินหยัง หลังจากสั่งงานเสร็จก็โบกมือให้หลินหยังออกไป
ก่อนที่หลินหยังจะออกจากห้อง ได้แอบมองไปที่ลู่เซิ่นแวบหนึ่ง เห็นเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนกำลังมีความสุขกับข้อความอีกครั้ง
แต่มุมปากของเขายังปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
รอยยิ้มนี้ทำให้หลินหยังตกตะลึง
เขาลืมไปแล้ว นานแค่ไหนที่ไม่เห็นรอยยิ้มอย่างนี้ของลู่เซิ่น
หนึ่งปีมานี้ลู่เซิ่นเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยที่ติดตามเขาเห็นเขาท่าทางมีความสุขน้อยมาก
ทำยังไงดี แปลกใจขึ้นอีก อีกฝ่ายเป็นเทพองค์ไหนกัน ที่ทำได้มากขนาดนี้?
ถ้าให้เข้าใจได้ง่าย หลินหยังเข้าใจว่า น่าจะเป็นคนรักของลู่เซิ่น
หนึ่งปีมานี้หลินหยังกับลู่เซิ่นแยกจากกันน้อยมาก เขาพยายามคิดและนึกย้อนไปอยู่นาน แต่ก็คิดไม่ออกว่าหนึ่งปีมานี้ลู่เซิ่นไม่ได้รับใครเข้ามาข้างกาย ไม่ต้องพูดถึงคนที่มีอิทธิพลกับลู่เซิ่นได้ขนาดนี้ต้องสนิทสนมใกล้ชิดกันแน่นอน
หรือว่า…จะเป็นเวินจิ้ง?
วินาทีที่หลินหยังคิดชื่อนี้ออกมาได้ สัญชาตญาณของเขาก็ปฏิเสธความคิดนี้
ไม่ ไม่น่าจะใช่เธอ
ครั้นแล้วสมองของหลินหยังก็คิดออกมาอีกหนึ่งชื่อ
ฉินซี
หลังจากคิดได้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ หลินหยังรีบส่ายหน้าอย่างเร็ว
เป็นไปได้ยังไง ลู่เซิ่นไม่ได้ติดต่อกับเธอมานานแค่ไหนแล้ว!
ช่างเถอะ ไปทำงานของตัวเองดีกว่า
หลินหยังลดสายตาลงและก้าวเท้าเดินออกไป
ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าครั้งนี้เขาอยู่ห่างจากคำตอบแค่เพียงก้าวเดียวเท่านั้น
ข่าวคราวที่ลู่เซิ่นได้รับนั้น แน่นอนไม่ใช่ของคนอื่น แต่เป็นฉินซีที่ส่งมา
ตอนฉินซีอยู่ที่สำนักงานใหญ่สัญญาณโทรศัพท์ถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด ดังนั้นเธอจึงแทบจะไม่ติดต่อกับลู่เซิ่นเลย มีแค่ตอนที่ออกมาจากสำนักงานใหญ่เท่านั้น เธอถึงจะส่งข่าวคราวง่ายๆ ให้ลู่เซิ่น
ข่าวคราวส่วนใหญ่สั้นๆ บอกสถานที่และเวลาที่เธอไปทำภารกิจ
เธอไม่สามารถขยับตารางการเดินทางได้ แต่ลู่เซิ่นทำได้
ดังนั้นหลังจากได้รับข้อความ ลู่เซิ่นมักจะพยายามแก้ไขตารางงานของตัวเอง เพื่อให้มีเวลาได้อยู่กับฉินซีให้มากขึ้นอีกหน่อย
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
สาเหตุที่ลู่เซิ่นอารมณ์ดีมาก ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น เพราะสถานที่ที่ฉินซีส่งข่าวมา เป็นที่ที่เขาไปล่องเรือ และเวลา…ก็คือวันนี้
และข่าวที่ทำให้เขาดีใจที่สุด ก็คือฉินซีสามารถอยู่ล่องเรือได้หลายวัน
สิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวมักจะทำให้คนมีความสุขเสมอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้เจอคนรักอีกครั้งหลังจากแยกจากกันไปหนึ่งเดือน
ลู่เซิ่นแทบจะจัดตารางของเขากับฉินซีว่าอีกไม่กี่วันนี้จะทำอะไรบ้าง จะฆ่าเวลาบนเรือได้ยังไงเสร็จภายในไม่กี่นาที
ถึงแม้ฉินซีจะไม่สามารถเปิดเผยใบหน้าได้อย่างเป็นทางการขณะอยู่ข้างตัวลู่เซิ่น แต่ลู่เซิ่นมีวิธีจัดการให้เธอใช้เวลาอย่างมีความสุขภายในไม่กี่วันนี้
กระทั่งจุดประสงค์การมาครั้งนี้ ถูกลู่เซิ่นย้ายไปไว้ท้ายสุด
ธุรกิจต้องคุยอยู่แล้ว ธุรกิจสามารถคุยได้ตลอดเวลา แต่ใช่ว่าจะเจอฉินซีได้ตลอดเวลา
คิดถึงชื่อฉินซีนี้แล้ว มุมปากของลู่เซิ่นก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
เวลาผ่านไปเร็วหน่อยเถอะ
เขาภาวนาในใจ
