Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1435
ฉินซีเป็นเด็กดีจนทำให้คนปวดใจ
เหยาจ้าวฟังเธอพูด จนถึงตอนนี้ยังไม่ลืมที่จะกดดันตัวเอง ดวงตาสีเข้มเผยความแน่วแน่ “ยัยโง่ เราเป็นพี่น้องกัน ไม่จำเป็นต้องเกรงใจฉัน”
ฉินซียืนด้วยลำแข้งตัวเองจนชิน ตอนนี้ถูกคนสงสาร ก็รู้สึกขัดเขินเล็กน้อย
“อืม”
ฉินซีพยักหน้า พูดสะอื้น
“เอาน่า ไม่ต้องร้องแล้ว เรามาปรึกษากันดีกว่าว่าจะทำยังไง”
เหยาจ้าวลูบผมสีเข้มที่นุ่มสลวยของเธอ พูดอย่างปลอบประโลม
พูดคำนี้จบ ฉินซีก็เก็บน้ำตาขึ้นมาทันที
อารมณ์ของเธอสงบลงทีละน้อย ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนขนตา “โอเค”
พรุ่งนี้ก็ต้องออกไปทำภารกิจแล้ว เวลาที่จะให้พวกเขาจัดเตรียมมีไม่มากแล้ว
เมื่อคิดว่าจะได้เจอลู่เซิ่น แม้ว่าจะเป็นเพียงการมองจากที่ไกลๆ ไม่สามารถพูดคุยได้ แต่ว่าใจของฉินซีก็ยังมีความสุขมาก
เธอรู้สึกว่า คืนนี้ตนคงหลับไม่ลงแน่นอน
“นั่งก่อนเถอะ”
เหยาจ้าวนั่งลงบนโซฟา มองไปที่ฉินซี “ฉันอยู่ที่นี่นานไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจ้านเซินจะสงสัย ดังนั้นเธอมีความคิดอะไร ก็พูดออกมาเลย”
เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา ใบหน้าจริงจัง
ฉินซีรู้ดี จ้านเซินตอนนี้แม้ว่าจะให้ตนออกไป แต่ความหวาดระแวงกลับไม่น้อยลงเลย
เธอเองก็ไม่กล้าเสี่ยง จึงเอ่ยปากพูดเสนอ “สถานที่ที่ฉันไปทำภารกิจในครั้งนี้ เป็นที่ประชุม ในเย็นวันนั้นจะมีงานเลี้ยงอาหารค่ำที่นั่น คนที่ฉันต้องจัดการ ก็จะอยู่ในงานเลี้ยงนั้น ถึงตอนนั้นคนมากหน้าหลายตา ลู่เซิ่นน่าจะปะปนเข้าไปได้”
ฉินซีโชคดีที่สถานที่ปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้อยู่ในงานเลี้ยง ไม่อย่างนั้นล่ะก็ รอบด้านจะว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่สิ่งของบดบัง ถึงตอนนั้นต่อให้ลู่เซิ่นมาแล้ว ก็ยังหาที่ที่จะหลบซ่อนไม่ได้ แบบนั้นเพียงแวบเดียวก็ถูกจ้านเซินเจอตัวแล้ว
“มีเหตุผล”
ก่อนหน้านี้เหยาจ้าวไม่รู้ว่าฉินซีจะไปทำภารกิจอะไร เพราะนี่เป็นความลับภายในองค์กร
แม้ว่าเหยาจ้าวจะเป็นแพทย์ขององค์กร แต่มือของเขาก็เข้าถึงได้แค่สถาบันวิจัยเท่านั้น
กฎระเบียบในองค์กรเข้มงวด คุณมีหน้าที่อะไร ก็สนใจแค่ตรงนั้น อย่าถามมาก รู้มาก ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ส่งผลดีใดๆกับตัวเอง
ดังนั้น ในตอนแรกเหยาจ้าวไม่ได้ถามฉินซีว่าจะไปทำอะไร
