Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1343
บทที่ 1343 สารภาพ
แน่นอน จ้านเซินไม่ได้รอถึงตอนที่ตนคว้าฉินซีไว้ ลู่เซิ่นก็ปรากฏตัวขึ้น
เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามอย่างเต็มที่ก็เพราะอยากให้ฉินซีปล่อยลู่เซิ่นไปอย่างสมบูรณ์ แต่ในตอนนี้เมื่อได้ฟังฉินซีใช้น้ำเสียงที่ไร้คลื่นพูดถึงความสัมพันธ์ของเธอกับลู่เซิ่น จิตใจของจ้านเซินก็จมดิ่งอย่างอธิบายไม่ได้
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่เหนือการควบคุมของเขา แต่ก็ไม่อาจพูดให้ชัดเจนได้
ดังนั้นคำพูดที่เดิมทีเขาไม่คิดจะพูดในตอนนี้ ภายใต้ความร้อนรน ก็หลุดโพล่งออกมา “ในเมื่อตอนนี้เธอไม่มีใคร ทำไมไม่พิจารณาฉัน?”
หลังจากพูดคำนี้ออกไป ทั่วทั้งห้องรับรองก็เงียบลง
ใบหน้าของฉินซีเผยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
…..เมื่อกี้จ้านเซินพูดอะไร?
นี่ฉันฟังผิดหรือเปล่า?
สีหน้าของจ้านเซินก็ดูมีความสับสน ราวกับคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะพูดคำแบบนี้ออกมาในสถานการณ์แบบนี้
หลายวินาที ไม่มีใครขยับ และไม่มีใครพูดจา
จ้านเซินกลับมาใจเย็นลงได้เร็วกว่าเธอ หลังจากหลายวินาที ก้มหน้าลง มองไปที่สายตาของฉินซี แล้วพูดซ้ำอีกครั้ง “ฉินซี พิจารณาฉัน”
เขายังคงพูดด้วยน้ำเสียงครอบงำ แม้แต่ในเวลาแบบนี้ก็ใช้ประโยคบอกเล่า
หัวใจของฉินซีคลายลง
โชคดี จ้านเซินขั้นพื้นฐานแบบนี้ เธอคุ้นเคยดี
คุ้นเคย ถึงรู้ว่าควรจัดการยังไง
“จ้านเซิน” น้ำเสียงของฉินซียังคงสงบนิ่ง “นายควรจะรู้ดีกว่าฉัน ว่ากฎขององค์กรเป็นยังไง”
หวั่นไหวไม่ได้ รักไม่ได้ ทำสิ่งโดยใช้ความรู้สึกไม่ได้
มีแค่หุ่นยนต์เท่านั้น ถึงสามารถแสดงบทบาทได้ดีที่สุด ไม่ถูกอารมณ์ส่วนเกินขวางมือขวางเท้า
แต่จ้านเซินเหมือนกับพิจารณาถึงคำถามนี้มาแต่แรกแล้ว ยิ้มอย่างเฉยเมย “กฎขององค์กร มันขึ้นอยู่กับผม”
เขาพูดอย่างหนักแน่น ราวกับในองค์กร ไม่มีเหตุผลใดที่เจ้าชายจะฝ่าฝืนกฎแล้วทำความผิดอย่างพวกสามัญชน จ้านเซินคือผู้มีอำนาจสูงสุด
แต่ฉินซียังคงไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย มองไปที่ดวงตาของจ้านเซินแล้วพูดเน้นทุกคำ “แต่ฉันต้องเคารพกฎ”
จ้านเซินตัวแข็งทื่อ
