Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1440
บทที่1440 การเชื่อฟังโดยสมบูรณ์
ฉินซีมองตรงไปที่จ้านเซิน น้ำเสียงสงบนิ่ง ไม่มีความใจฝ่ออยู่เลย
น้ำเสียงของเธออ่อนโยนมาก ดวงตาชัดเจนสดใส ทำให้จ้านเซินใจสั่นเล็กน้อย
สายตากับน้ำเสียงแบบนี้ จ้านเซินไม่รู้ว่าไม่ได้เห็นมานานแค่ไหนแล้ว
ในใจจ้านเซินรู้สึกซับซ้อน แล้วพยักหน้าภายใต้การจ้องมองของฉินซี “โอเค”
เขามองดูฉินซีวางของไว้ในกระเป๋าเดินทางของตน แววตาเผยความซับซ้อน
“ก๊อกก๊อกก๊อก…..”
ประตูห้องถูกเคาะขึ้นอีกครั้ง
“เข้ามา”
ฉินซีชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้น
วันนี้ทางด้านเธอครึกครื้นจริงๆ ผู้คนหลั่งไหลมาไม่หยุด
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะจ้านเซิน ทุกคนจึงเว้นระยะห่างกับเธอ วันนี้ก็ไม่รู้ว่ามาได้ยังไง
ประตูห้องเปิดออก
เผยให้เห็นผู้ชายสองคนที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการ
สองคนนี้คือลูกน้องที่มีความสามารถของจ้านเซิน จั่วยีจั่วเอ้อ
พวกเขาเป็นฝาแฝดกัน ถูกพาเข้ามาในองค์กรตั้งแต่อายุไม่กี่ขวบ หลายปีมานี้ ก็อยู่ข้างกายจ้านเซินอย่างซื่อสัตย์มาโดยตลอด
จ้านเซินมักจะพูดเสมอว่า ต่อให้ทุกคนจะทรยศเขา จั่วยีกับจั่วเอ้อก็จะไม่ทำ
เพราะที่นี่คือบ้านของจั่วยีจั่วเอ้อ เป็นท่าเรือของพวกเขาไปปชั่วชีวิต
“บอส คุณฉิน หมอเหยา”
จั่วยีจั่วเอ้อทักทายอย่างพร้อมเพรียงกัน
พวกเขาทั้งสองเป็นฝาแฝดไข่ใบเดียวกัน หน้าตาเหมือนกันเป๊ะ ฉินซีอยู่องค์กรมาตั้งหลายปีแล้ว ยังแยกแยะชื่อของทั้งคู่แทบไม่ได้
แล้วเหยาจ้าวที่เข้ามาหลายปีแล้ว ก็ยังแยกได้ไม่ชัดเจน
หลักๆเป็นเพราะเขากับจั่วยีจั่วเอ้อไม่ได้ติดต่อกันมากนัก ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้
น้ำเสียงของพวกเขามีความเฉยชาเป็นพิเศษ ราวกับเป็นหุ่นยนต์
ฉินซีคุ้นเคยกับน้ำเสียงโทนเดียวกันของทุกคนแล้ว พวกเขาไม่มีความรู้สึก ไม่มีหัวใจ มีเพียงการเชื่อฟังโดยสมบูรณ์
เมื่อฉินซีเห็นการปรากฏตัวของจั่วยีจั่วเอ้อ ก็รู้เจตนาของพวกเขาแล้ว
แววตาของจ้านเซินมีแสงแวบผ่าน “ฉินซี สองสามวันถัดจากนี้จั่วยีกับจั่วเอ้อจะอยู่ข้างกายเธอตลอดเวลา คุ้มครองความปลอดภัยของเธอ จนกว่าเธอกลับมาถึงองค์กร”
เขาพูดอย่างแผ่วเบา โดยจงใจเน้นคำสองคำ คำว่าตลอดเวลา
ฉินซีฟังการเตือนที่อยู่ในนั้นออก เม้มมุมปาก
เธอแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ พูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “จั่วยีจั่วเอ้อ สองสามวันนี้รบกนพวกนายด้วยนะ”