แล้วเขาก็ไม่กังวลว่าจะเกิดเรื่องกับฉินซี ถึงอย่างไรบอดี้การ์ดสองคนที่จ้านเซินส่งไปก็เป็นคนที่มีความสามารถที่สุดในองค์กร คุ้มครองฉินซีกลับมาได้ไม่มีปัญหา
ฉินซีเองก็เคารพกฎขององค์กร ไม่ได้บอกเหยาจ้าว
“งั้นนายเอาสถานที่ไปบอกลู่เซิ่น ให้เขาหาวิธีปะปนเข้าไปตอนที่คนเยอะ ระวังอย่าให้จ้านเซินกับคนที่เป็นหูเป็นตาของเขาเห็นเข้า”
ฉินซีพูดเตือน
สัญชาตญาณบอกเธอว่า ถึงตอนนั้นจ้านเซินจะต้องจัดเตรียมคนสอดแนมคนอื่นปะปนเข้ามาด้วยแน่นอน
คนสอดแนมเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อภารกิจในครั้งนี้ แต่เพื่อป้องกันลู่เซิ่น
เหยาจ้าวเข้าใจถึงความสำคัญของเรื่องนี้ เขาพยักหน้าด้วยใบหน้าจริงจัง “เธอวางใจเถอะ ฉันจะบอกโจวเอ้อเอง ให้เขาเอาเรื่องที่ต้องระวังไปบอกลู่เซิ่น นิสัยของลู่เซิ่นเธอเองก็น่าจะรู้ดี เขาทำอะไรระมัดระวังมาก เพียงแต่เมื่อเรื่องมันเกี่ยวข้องกับเธอแล้ว ก็จะฟุ้งซ่านนิดหน่อยเท่านั้น”
เขาพูดอย่างต่อเนื่อง แล้วถอนหายใจ
ความรักช่างเป็นสิ่งที่ทำให้คนว้าวุ่นเสียจริง
ต่อให้เป็นจ้านเซิน ที่เย็นชาไร้ความรู้สึกราวกับก้อนหิน เมื่อมีความรักเข้ามาปะปนแล้ว ก็ยังเสียสติสัมปชัญญะได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนทั่วไป
เหยาจ้าวอิจฉาเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกกลัว
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ สีหน้าของฉินซีก็แดงขึ้นเล็กน้อย
สาเหตุที่ลู่เซิ่นฟุ้งซ่าน เพราะว่าเขาห่วงใย
ฉินซีกุมแก้มที่ร้อนผ่าว พูดด้วยความเขิน “พอแล้ว งั้นก็เอาตามนี้ นายส่งเรื่องนี้ไปบอกโจวเอ้อก่อน ดูว่าทางฝั่งเขาจะตอบมาว่ายังไง”
แม้ว่าพวกเขาจะคิดไว้อย่างดี แต่ก็อาจจะไม่สำเร็จก็ได้
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลู่เซิ่นทำเรื่องหุนหันพลันแล่น ทำให้ความพยายามที่ผ่านมาเป็นเวลานานทั้งหมดต้องศูนย์เปล่า ฉินซีพูดขึ้นอีกอย่างไม่วางใจ “นายอย่าลืมบอกโจวเอ้อ ต้องให้เขาพูดกับลู่เซิ่นให้ชัดเจน ถ้าเงื่อนไขไม่เพียงพอ อย่าประมาทลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นฉันจะโกรธ”
ในน้ำเสียงของฉินซีมีความข่มขู่อยู่
เธอไม่อยากทำลายความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้
ลู่เซิ่นอะไรก็ดีไปหมด แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเธอ ก็จะเสียสติสัมปชัญญะไปได้ง่ายๆ
