Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 137
บทที่ 137 รอให้คุณตกหลุมพรางด้วยตัวเอง
ณ คฤหาสน์ตระกูลมู่
เมื่อรู้ว่าเวินจิ้งล้มป่วยลง แม่บ้านจึงปรุงอาหารรสชาติอ่อนเอาไว้ให้ โดยอาหารจานหลักนั้นคือข้าวต้ม
เวินจิ้งขมวดคิ้ว อาการไข้ของเธอลดลงแล้ว เธอไม่ต้องการทานอาหารพวกนี้……
ในเมื่อกลับมาบ้านได้แล้ว เธออยากกินหม้อไฟ……
เวินจิ้งเงยหน้าส่งสายตาไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเว้าวอนและดูน่าสงสารจับใจ เธอกะพริบตาให้เขา
“หืม ไม่อยากกินเหรอ” มู่วี่สิงยังคงดูสง่าผ่าเผยเช่นเดิม
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ไม่ใช่ซะหน่อย
“อยากกินอะไรล่ะ” มู่วี่สิงวางตะเกียบลง
“หม้อไฟ” เวินจิ้งไม่ได้เอ่ยปากพูดออกมา แต่ใช้ปากวาดเป็นคำ
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว พูดด้วยเสียงเข้มว่า “ไม่ได้ อย่างน้อยต้องผ่านไปสักพักก่อนถึงจะกินได้”
“ฉันไม่เป็นไรแล้วนะ” เวินจิ้งเอนกายไปหาเขา และยกมือของเขามาอังที่หน้าผากของเธอ
แต่มู่วี่สิงกลับอาศัยจังหวะนั้นโอบกอดเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน แขนอันแสนยาวโอบเอวอันโคตรบางของหญิงสาวเอาไว้ “ถึงจะไม่เป็นไรแล้ว แต่ก็ยังวางใจไม่ได้หรอก ไม่ควรทำตามอำเภอใจตัวเองนะ”
เขาตีหน้าเคร่งเครียด สีหน้าค่อนข้างจริงจังมากทีเดียว
เวินจิ้งจ้องมองเขาด้วยความโกรธ เธอผลักอ้อมแขนของเขาและกลับไปนั่งที่เดิม และกลืนข้าวต้มลงไปอย่างช้า ๆ
ปกติแล้ว อาหารจานหลักของมู่วี่สิงคือข้าวสวย แต่เขาได้เปลี่ยนเป็นข้าวต้ม เช่นเดียวกับเวินจิ้งในภายหลัง
สักพักเธอถึงจะยิ้มออกมา “คุณนี่มันเข้มงวดจริง ๆ !”
“ใครใช้ให้คุณเป็นคุณนายมู่ล่ะ” ริมฝีปากอันเรียวบางของมู่วี่สิงยิ้มขึ้นมา รอยยิ้มนั้นช่างจับใจคนดูเสียจริง
หัวใจของเวินจิ้งราวกับโชกชุ่มไปด้วยน้ำผึ้งที่แสนหวานราวกับน้ำผึ้งเดือนห้า
ตอนพลบค่ำ มู่วี่สิงยังคงอยู่ในห้องอ่านหนังสือเช่นเดิม สำหรับภาระหน้าที่การงานในอนาคตของเธอ สันนิษฐานว่าพรุ่งนี้เธอคงต้องกลับไปที่บริษัทการผลิตยาเทียนอี
แต่ทว่ามู่วี่สิงคือเจ้าของของบริษัทการผลิตยาเทียนอี การถามเขาน่าจะได้คำตอบโดยตรงมากกว่า
เวินจิ้งเดินวนเวียนไปมาอยู่บริเวณหน้าห้องอ่านหนังสือ เมื่อเห็นมู่วี่สิงกำลังอ่านเอกสารอย่างแน่วแน่ เธอก็ไม่อยากจะเข้าไปรบกวนเขา
มู่วี่สิงเห็นเธออยู่ตรงนั้นมาสักพักแล้ว จึงเอ่ยปากถามว่า “ทำไมถึงเอาแต่แอบมองผมอยู่อย่างนั้นล่ะ หืม”
เวินจิ้งถูกจับได้ เธอก้มหน้าเดินเข้าไปหาเขา “ฉันแค่เดินผ่านมา…..”