ฉินซีผงกหัวให้ทั้งสองเล็กน้อย
แต่ก่อนพวกเขาก็เคยปฏิบัติภารกิจร่วมกันมาก่อน แต่หลังจากที่ฉินซีค่อยๆเติบโตยืนด้วยลำแข็งตัวเอง ภารกิจที่ได้รับก็เป็นความลับมากขึ้น จั่วยีกับจั่วเอ้อก็ไม่มีคุณสมบัติ
จั่วยีจั่วเอ้อเห็นเธอเกรงใจแบบนี้ ก็รีบโค้งตัวให้ “คุณฉิน นี่เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำ”
เมื่อก่อนตอนอยู่องค์กร สถานะของฉินซีสูงมาก
สถานะของเธอกับถังย่าเป็นรองเพียงแค่จ้านเซิน
ตอนนี้แม้ว่าฉินซีอยากออกจากองค์กร ก่อนหน้านี้ก่อความผิดพลาดไว้
แต่จ้านเซินก็ไม่กล่าวโทษเรื่องที่ผ่านมา ทั้งยังดีกับเธอเหมือนก่อน นั่นทำให้ทุกคนในองค์กรต่างมองออกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ธรรมดา
แม้ว่าในองค์กรจะไม่อนุญาตให้มีความรัก ไม่อนุญาตการแต่งงาน แต่คนที่มีความรักคือหัวหน้าของพวกเขา ด้วยวิธีการของจ้านเซินแล้ว ใครจะกล้ารนหาที่ตายไปคัดค้าน
จ้านเซินเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ พูดเสียงต่ำ “ใกล้ได้เวลาแล้ว พวกเธอออกเดินทางเถอะ”
แม้ว่าในใจของเขาไม่เต็มใจอย่างมากที่จะให้ฉินซีออกจากองค์กร แต่คำที่พูดออกไปแล้ว ก็เหมือนน้ำที่สาดออกไปแล้ว
ในเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว งั้นเขาอยากที่จะเก็บคำสั่งกลับมาก็ทำไม่ได้แล้ว
“ค่ะ/ครับ”
ฉินซีกับจั่วยีจั่วเอ้อตอบรับด้วยสีหน้าจริงจัง
ทั้งสามคนเตรียมออกเดินทาง
ฉินซีมองไปที่จ้านเซินกับเหยาจ้าว เอ่ยปากพร้อมยิ้มเบาๆ “ฉันไปแล้วนะ”
เธอโบกมือให้ ดูแล้วสวยงามมาก
“รีบกลับมานะ”
เหยาจ้าวพูดอย่างอดไม่ได้
จ้านเซินกลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ซักคำเดียว เขาไม่อยากบอกลาฉินซี
เขาหวังว่าฉินซีจะกลับมาภายในเวลาที่กำหนด อย่าบังคับให้เขาตัดสินใจ
จ้านเซินเม้มปาก แววตาลึกซึ้งเฝ้ามองแผ่นหลังของฉินซีหายไปจากสายตา
เหยาจ้าวยืนอยู่ด้านข้างเขา สัมผัสได้อย่างชัดเจน ถึงออร่าหนาวเหน็บที่แผ่ออกมาจากตัวของจ้านเซิน ทำให้คนตัวสั่น
เขาถอนหายใจเงียบๆในใจ ไม่กล้าพูดจา
จ้านเซินสงบลงแล้วซักพัก ถึงเอ่ยปากพูด “กลับกันเถอะ”
ที่นี่ถึงอย่างไรก็เป็นห้องของฉินซี พวกเขาชายหนุ่มสองคนอยู่ต่อจะไม่สะดวก
“โอเค”
เหยาจ้าวพยักหน้า เดินตามหลังเขาออกไป
ก่อนที่จะไป เหยาจ้าวยังล็อคประตูห้องของฉินซี
เมื่อจ้านเซินกลับมาถึงห้อง ก็หยิบเครื่องติดตามออกมา
เขาต้องควบคุมการเคลื่อนไหวของฉินซีตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นเขาเอาแต่รู้สึกว่าจะเกิดเรื่องขึ้น
