Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1324
บทที่ 1324 มีคนมาหาถึงห้อง
กลับจากร้านอาหาร ฉินซีก็เปิดคอมพิวเตอร์ทันที
สามีของเวินจิ้งไม่ใช่คนธรรมดาแน่ แต่ดูแล้วคุ้นเคยกับเมืองหนานมาก คงจะเป็นคนเมืองหนาน
ดังนั้น…ค้นหาคนมีชื่อเสียงในเมืองหนาน คงจะหาชื่อเขาเจอแน่
เป็นไปตามคาด ฉินซีใช้เวลาไม่นาน ไม่นานก็หาหน้าคนที่ตัวเองพบคืนนี้ในคลังข้อมูล
“มู่วี่สิง…” ฉินซีอ่านชื่อเขาเบาๆ
ต้องโทษที่ฉินซีไม่ใช่คนเมืองหนาน ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องกลับมาหาข้อมูล เพียงแค่เห็นแวบเดียว ก็รู้ว่าเขาคือมู่วี่สิง
ฉินซีกวาดตาอ่านประวัติของมู่วี่สิงอย่างรวดเร็ว
ตระกูลมู่เมืองหนาน อำนาจคับฟ้า ไม่เป็นรองบริษัทลู่ซื่อที่เคยมีอำนาจที่นี่
ฉินซีมีข้อสงสัยใหม่ขึ้นมาอีก
เธอเคยคิดว่า แบ็คกราวด์ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา แต่ก็คงไม่มีหนทางต่อสู้กับลู่เซิ่น ทั้งๆ ที่ยังมีรักเวินจิ้ง แต่ก็ไม่เลือกดึงเธอกลับไป
ถ้าเขาเป็นคนของตระกูลมู่…สาเหตุนี้คงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ
งั้นเป็นเพราะอะไรกันแน่นะ
ฉินซีหาคำตอบไม่ได้ ได้แต่ปิดข้อมูลของมู่วี่สิง ครุ่นคิดพักหนึ่ง ทำเครื่องหมายติดตามระยะยาวที่ข้างหลังชื่อของเวินจิ้ง แล้วปิดคอมพิวเตอร์
……
เวลาที่เมืองหนานผ่านไปราวกับติดปีก
ฉินซีเพิ่งมาเริ่มงาน แม้ว่าจะได้ความช่วยเหลือจากเหล่าหวาง แต่เรื่องที่ต้องรับหน้าที่จริงๆ ยังต้องทุ่มเทมาก มักจะยุ่งตลอด เวลาวันหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากลู่เซิ่นออกจากเมืองหนาน ก็คงจะมีงานยุ่งเช่นกัน เพียงพริบตาก็ผ่านไปหลายสัปดาห์ แต่เขายังไม่กลับมา ทั้งสองคนได้แต่อาศัยการติดต่อวิดีโอคอลทุกวันเช้าเย็น
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้หลายเดือนได้เจอกันครั้งหนึ่ง ปกติแล้วติดต่อกันไม่ได้ ก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่…คนเรามักไม่เคยพอใจอะไรง่ายๆ
ใครกันล่ะจะไม่อยากอยู่ข้างๆ คนรัก
ทุกครั้งหลังคุยกัน ฉินซียิ่งรู้สึกแน่ใจมากขึ้นทุกทีว่าเธออยากจะไปจากองค์กร
เธอรู้ดี ลู่เซิ่นไม่กลับมาเสียที เพราะเขามีความคิดอย่างเดียวกัน
ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเคยได้ยินว่าตลอดหนึ่งปีมานี้ลู่เซิ่นทำงานหนักสายตัวแทบขาดมากแค่ไหน แต่เมื่อเธอเจอเข้ากับตัว ฉินซีถึงได้เข้าใจถ่องแท้กับคำว่า “ทำงานหนักสายตัวแทบขาด”
หลังจากลู่เซิ่นออกจากเมืองหนาน อยู่ที่ประเทศF ไม่กี่วัน จัดการเรื่องเร่งด่วน ก็ไม่หยุดพักรีบเดินทางต่อทันที
คุยวิดีโอคอลทุกวันเช้าเย็น ฉินซีเห็นด้านหลังลู่เซิ่นไม่เคยซ้ำกัน บางทีก็อยู่บนเครื่องบิน บางทีก็อยู่ในโรงแรมต่างประเทศ เวลาก็ไม่เคยเหมือนเดิม ตอนเช้าฝั่งฉินซี แต่กับลู่เซิ่น อาจจะเป็นช่วงเที่ยงวัน หรืออาจจะเป็นเที่ยงคืน
ฉินซีสงสารก็สงสาร แต่ฟังข่าวจากหลินหยังแล้วช่วงนี้ลู่เซิ่นกินนอนเป็นเวลา รู้ว่าเขาเชื่อฟังคำพูดของเธอ ก็ค่อยเบาใจหน่อย
ทำงานยุ่งไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ สามสัปดาห์ผ่านไป
ฉินซีตื่นนอนตอนเช้า โทรหาลู่เซิ่นตามความเคยชิน
ปิดเครื่อง
ฉินซีแปลกใจนิดหน่อย
สามสัปดาห์มานี้ เธอไม่เคยติดต่อลู่เซิ่นไม่ได้ ต่อให้เวลาของเขาทางนั้นกับเธอต่างกันค่อนคืน เขาก็เปิดมือถือตลอด ไม่ให้ฉินซีติดต่อไม่ได้
…ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นนะ
ฉินซีสงสัย ครุ่นคิด แล้วโทรไปหาหลินหยัง
มือถือของหลินหยังไม่ได้ปิดเครื่อง แต่ฉินซีรอหนึ่งนาที ก็ไม่มีคนรับสายสักที
ฉินซีในใจเริ่มกังวล
เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ถ้าแค่มือถือของลู่เซิ่นปิดเครื่อง เธอยังใช้ข้ออ้างทำนอง ”ลู่เซิ่น แบตหมดหรือเปล่า” ปลอบใจตัวเอง แต่มือถือของหลินหยัง…ติดต่อได้ตลอดเวลา เว้นแต่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่จะไม่มีคนรับ
จะ…เกิดอะไรขึ้นนะ
ฉินซีในเสี้ยววินาทีนั้น หัวสมองมีแต่เรื่องน่ากลัวมากมายแล่นเข้ามา เครื่องบินตก สึนามิ อุบัติเหตุ ถูกไล่ฆ่า….