แต่ฉินซีราวกับไม่ได้สังเกต พูดเองเออเองต่อ “หนึ่งปีนี้ที่ฉันออกมาจากองค์กร เคยใช้ชีวิตโดยไม่มีเรื่องขององค์กร กลับมาอีกครั้งถึงได้พบว่า ที่แท้กฎขององค์กรล้วนมีเหตุผล ฉันเคยหวั่นไหวให้กับคนอื่น เคยมีความรู้สึก ท้ายที่สุดทำร้ายไม่เพียงแค่ตัวฉันเอง ความรู้สึกน่ะ ไม่มีความหมายปรากฏอยู่ เพราะว่าสุดท้ายจะกลายเป็นแค่เครื่องมือที่คนอื่นใช้ทำร้ายตัวเอง”
เสียงของเธอสงบนิ่งมาก แม้คำพูดเหล่านี้จ้านเซินฟังแล้วก็ไม่ได้รู้สึกไม่คุ้นเคย เพราะเขารู้ คำพูดเหล่านี้เป็นเนื้อหาในชั้นเรียน ที่หลังจากฉินซีกลับมาที่องค์กรแล้ว เธอถูกเขาบังคับให้เข้าฟัง
เขาตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกชั่วขณะ
ทั้งหมดนี้เป็นแผนการของเขา
ปลอมแปลงหลักฐาน หลอกลวงฉินซี ทำให้ฉินซีคิดว่าลู่เซิ่นหักหลังเธออย่างสมบูรณ์ ทำให้เธอสูญเสียความไว้วางใจต่อลู่เซิ่น
ค่อยพาเธอกลับมาที่แผนกนี้ ภายใต้การล้างสมองทำให้เธอจำไว้ว่าความรู้สึกมันไร้ประโยชน์
ด้วยความพยายามแบบนี้ ฉินซีจะลืมลู่เซิ่น จะกลายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับองค์กรอีกครั้ง
ความคิดของจ้านเซินไม่เรียบง่ายไปกว่านี้ หลังจากฉินซีกลายเป็นแบบนี้แล้ว การเข้าหาของเขา ฉินซีจะไม่คัดค้าน
เพราะเขาคือเสาหลักขององค์กร
หากตั้งโปรแกรมให้หุ่นยนต์รักตน มีหรือหุ่นยนต์จะไม่เชื่อฟัง?
แต่ความรู้สึกของมนุษย์ไม่มีวันง่ายดายเช่นนั้น
จ้านเซินบรรลุเป้าหมายทั้งหมดแล้ว แต่เขากลับพบว่าเครื่องจักรไม่สามารถติดตั้งระบบ “ความรัก” ได้
ควรจะบอกเธอ ว่าลู่เซิ่นเป็นเพียงแค่ตัวอย่าง ความรู้สึกไม่ได้ทำร้ายตัวเองเสมอไปหรอ?
แต่แบบนี้ การฝึกฝนทั้งหมดขององค์กรจะไม่ศูนย์เปล่าหมดหรือ?
จ้านเซินอยากให้ฉินซีรักเขาเท่านั้น เหมือนกับตอนนั้นที่ฟางฟางรักแต่พ่อของเขา
แต่ฉินซีไม่ถูกควบคุมง่ายดายขนาดนั้น
ถ้าเธอรัก จะไม่หยุดแค่รักเขาคนเดียว ถ้าไม่รัก งั้นใครก็ไม่มีโอกาส
แต่จ้านเซินก็คิดวิธีการออกได้อย่างรวดเร็ว
—-ไม่รักก็ไม่เป็นไร ขอแค่เป็นของตนก็พอแล้ว
ให้เธออยู่เคียงข้างเขาไปตลอด แม้ว่าเธอจะเป็นมนุษย์ไม้ไร้ความรู้สึกแล้วยังไง
ดังนั้นเขาจึงยกมุมปากช้าๆ เผยรอยยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร เธอเคารพก็ได้ แล้วก็อยู่ข้างกายฉัน”
ในสายตาของฉินซีมีความลุกลี้ลุกลนอยู่หลายวินาที แต่ค่อยๆถูกแทนที่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจคำพูดของจ้านเซินแล้ว
“นาย….” ฉินซีราวกับอยากจะพูดอะไร แต่กลับเบี่ยงประเด็นกะทันหัน
“จ้านเซิน” น้ำเสียงของเธอจริงจังมาก “ท้ายที่สุดแล้วนายต้องการอะไรจากฉันกันแน่?”