อันที่จริง ครั้งนี้ฉินซีไม่ได้วางแผนที่จะหนีเลย
เธอรู้สึกว่า จ้านเซินในตอนนี้แม้ว่าจะดูเหมือนวางใจเถอะ แต่กลับระแวดระวังมากกว่าครั้งไหน
จ้านเซินวางกับดักไว้อย่างแน่นหนา รอให้เธอกับลู่เซิ่นติดกับ
ครั้งที่แล้ว พวกเขาทำพลาดไปแล้วครั้งนึง
ครั้งนี้ พวกเขาจะต้องระแวดระวังให้มากกว่าเดิม
จ้านเซินให้อภัยเธอมาครั้งนึงแล้ว ไม่ลงโทษเธอ ไม่ได้แปลว่าจะให้อภัยเป็นครั้งที่สอง
ถ้าหากมีอีกครั้ง ต่อให้จ้านเซินไม่อยากจัดการเธอ พวกตาเฒ่าในองค์กรก็จะไม่เห็นด้วย
พวกเขากดดันจ้านเซิน จ้านเซินก็จะเริ่มลำบาก
ฉินซีไม่ต้องการให้สถานการณ์ตกไปอยู่ในจุดนั้น เธออยากจะสำเร็จซักครั้ง หลังจากออกไป ก็จะไม่กลับมาแล้ว
“จั่วยีจั่วเอ้อ ตามแผนการ วันนี้พวกเราไปตรวจสอบสภาพแวดล้อมของงานเลี้ยงก่อน พรุ่งนี้จะได้ลงมือสะดวก”
ภารกิจครั้งนี้ จ้านเซินออกคำสั่งไว้แล้ว ว่าให้ทุกคนฟังคำสั่งของฉินซี
แน่นอน ว่าต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ฉินซีเป็นฝ่ายถูก
ถ้าฉินซีมีการเคลื่อนไหวว่าจะหลบหนีใดๆ ก็จับเธอไว้ทันที
“ครับ”
จั่วยีจั่วเอ้อพยักหน้า
ทั้งสองต่างเป็นคนพูดไม่เก่ง ฉินซีเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับพวกเขา ได้แต่นั่งอยู่บนรถด้วยความเบื่อหน่ายเล็กน้อย มองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทิวทัศน์ด้านนอก สวยงามมากจริงๆ
เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งเดือน ฉินซีคิดถึงมันมาก
เธอหลับตาลง สัมผัสลาเบาๆที่ผ่านแก้ม
มุมปากฉินซีโค้งขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าเผยความปิติยินดี
ในที่สุดเธอก็ออกมาแล้ว!
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ฉินซีก็มาถึงสถานที่จัดงาน
……
ในขณะเดียวกัน
ลู่เซิ่นกับโจวเอ้อเองก็มาแล้ว
ลู่เซิ่นมาถึงก่อนฉินซีหนึ่งก้าว
โจวเอ้อได้ตรวจสอบล่วงหน้าแล้ว ตอนนี้คนสอดแนมของจ้านเซินยังมาไม่ถึง
ดังนั้น ทั้งสองถึงกล้าเข้ามาอย่างกล้าหาญแบบนี้
แต่พวกเขาก็ไม่กล้าอยู่นาน ตรวจสอบภูมิประเทศนิดหน่อย สเก็ตช์ภาพวาดของห้องจัดเลี้ยงไว้ ก็รีบออกไป
ห้องหนังสือ
“ห้องจัดเลี้ยงทั้งหมด มีเพียงตรงนี้ที่เป็นจุดบอดของกล้องวงจรปิด”
หลูจื๋อหลินมีเงิน เขาทำสัญญาเป็นพิเศษกับสถานที่จัดงานที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไห่ เชิญผู้คนมามากมาย
ลู่เซิ่นดูภาพวาดอย่างละเอียดหนึ่งรอบ ใบหน้าจริงจัง
โจวเอ้อนึกย้อนกลับไปในสมองหนึ่งรอบ พยักหน้า “ใช่แล้ว”