Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1413
บทที่ 1413 สมองได้รับความเสียหาย
เหยาจ้าวตามอยู่ด้านหลัง แววตาส่องประกายความหมายลึกซึ้ง
จ้านเซินวิ่งเบาๆ มาจนถึงห้องทดลอง
เขาวางฉินซีลงบนเตียงผู้ป่วยอย่างอ่อนโยน : “รีบดูเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
จ้านเซินนึกถึงที่คนเฝ้าประตูสองคนนั้นบอกว่าฉินซีกุมหัวไว้ตลอดเวลา ปากก็ร้องปวดหัว
หรือว่าเรื่องที่เขาเป็นห่วงจะเกิดขึ้นจริง
ฉินซีพยายามแหกออกจากการสะกดจิตของเหยาจ้าว จนทำให้สมองและสติของนางได้รับความเสียหาย
ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉินซีจะกลายเป็นคนเพี้ยนไหม
จ้านเซินไม่อยากจะเชื่อว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงขนาดไหน เขาขมวดคิ้วแน่น
“ได้”
เหยาจ้าวพยักหน้า เริ่มเปิดเครื่องมือ
เขาตรวจฉินซีอย่างละเอียด แต่สีหน้ากลับไม่ค่อยดี : “เมื่อกี้ฉันตรวจฉินซีดูแล้ว พบว่าสมองในส่วนของสติของเธอได้รับความเสียหาย ถึงจะไม่ร้ายแรง แต่ก็มีผลกระทบกับชีวิตประจำวันของเธอ ตอนนี้เธอต้องได้รับการดูแลอย่างสงบ ไม่ควรคิดอะไรมากมายในช่วงเวลาล่อแหลม”
สมองในส่วนสติละเอียดมาก ภายใต้สถานการณ์ปกติไม่สามารถดำเนินการผ่าตัดได้
และการซ่อมแซมของอย่างนี้ ทำได้แค่รักษาอย่างสงบ
ต่อให้เป็นเหยาจ้าวก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้
ผลตรวจที่เหยาจ้าวได้รับ เหมือนกับที่จ้านเซินคิดโดยมินัดหมายพอดี
จ้านเซินมองฉินซีที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ไร้สีเลือดเหมือนตุ๊กตาที่แตกหัก ในใจมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้
เมื่อกี้ที่ฉินซีสลบอยู่บนพื้น จ้านเซินกลัวจริงๆ
จ้านเซินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าใจของเขาแทบจะหยุดเต้น
เขากลัวจะสูญเสียฉินซีไป
“ฉันเข้าใจแล้ว”
จ้านเซินพยักหน้า ความกดดันในตัวทำให้คนกลัว
เขาเดินไปตรงหน้าฉินซี ดวงตาดำสนิทส่องประกายความหม่นหมอง
จ้านเซินพูดเสียงแหบแห้ง : “เธอจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่”
นิ้วหยาบๆ ของเขาสัมผัสแก้มที่เรียบลื่นของฉินซีเบาๆ สัมผัสที่อ่อนโยนทำเขาอ่อนโยนลงอย่างไม่รู้ตัว
เหยาจ้าวมองการเคลื่อนไหวของเขา ถอนหายใจเงียบๆ ในใจ : “ตอนนี้ยังไม่รู้ ต้องรอดูความสามารถด้านการฟื้นฟูร่างกายของฉินซีเอง เร่งไม่ได้”
สำหรับฉินซีตอนนี้แล้ว การพักผ่อนเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง
ดีกว่าหลังจากเธอตื่นขึ้นมาแล้ว คิดอะไรไปมากมาย
จ้านเซินเห็นด้วยกับข้อนี้ เขาพยักหน้า : “อืม”
เขามองเหยาจ้าวและสั่งว่า : “คุณออกไปก่อน ฉันอยากอยู่กับเธอตามลำพังสักครู่”
ดวงตาของจ้านเซินซ่อนสีหน้าที่เหยาจ้าวมองไม่เข้าใจไว้
เหยาจ้าวไม่สบายใจ มองฉินซีแวบหนึ่งและเดินออกมา
“ได้”
เหยาจ้าวเดินออกมาและปิดประตู
จ้านเซินลากเก้าอี้ตัวหนึ่งและนั่งลงข้างฉินซี
เขาจับมือของฉินซีไว้ ภายในน้ำเสียงซ่อนความเจ็บปวดที่ไม่มีที่สิ้นสุดไว้ : “ฉินซี คุณรังเกียจฉันขนาดนี้ รังเกียจสถานที่ที่เลี้ยงดูให้คุณเติบโตมาหรือไงกัน?”
