Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1452
บทที่ 1452 ขับไล่
“ถ้าหากคุณถังหวังจะช่วยให้ผมมีอายุยืนยาวขึ้นอีกสักหน่อย สามารถพูดตรงๆได้ ทุกครั้งที่มาหาไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการแบบนี้ เสียงดังรำคาญคนอื่นเขา ในโรงพยาบาลยังมีคนไข้คนอื่นอยู่อีกนะครับ หวังว่าคุณถังก่อนที่จะทำเรื่องนี้ ช่วยคิดคำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่นด้วย อย่าเห็นแก่ตัวแบบนี้”
ลู่เซิ่นพูดอย่างจริงใจ ให้บทเรียนแก่ถังย่าไปหนึ่งชุด
ถังย่ายืนที่ทางเดินอย่างเงียบเชียบ เธอไม่ได้โต้แย้ง
หลังจากฟังคำพูดของลู่เซิ่นจบ ถังย่าจึงค่อยพูดออกมา “ที่ประธานลู่อบรมก็คือ ถ้าครั้งหน้าพวกเราเจอกัน ต้องไม่ใช่ในโรงพยาบาลสินะคะ”
ไม่ว่าใครก็ฟังออก ความหมายในคำพูดของถังย่า
กระทั่งความหมายจริงๆของเธอ ก็มีเพียงตัวถังย่าเองที่จะสามารถเข้าใจ
ลู่เซิ่นมุ่นคิ้ว ก่อนพูด “ในเมื่อคุณถัง”
ใจของเขาไม่เป็นสุขเล็กน้อย
หากไม่ใช่เพราะการมาอย่างกะทันหันของถังย่า เขาคงไม่ต้องกลับมาเร็วขนาดนี้
ลู่เซิ่นกล้ามั่นใจ ว่าการจู่โจมของถังย่าแน่นอนว่าต้องเกี่ยวข้องกับฉินซี
ต่อไป ถังย่าคงคุมโรงพยาบาลอย่างเข้มงวด เขาคิดจะออกไปคงไม่ง่ายแล้ว
ดีที่ว่าเขายังมีหน้ากากหนังคนมาปิดบังไว้อยู่ ในเมื่อฉินซียังไม่รู้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ถังย่าจะสังเกตมัน
เมื่อเผชิญกับการขับไล่ของลู่เซิ่น ถังย่าไม่ได้โกรธ
เธอรีบมาที่นี่ ก็เพื่อที่จะยืนยันว่าลู่เซิ่นยังอยู่ในโรงพยาบาลแค่นั้น
เมื่อถังย่าเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว เธอก็คงไม่อยู่ที่นี่นาน
ถังย่าโค้งริมฝีปาก “รบกวนการพักผ่อนของประธานลู่แล้ว ขอโทษจริงๆค่ะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันขอตัวก่อน พวกเราค่อยพบกันครั้งหน้า”
เธอพูดพลางโบกมือให้ลู่เซิ่น
โจวซิงที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่เซิ่นมองเธออย่างถากถางพลางขมวดคิ้ว
โจวซิงรู้สึกว่าถังย่าดูไม่เหมือนผู้หญิงเลย
หลังจากที่ลู่เซิ่นมองเธอจากไปจนลับสายตา เขาจึงถอนสายตาออก
เขากลับเข้าไปในห้องผู้ป่วย มองไปยังโจวซิงที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าอย่างใจลอย “หมอโจว รบกวนปิดประตูด้วย”
ลู่เซิ่นพูดเตือนเบาๆ
เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้โจวซิงตกใจ
เขารวบรวมสติให้กลับมา เหลือบมองไปยังทางเดิน ก่อนจะปิดประตู
โจวซิงถอนหายใจยาวๆอย่างโล่งอก เมื่อเห็นทั้งสองคนกลับมาอย่างปลอดภัย “พวกพี่สองคนกลับมาแล้ว พวกพี่ไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้สถานการณ์มันคับขันแค่ไหน ผมตกใจเกือบตาย โชคดีที่สมองผมแล่นเร็ว ก่อนที่ถังย่าจะเข้ามา ผมแสร้งเข้ามาตรวจร่างกายเสียก่อน ไม่อย่างนั้น ถังย่าคงรู้ไปแล้ว”
เขาลูบหน้าอก จนตอนนี้ระดับการเต้นของหัวใจโจวซิงก็ยังไม่สงบลง
นี่แสดงให้เห็นว่าถังย่าอำนาจของถังย่ายิ่งใหญ่เพียงใด
“ลำบากนายแล้ว”
ลู่เซิ่นเดินไปด้านข้างของเขา ก่อนจะตบไหล่เขาเบาๆ
เขาหันไปยิ้มให้โจวซิง เพื่อผ่อนคลายความกังวลในใจของเขา “เห็นท่าทางของถังย่าเมื่อครู่ เธอไม่รู้เรื่องที่ฉันออกไปข้างนอกกับโจวเอ้อแน่”
ครั้งนี้ลู่เซิ่นระมัดระวังตัวมาก ถังย่าไม่รู้แน่
“อืม”
โจวซิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนถามอย่างประหม่า “ลู่เซิ่น คุณออกไปครั้งนี้เจอฉินซีไหม? ถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้ งานเลี้ยงจะเริ่มในคืนพรุ่งนี้ หรือจะหาแผนหนีออกไป แต่ผมกังวลว่าการป้องกันของถังย่าจะเข้มงวดขึ้น ครั้งหน้าแผนนี้คงใช้ไม่ได้แล้ว”
เขาขมวดคิ้ว พลางคิดอย่างเป็นห่วง
เมื่อเห็นท่าทางกลัดกลุ้มของโจวซิง ลู่เซิ่นจึงยิ้มบางก่อนพูด “ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันเจอฉินซีแล้ว”
เขาพูดอย่างไม่ปิดบัง
ถ้าหากเป็นไปได้ ลู่เซิ่นก็อยากแบ่งปันความปีติยินดีนี้ให้คนทั้งโลกรับรู้ แต่เขาทำไม่ได้
“อะไรนะ?”
ดวงตาของโจวซิงเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ทำไมไปเจอกันก่อนแล้ว?”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ
“เพราะว่าพวกเรามีไอ้นี่”
โจวเอ้อเอาหน้ากากหนังคนบางๆออกมาจากกระเป๋าเสื้ออย่างระมัดระวัง ก่อนนำมาสะบัดต่อหน้าโจวซิง
โจวซิงมองไปยังของในมือเขาด้วยใบหน้าสงสัย แต่ก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมา
เมื่อเขาเห็นของในมือของโจวเอ้อชัดเจน ทันใดก็กระโดดขึ้นไปบนโซฟาทันที “นี่! นี่! นี่คือ! ไปเอามาจากไหน ผมลืมไปแล้ว!”
โจวซิงเริ่มพูดติดอ่างด้วยความตื่นเต้น เขาคิดคำที่ติดอยู่ในปากเขาไม่ออก
เขาตบปากตัวเองอย่างหงุดหงิด ทำไมช่วงสำคัญเช่นนี้ถึงทำให้เขาผิดหวัง
“พวกพี่ไม่ต้องพูด ผมจะต้องนึกขึ้นได้แน่”
เมื่อโจวเอ้อจะขยับปาก คิดที่จะพูดชื่อออกมา ทันใดโจวซิงก็ปิดปากเขา พลางจ้องมาทางเขาอย่างมาดร้าย ส่งสัญญาณว่าไม่ให้พูดออกมา
ท่าทางเด็กๆ แบบนี้ทำให้โจวเอ้อทำอะไรไม่ถูก
แต่ก็นะ ใครใช้ให้โจวซิงมาเป็นน้องชายเขาละ เขาทำได้แค่ตามใจ
“มันคืออะไรนะ? เรียกว่าอะไรนะ?”
โจวซิงพึมพำกับตัวเองพร้อมกับขมวดคิ้ว
ลู่เซิ่นรู้สึกขำเมื่อเห็นท่าทางที่ใช้สมองของเขา
“คน… …”
เขาอดไม่ได้ที่จะพูดเตือนออกมาหนึ่งคำ
โจวซิงเข้าใจพลางตอบสนองออกมา “โอ้ ผมคิดออกแล้ว!”
“มันคือหน้ากากหนังคน”
โจวซิงพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมกับรอยยิ้มเด็กน้อยบนใบหน้าเขา
เมื่อเห็นท่าทางโหวกเหวกของเขา โจวเอ้อจึงดึงหน้าตึงทันที
โจวเอ้อถลึงตาใส่เขา “โจวซิง เบาเสียงหน่อย อยากให้คนข้างนอกได้ยินหรือไง?”
น้องชายเขาคนนี้ดีทุกอย่าง แต่นิสัยเหมือนเด็ก อยู่ไม่ค่อยนิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้โจวซิงก็ยังเด็กเกินไป สภาพจิตใจของเขายังไม่บรรลุนิติภาวะ
โจวซิงถูกตำหนิ แต่ก็ไม่โกรธ
เขาแลบลิ้น ท่าทางดูขอลุขอโทษ ก่อนจะขอโทษด้วยเสียงอันเบา “ขอโทษครับ เมื่อกี้ผมตื่นเต้นไปหน่อย เลยลืมควบคุมเสียงของตัวเอง”
โจวซิงประสานมือทั้งสิบ หันไปทางโจวเอ้อและลู่เซิ่นอย่างขออภัย
ก่อนจะพูดต่อ “แต่พวกพี่วางใจเถอะ รอบๆห้องพักคนไข้ผมให้คนไปสะสางแล้ว ถังย่าเข้าถึงที่นี่ไม่ได้แน่”
เมื่อกี้ ก็เป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น ในความเป็นจริงโจวซิงก็ไม่เลว
“อืม”
ลู่เซิ่นพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขารู้สึกว่าแม้ว่าโจวซิงจะอายุน้อย แต่ก็มีความสามารถ ฝึกฝนเพียงเล็กน้อย ในภายภาคหน้าจะเป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพเฉกเช่นเดียวกับโจวเอ้อแน่นอน
โจวซิงยังไม่รู้ ว่าลู่เซิ่นตีค่าเขาสูงมาก
เขาเพียงใจจดใจจ่อกับเรื่องหน้ากากมนุษย์นั้น
โจวซิงเดินอย่างรวดเร็วไปหยุดยืนอยู่ต่อหน้าของโจวเอ้อ ดวงตาสีเข้มของเขาเปล่งประกายด้วยความอยากรู้ “พี่ชาย ของล้ำค่าแบบนี้ พี่ไปหามาจากไหน”
เขาอดใจรอไม่ไหวที่จะถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสนใจ
ปกติแต่ไหนแต่ไรมาโจวซิง ไม่เคยเรียกโจวเอ้อว่าพี่ชาย เฉพาะเมื่อมีเรื่องบางอย่างที่จะขอร้องเท่านั้น ถึงจะเรียกเขาอย่างสนิทสนมเช่นนี้
โจวเอ้อรู้ดีถึงสีหน้าท่าทางแบบนั้น สายตาระยิบเต็มไปด้วยความรู้ทัน