มีคำพูดนี้ของเธอ ลู่เซิ่นน่าจะใจเย็นลงได้นะ
“วางใจเถอะ ฉันจะจัดหาคนไปจ้องไว้หน่อย ไม่ให้ลู่เซิ่นทำเรื่องโง่ๆ”
ถ้าเกิดลู่เซิ่นหุนหันพลันแล่น จ้านเซินจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอย่างแน่นอน
ถึงตอนนั้น จ้านเซินก็จะตรวจสอบ ว่าลู่เซิ่นได้ข่าวเรื่องที่ฉินซีจะออกไปทำภารกิจมาจากไหน ติดตามเบาะแสจนมาถึงตัวของเหยาจ้าว งั้นเขาก็จะลำบาก
เหยาจ้าวเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือ ลุกขึ้นแล้วเอ่ยปาก “ฉินซี นี่ก็ดึกแล้ว ฉันกลับก่อนนะ เธอรีบพักผ่อน ตอนออกเดินทางพรุ่งนี้ฉันค่อยมาส่งเธอ”
บอกแล้วว่าอยู่นานไม่ได้ แต่เขาก็หยุดอยู่ที่ห้องของฉินซีมาครึ่งชั่วโมงแล้ว
ถ้ายังอยู่ต่อไป ทางฝั่งจ้านเซินก็จะสังเกตเห็นเข้า
ฉินซีพยักหน้า “โอเค นายกลับไปก่อนเถอะ”
อันที่จริง ฉินซีไม่ได้จำเป็นต้องให้เหยาจ้าวมาส่งเธอ แต่เธอต้องรับข่าวของลู่เซิ่นจากเหยาจ้าว จะได้รู้ว่าจากนี้พวกเขาจะจัดการยังไง
จ้านเซินเฝ้าดูฉินซีใกล้ชิดเกินไป ตอนนี้แม้แต่มือถือเธอก็ไม่มี
ฉินซีมองส่งเหยาจ้าวจากไป มองกระเป๋าเดินทางที่จัดเก็บไปได้ครึ่งหนึ่ง มุมปากก็โค้งขึ้น เผยรอยยิ้มหวาน หัวใจพองโตอย่างมีความสุข
แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้เจอลู่เซิ่น แต่เมื่อคิดว่าลู่เซิ่นกำลังคิดถึงตนอยู่จากที่ไกลๆ เธอก็รู้สึกมีความสุข
ขอแค่ลู่เซิ่นพยายามที่จะเข้าใกล้เธอ ฉินซีก็รู้สึกว่าสิ่งที่ตนทุ่มเทไปนั้นมันคุ้มค่า
“เลิกคิดได้แล้ว รีบเก็บของแล้วนอนดีกว่า”
ฉินซีตบแก้มเบาๆ บังคับให้ตัวเองสงบลง
ยังรู้สึกร้อนนิดหน่อย ฉินซีจึงไปล้างหน้าอีกรอบ ถึงเย็นสบายขึ้นไม่น้อย
เธอออกไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ต้องไปสามวัน
วันแรกแสร้งปลอมเป็นผู้จัดการบริษัท ไปทำตัวใกล้ชิดกับเจ้าของงานเลี้ยง จากนั้นงานเลี้ยงจะจัดขึ้นในคืนวันที่สอง ก่อนหน้านั้นฉินซียังมีภารกิจที่ต้องทำอีกมาก ที่สำคัญที่สุดคือหาจุดที่ชัดเจน สะดวกในการปฏิบัติการ แล้วเจ้าของงานในครั้งนี้ ก็คือเป้าหมายในภารกิจของเธอ
ฉินซีทิ้งตัวลงบนเตียง บังคับตาให้ปิดลง แล้วเข้าสู่การนอนหลับ
……
อีกด้านหนึ่ง
เหยาจ้าวเอาคำพูดเดิมของฉินซี มาถ่ายทอดสู่โจวเอ้อ
หลังจากโจวเอ้อได้รับข่าวสารจากเหยาจ้าวแล้ว ก็รีบร้อนไปถึงห้องผู้ป่วยของลู่เซิ่น
เขาเอาคำพูดของฉินซีมาบอกลู่เซิ่น อย่างอดรนทนไม่ไหว
“เยี่ยมเลย ลู่เซิ่น มีข่าวแล้ว”
ในใจโจวเอ้อมีความสุขแทนทั้งสองคน