จ้านเซินจ้องมองไปที่ฉินซี ทำให้ฉินซีที่แกล้งหลับอยู่กลัว
ความจริงแล้ว ฉินซีปวดหัวมากจริงๆ
ตลอดทางมานี่ ฉินซีพยายามอดทนไว้เพราะคิดถึงและเป็นห่วงลู่เซิ่น ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจสถานการณ์ของตัวเอง
ตอนนี้ผ่อนคลายได้ ปวดหัวน้อยๆ
ครึ่งหนึ่งฉินซีแกล้งปวดครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่งปวดจริง
กึ่งจริงกึ่งปลอมนี้ แม้แต่จ้านเซินและเหยาจ้าวก็ดูไม่ออก
จ้านเซินพูดต่อว่า : “ฉินซี คุณยังจำตอนพวกเราเด็กได้ไหม ตอนนั้นมีคนด่าฉัน หาว่าฉันเป็นอัมพาตที่หน้า เดิมทีฉันก็ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะพูดอะไร แต่คุณกลับเดินขึ้นมาด้านหน้าบังฉันเอาไว้ พูดอย่างเป็นทางการ คุณคือฮีโร่ของฉัน”
เขาหลับตาลง คิดถึงครั้งแรกตอนที่เจอกับฉินซี
จ้านเซินยิ้มมุมปากน้อยๆ ตอนนี้มาคิดๆ ดู ตอนนั้นไร้เดียงสา ไม่เรื่องรบกวนช่างดีจริงๆ
ฉินซีไม่รู้ว่าประโยคนั้นของเธอ อยู่ในใจจ้านเซินมาเป็นเวลาสิบปี
ทุกครั้งที่จ้านเซินแทบจะยืนหยัดไม่ไหว ในสมองของเขาก็จะมีประโยคนั้นของฉินซีปรากฏขึ้น
จ้านเซินก็เป็นคนมีเลือดมีเนื้อ เขาก็เหนื่อยเป็น แต่เพราะฉินซีให้กำลังใจเขา
“ฉันคิดตลอดว่า คุณมีความรู้สึกกับฉัน แต่คุณกลับค่อยๆ จากฉันไปทีละนิด ฉันไม่รู้ว่าคุณเริ่มห่างเหินจากฉันไปตอนไหน ยิ่งไม่รู้ว่าคุณอยากจะออกไปจากองค์กรตอนไหน ฉันแค่อยากจะรู้ คุณทนได้จริงไหม? ทนทิ้งฉันและทิ้งคนในองค์กรไป”
จ้านเซินพูดพลาง เสียงสั่นเครือขึ้นมา
เห็นดวงตาของฉินซีขยับเล็กน้อย เขาเม้มปากแน่น
ความจริงแล้ว จ้านเซินรู้สึกได้ว่าเธอแกล้งหลับตั้งแต่เมื่อกี้ตอนที่มาถึงห้องทดลองและได้ใกล้ชิดเธอแล้ว
แต่จ้านเซินไม่ได้เปิดเผย
คำพูดเหล่านี้ของเขา พูดไม่ออกเวลาที่เผชิญหน้ากับฉินซี จึงเลือกวิธีนี้มาลองดู
ฉินซีฟังอย่างเงียบๆ ในใจสับสนวุ่นวาย
เธอยอมรับ จ้านเซินดีต่อเธอมากๆ จริงๆ
แต่ ความรู้สึกของฉินซีบริสุทธิ์ใจมาโดยตลอด นี่เป็นแค่ความรู้สึกดีของพี่ชายต่อน้องสาว