เรื่องร้ายเท่าที่เธอจะคิดได้พรั่งพรูเข้ามาในสมอง ทำเอาเธอนั่งไม่ติด
ฉินซียิ่งคิดยิ่งกลัว อยู่เฉยต่อไปไม่ได้ ลุกขึ้นจากเตียง ในหัวคิดแผนอย่างรวดเร็ว
ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิด…เธอต้องหาข่าวเจอ ถ้ามีคนหาเรื่องเขา…จะเป็นใครกัน
เธอคิดไปพลาง เดินไปที่คอมพิวเตอร์ ยังไม่ทันเดินไปถึงโต๊ะเครื่องเขียน ประตูห้องก็มีเสียงเคาะดังขึ้น
ฉินซีชะงักเท้า
ตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ ประตูบานนี้ไม่เคยมีคนเคาะมาก่อน
พนักงานที่ทำงานชั้นสามลงไปไม่มีทางขึ้นมาหาเธอที่นี่ ส่วนเหล่าหวางระมัดระวังที่เธอเป็นผู้หญิง นอกจากครั้งแรกที่พาเธอมาดูห้องพัก หลังจากนั้นก็รอเธออยู่ข้างล่างเท่านั้น
นอกจาก เหล่าหวาง…ยังมีใครอีกนะ
ในใจฉินซีมีชื่อของสองสามคนแวบขึ้นมา เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม
เธอค่อยๆ เดินไปที่ประตู เข้าไปใกล้แล้วมองผ่านตาแมว ถึงกับอึ้งไป
คนที่อยู่ข้างนอกรอเสียงตอบรับไม่ไหว ยกมือขึ้นเคาะประตูอย่างมีมารยาท
ฉินซีเหมือนล่องลอยในความฝัน ยื่นมือไปเปิดประตู
ลู่เซิ่นที่ยืนอยู่ข้างนอกยิ้มกว้าง “อรุณสวัสดิ์ครับ”
ฉินซีสงสัยว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า ถึงกับแอบหยิกตัวเอง
เจ็บมาก นี่คือเรื่องจริง
ลู่เซิ่นเห็นเธอยืนเหม่อที่เดิมไม่ขยับ ก็ถามอีก “ไม่คิดจะเชิญผมเข้าไปหรือครับ”
ฉินซีเมื่อได้ยินเสียงเตือน ค่อยรีบเดินไปข้างๆ หลีกทางให้ เชื้อเชิญให้ลู่เซิ่นเข้ามา
ปิดประตู ฉินซีสูดลมหายใจลึก ค่อยนิ่งสงบขึ้น หันไปมองลู่เซิ่น สีหน้าสับสน “คุณ…มาที่นี่ได้ไงคะ”
ได้พบกับลู่เซิ่นย่อมดีใจ แต่เขาเสี่ยงมาหาเธอ และยังเดินอย่างสง่าผ่าเผยเข้ามาในสาขา อันตรายจริงๆ
การแสดงออกของลู่เซิ่นนิ่งกว่าฉินซีมาก “ทำไมล่ะ ไม่ดีใจหรือที่ผมมา”
ฉินซีส่ายหน้า ก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือไปจับแขนลู่เซิ่น “คุณมาได้ยังไงคะ เจอใครบ้าง”
ที่จริงเธออยากจะรู้ว่าลู่เซิ่นเจอเข้ากับคนขององค์กรจริงๆ ในสาขาหรือไม่ ฉินซีไม่เชื่อใจองค์กร และไม่เชื่อใจ จ้านเซิน ถ้าเกิดพวกเขาเฝ้าดูเธอ แล้วเจอเข้ากับลู่เซิ่นพอดี
ฉินซียิ่งร้อนใจ มองลู่เซิ่นไม่เดือดร้อน ก็ถึงกับไม่พอใจ
ลู่เซิ่นเห็นสายของเธอเป็นห่วงเขา ก็ยิ้มออกมาบางๆ โอบเอวเธอแน่น ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด “ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมมาที่นี่ เพราะมีธุระเป็นงานเป็นการ ไม่ทำให้คนอื่นตกใจหรอก”
ฉินซียังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ลู่เซิ่นไม่หงุดหงิด พูดขึ้นไม่รีบร้อน “ผมมาเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจ”
คิ้วของฉินซียังขมวดนิดๆ ใบหน้าบ่งบอกว่าไม่เชื่อ
“หรือพูดอีกอย่าง บริษัทลู่ซื่อตอนนี้มีความร่วมมือ…กับองค์กรอย่างนั้นหรือคะ” ฉินซีถามย้ำ น้ำเสียงยังคงสงสัย
ลู่เซิ่นพยักหน้ายืนยัน “ใช่ครับ”