“อืม เดินผ่านมาตั้ง 18 นาทีแล้วนะ” มู่วี่สิงมองดูนาฬิกา
เวินจิ้งรู้สึกเขินอายอย่างมาก สักพักเธอถึงจะเงยหน้าขึ้นมา “คุณ…..คุณแกล้งฉันเหรอ!”
“ผิดแล้ว ผมรอให้คุณตกหลุมพรางด้วยตัวเองต่างหาก” มู่วี่สิงยิ้ม
เวินจิ้งกระทืบเท้าด้วยความโกรธ หันศีรษะกลับและเตรียมเดินออกไป
มู่วี่สิงเร็วกว่าและปิดประตูห้องเอาไว้ได้ทัน เขากดหญิงสาวไว้กับบานประตู และโน้มตัวเข้าไปเพื่อกลั่นแกล้งเธอ
เมื่อเวินจิ้งเงยหน้าขึ้น เธอก็ถูกเขาจูบนิ่งทันที ทั่วทั้งร่างกายของเธอยากที่จะปฏิเสธได้ จูบของมู่วี่สิงทั้งลึกซึ้งและรุนแรง เวินจิ้งรู้สึกถึงความชาไปทั่วทั้งปาก
“อือ……” ในที่สุด เธอไม่อาจทนไหว ได้แต่ตีสุดแรงเกิดที่แผงหน้าอกของเขาเท่านั้น
มู่วี่สิงยกคางของเธอขึ้นมา นัยน์ตาสีดำขลับที่ชวนให้ลุ่มหลงหรี่ตาลง “มายั่วผมอย่างนั้นเหรอ หืม”
เวินจิ้งสับสน เธอไล่มองลงไปตามสายตาของมู่วี่สิง วันนี้เธออาบน้ำตั้งแต่หัวค่ำเรียบร้อยแล้ว ทำให้หลังจากนั้น เธอไม่ได้สวมชุดชั้นในเอาไว้
เธอสวมชุดนอนพิมพ์ลายการ์ตูน แต่มู่วี่สิงนั้นเป็นคนที่สูงมาก ทำให้เมื่อเขามองลงมาแล้ว เขาจึงเห็นทุกอย่าง
“คุณ….ไอ้คนลามก!” เวินจิ้งรู้สึกเดือดจนควันออกหู
“หืม ยังลามกได้มากกว่านี้นะ” รอยยิ้มของมู่วี่สิงลึกมากขึ้น เขารีบอุ้มตัวเวินจิ้งขึ้นมาและให้เธอนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานในทันที และเขายืนอยู่ตรงหน้าของเธอ
จากมุมนี้ สายตาของทั้งสองคนสบประสานกัน ขาของเวินจิ้งถูกเขาโอบรัดเอาไว้ มันทั้งมีเสน่ห์และละมุนละไม
เธออยากจะลงจากโต๊ะ แต่มู่วี่สิงไม่อนุญาต เขายกใบหน้าสีขาวอมชมพูของเธอขึ้น แววตาของเขาเลื่อนลอยไปในภวังค์และดูลึกล้ำเหลือกำหนด
เวินจิ้งรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร……
“ฉันยังไม่สบายอยู่นะ! มู่วี่สิง คุณอย่าบังคับฉัน!” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
เธอมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องหน้าที่การงานนะ!
มันกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร!
“มู่วี่สิง……ฉันมาหาคุณเพราะว่ามีเรื่อง……” เวินจิ้งดึงแขนเสื้อของเขา พยายามทำให้เขาใจเย็นลง
แต่ทว่าลูกธนูได้ตั้งอยู่ในสายคันศรเรียบร้อยแล้ว มู่วี่สิงสวมกอดเธอ น้ำเสียงอ่อนโยนมากขึ้นเล็กน้อย “อืม ไว้เสร็จเรื่องนี้แล้ว เราค่อยมาว่ากันอย่างช้า ๆ”
เวินจิ้งเงียบ “..