ตั้งแต่ไหนแต่ไรฉินซีไม่เคยคิดความสัมพันธ์แบบชายหญิงมาก่อน ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เธอก็มีส่วนผิด เธอผิดต่อจ้านเซิน ที่รู้ตัวในตอนนั้นและพูดกับเขาให้ชัดเจน
ฉินซีทนทำร้ายจ้านเซินที่ปกป้องเธอมาตลอดไม่ได้ แต่ไม่ว่ายังไง คนที่โดนทำร้ายเจ็บที่สุดก็คือเขา
ใจของเธอรับผิดชอบไม่ไหว
แต่ฉินซีไม่สามารถตอบรับความรู้สึกนี้ของจ้านเซิน เธอรู้ดี ลู่เซิ่นคือคนที่เธอรัก
ถ้าเธออยู่ด้วยกันกับจ้านเซิน เธอจะไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต
“ฉินซี อย่าจากฉันไป อย่าจากองค์กรไป”
เสียงของจ้านเซินเบามาก เหมือนกำลังพึมพำกับตัวเอง
แต่ฉินซีกลับได้ยิน
พูดประโยคนี้จบ จ้านเซินลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องทดลอง
ในห้องทดลอง
ฉินซีค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เธอมองเพดานขาวสะอาด หยดน้ำตาใสไหลลงมาตามแก้ม
ฉินซีรู้สึกเหมือนในใจของเธอมีก้อนหินก้อนใหญ่ทับไว้ ทำให้เธอหายใจไม่ออก
เธอร้องไห้อย่างไม่มีเสียง เบ้าตาแดงระเรื่อ
เหยาจ้าวที่รออยู่ด้านนอกตลอด เห็นจ้านเซินออกมาเร็วขนาดนี้ สีหน้าปรากฏความประหลาดใจ
“พี่ใหญ่”
เหยาจ้าวเรียกอย่างเคารพ
เขามองสีหน้าลึกลับของจ้านเซิน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
จ้านเซินไม่มองเขาและพูดอย่างสงบนิ่งว่า : “คุณเข้าไปดูแลฉินซี เธอตื่นแล้วรีบบอกฉันทันที”
พูดจบ จ้านเซินก้าวขายาวเดินจากไป
เหยาจ้าวมองเงาด้านหลังเขา รู้สึกกว่าจ้านเซินแปลกๆ แต่ก็พูดไม่ออกว่าอะไรที่แปลก
เขาเก็บสายตากลับมา และผลักเปิดประตูเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
“ฮือฮือฮือ…”
พอเหยาจ้าวเข้ามา ก็ได้ยินเสียงร้องของฉินซี ราวกับสัตว์ร้ายตัวน้อยที่กดดันตัวเองไว้ไม่กล้าร้องไห้เสียงดัง
เห็นฉินซีร้องไห้ เหยาจ้าวรู้สึกแปลกใจ
เขาคิดไม่ถึงว่าฉินซีจะตื่นเร็วขนาดนี้ และยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นท่าทีเสียน้ำตาของเธอ
“ฉินซี คุณเป็นอะไรไป?”
เหยาจ้าวรีบวิ่งน้อยๆ อย่างตื่นตกใจไปตรงหน้าฉินซี ถามอย่างห่วงใย
เมื่อก่อนไม่ว่าจะฝึกลำบากแค่ไหน บาดเจ็บหนักขนาดไหน ฉินซีก็ไม่เคยเสียน้ำตา