ยิ่งใกล้ถึงเวลาค่ำ ก็ยิ่งใกล้เวลาที่ได้เจอฉินซีอีกครั้ง
……
ค่ำคืนที่ลู่เซิ่นเฝ้ารอคอยมาถึงแล้ว
ภายใต้การจัดการของหลินหยัง เขาได้ขึ้นเรือแล้ว และยังเข้าพักในห้องพักที่ผู้จัดงานจองไว้ให้
ครั้งนี้ผู้จัดงานได้จองเรือสำราญลำใหญ่ไว้ จึงไม่จำเป็นต้องหยุดที่ท่าเรือเพื่อจัดงานเลี้ยง และเตรียมการล่องเรือสามวัน เพื่อให้ทุกคนสนุกสนานไปกับการล่องเรือ
และเพราะการตัดสินใจครั้งนี้ของผู้จัดงาน ทำให้ฉินซีที่ทำภารกิจเสร็จต้องแล้วกลับทันที จำเป็นต้องอยู่ต่อบนเรือสำราญเต็มๆ อีกสามวัน
ถ้าไม่มีฉินซี สามวันนี้สำหรับลู่เซิ่นจะเป็นเวลาที่ว่างเปล่ามาก แต่เพราะข่าวที่มาเธอจะด้วย ทำให้ลู่เซิ่นมีความคาดหวังขึ้นมา
พูดแล้วน่าสงสาร สามวันที่ได้ใกล้ชิดกัน สำหรับคู่สามีภรรยาที่แต่งกันถูกต้องเหมาะสมแล้ว ภายในเวลาหนึ่งปีนี้ เป็นสถิติที่ยาวที่สุดแล้ว
แต่ลู่เซิ่นไม่ได้วุ่นวายอยู่กับอารมณ์ แต่กลับวุ่นวายกับการรอคอย
เขาส่งเลขห้องพักของตัวเองให้ฉินซีแล้ว ท้องฟ้านอกหน้าต่างค่อยมืดลงเรื่อยๆ น่าแปลกใจ ฉินซีสามารถมาถึงได้ตลอดเวลา
เขาได้จัดตารางงานล่วงหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว หลินหยังก็ถูกเขาส่งออกไปแล้ว
ขอแค่ฉินซีปรากฏตัว…
ฉินซีสองคำนี้แทบจะเหมือนเปลวไฟสองกอง ทุกครั้งที่คิดถึง ทำให้หน้าอกของลู่เซิ่นร้อนเป็นไฟจนหาอะไรเทียบไม่ได้
ขณะที่รอเวลาเปลี่ยนเป็นยาวนานยิ่งขึ้น
ขณะที่ลู่เซิ่นดื่มแชมเปญไปสองแก้ว เดินวนรอบห้องไปสองห้อง กำลังจะเดินวนเป็นรอบที่สาม ในที่สุดเสียงกระดิ่งที่หน้าประตูห้องก็ดังขึ้น
ลู่เซิ่นแทบจะพุ่งไปที่ประตู
ถ้ามีคนอื่นเห็นท่าทีที่ไม่มั่นคงของเขา คนอื่นเขาต้องตกใจกันไปใหญ่แน่นอน
แต่ว่าลู่เซิ่นไม่ได้สนใจว่าท่าทางของเขาตอนนี้จะทำให้คนอื่นๆ ตกใจมากแค่ไหน เพราะไม่ได้สนใจแล้ว ขณะที่มองผ่านตาแมวนั้น เขารู้สึกหัวใจเต้นแรงเหมือนกลอง
แต่เมื่อดูคนที่ยืนอยู่ด้านนอกอย่างชัดเจนแล้ว เขาควบคุมรอยยิ้มของตัวเองไม่ได้ในทันที ถอยหลังมาหนึ่งก้าวและดึงประตูให้เปิดออก
ฉินซียืนอยู่ด้านนอก
ไม่กี่วินาทีแรก ทั้งสองคนยืนอยู่ที่เดิมอย่างนั้น มองซึ่งกันและกัน ไม่มีใครขยับตัว
จนกระทั่งฉินซีกะพริบตาเบาๆ
ลู่เซิ่นเหมือนถูกดึงสติกลับมาด้วยอะไรบางอย่าง ในที่สุดเขาก็ขยับตัว
เขายื่นมือออกไปดึงฉินซีเข้ามา
ผู้คนมากมายที่เดินอยู่ตามทางเดิน พวกเขาทั้งสองคนต้องควบคุมสีหน้าและท่าทาง ถ้าคนที่ไม่ได้สนใจมองมา ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนแทบจะไม่คุ้นเคยกัน
แต่เมื่อรอจนประตูปิดลง การแสดงเย็นชาที่ทั้งสองตั้งใจแสดงนั้นก็ถูกทำลายในทันที
ท่าทางลู่เซิ่นเหมือนแทบจะทนรอไม่ไหว ดึงฉินซีมาไว้ในอ้อมกอดทั้งตัว และดันไว้กับประตูด้านหลัง จากนั้นจูบอย่างดุเดือด เหมือนจะเอาความคิดถึงทั้งหมดโยนใส่เข้าไปในจูบนี้
และฉินซีไม่ต่อต้านกับการเคลื่อนไหวที่ที่แทบจะรุนแรงของเขา ตรงกันข้ามตอบรับอย่างอบอุ่นอ่อนโยน เพราะเธอรับรู้ได้ถึงความคิดถึงที่อยู่ซ่อนภายใต้การเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงของลู่เซิ่น ที่ต้องการช่องทางการระบายออก
แต่มือของลู่เซิ่นค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ เธอจึงค่อยได้สติกลับมา
“ตอนนี้ไม่ได้” เธอยื่นมือออกไปห้ามการขยับต่อไปของลู่เซิ่น พูดอย่างยากลำบากขณะที่ลู่เซิ่นกำลังจูบ “ฉันยังต้องไปทักทายกับสมาชิกคนอื่นๆ ในองค์กรอีก ให้เวลาฉันอีกหน่อย”
ท่าทางลู่เซิ่นเหมือนไม่ได้ยิน แต่การขยับตัวค่อยๆ ช้าลงแล้ว