จ้านเซินกลับเปิดปากพูดออกไปโดยไม่คิด “ฉันไม่ได้อยากได้อะไร ฉันแค่ต้องการเธอเท่านั้น”
เขาพูดออกมาอย่างซื่อตรงขนาดนี้ สีหน้าของฉินซีกลับยิ่งซีดขาว
นี่คือการพัฒนาที่เธอไม่ได้คาดการณ์ไว้
เดิมทีเธอนึกว่าตนพูดอย่างชัดเจนขนาดนี้แล้ว จ้านเซินน่าจะเข้าใจ เพราะเขาเป็นมูลเหตุ ถ้าฉินซีอยู่ในองค์กรต่อไป ก็จะรักใครไม่ได้อีก
แต่เธอกลับคาดเดาจ้านเซินผิดไป
ที่แท้ที่เขาต้องการไม่ใช่ความรักของเธอ
เพียงแค่ให้เธออยู่ต่อไปเท่านั้น
จะศพเดินได้หรือหุ่นเชิด เขาก็ไม่สน
ขอเพียงของเล่นสุดรักชิ้นนี้ ไม่ตกไปอยู่ในมือของคนนอก
ชั่วขณะหนึ่งฉินซีรู้สึกเยาะเย้ย แต่ก็รู้สึกขำด้วย
เธอประเมินจ้านเซินสูงไป นึกว่าเขามีความรู้สึก
ที่แท้….ก็เป็นแบบนี้เอง
“จ้านเซิน” ฉินซีในตอนนี้ไม่หลบไม่ซ่อนแล้ว มองไปที่ดวงตาของจ้านเซินแล้วพูด “นายอยากได้หุ่นเชิด จะไปมีประโยชน์อะไร ฉันจะไม่หวั่นไหวกับนาย จะขัดขืนการเข้าใกล้ของนายไปตลอด นี่คือสิ่งที่นายทนรับได้หรอ?”
สีหน้าของจ้านเซินปล่อยลงช้าตามคำพูดฉินซี
“ทำไมเธอ….ถึงจะต้องขัดขืนการเข้าใกล้ของฉัน?” จ้านเซินเลิกคิ้ว
ฉินซีพูดด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “ไม่ว่าใครเข้ามาใกล้ฉันในตอนนี้ สำหรับฉันก็เหมือนกันทั้งนั้น เป็นคนที่ฉันไม่ชอบ จะขัดขืน”
เธอไม่ได้เน้นย้ำ เพียงแค่พูด “คนที่ฉันไม่ชอบ” ห้าคำนี้ออกมาเบาๆ แต่จ้านเซินกลับสัมผัสถึงได้อย่างเฉียบแหลม
เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้นเล็กน้อย
…..ทั้งๆที่ตัดสินใจไปแล้วว่าขอแค่ตัวของฉินซีมาอยู่ข้างกายก็พอ ทำไมพอได้ยินเธอพูดว่าไม่ชอบ ตนถึงยังคงรู้สึกอึดอัด?
ความสงสัยนี้หยุดอยู่ในสมองของจ้านเซินหลายวินาที แต่ก็ถูกเขาลบออกไปแล้ว
“ฉันจะทำให้เธอปรับตัวเข้ากับฉัน” เขายังคงพูดถึงตัวเองอย่างมั่นใจ “ถึงแม้จะไม่ชอบ ก็ยังปรับตัวได้นี่? ขอแค่ยอมรับได้ ก็เพียงพอแล้ว”
ฉินซีหรี่ตาลง
…..ความหลงใหลที่จ้านเซินมีต่อตน หยั่งลึกยิ่งกว่าที่ตนจินตนาการไว้
แต่คำพูดของเขา ทำให้ตัวของฉินซีอึดอัด
“ฉันมีหนทางที่จะปฏิเสธไหม?” ฉินซีเอ่ยถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ
จ้านเซินไม่ได้ตอบต่อหน้า เพียงแค่ยิ้มให้ “เธอคิดว่าไงล่ะ?”
จิตใจของฉินซีจมดิ่งลงเล็กน้อย
ตอนนี้พูดทุกอย่างอย่างชัดเจน จิกทึ้งผิวหนังโดยไม่สนใจไยดี ก็ยัง…..
ฉินซีรู้สึกว่าตนเองยืนอยู่บนสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่สามารถเลือกได้ชั่วขณะ