Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1459
บทที่ 1459 เปิดตัวได้อย่างน่าทึ่ง
หลูจื๋อหลินสะบัดแขนเสื้อ ก่อนหมุนกายเดินจากไปด้วยความโกรธ
ภายในห้อง
ฉินซียกริมฝีปากของเธอขึ้นเล็กน้อย
ดวงตาที่ขุ่นมัวที่เหมือนมีม่านหมอกมาบดบัง เปลี่ยนเป็นสดใส มีแสงประกาย
จริงๆแล้วฉินซีไม่ได้ง่วงนอนเลย แค่เธอไม่ต้องการติดต่อกับหลูจื๋อหลินมากนักแค่นั้น
และผู้ชายก็ล้วนเป็นพวกที่ไม่ภูมิใจในตัวเอง ยิ่งไม่ได้มา ภายในใจก็ยิ่งมีแต่ความวุ่นวาย
ฉินซีตระหนักถึงจุดนี้ ดังนั้นจึงจัดการหลูจื๋อหลินได้อย่างง่ายดาย
เธอยืนอยู่ที่ประตูห้องสักพัก และ รอจนแน่ใจว่าหลูจื๋อหลินกับผู้ช่วยของเขาจากไปจริงๆแล้ว จึงค่อยเรียกจั่วยีจั่วเอ้อให้ออกมา
โรงพยาบาล
จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ลู่เซิ่นดูสุขุมมากขึ้น
ไม่นานหลังจากที่ถังย่าจากไป ลู่เซิ่นสวมหน้ากากอีกครั้ง ก่อนจะออกจากห้องผู้ป่วยไปพร้อมโจวซิง
เขารับปากที่จะไปพบกับฉินซีในงานเลี้ยงคืนวันพรุ่งนี้ เขาไม่สามารถคืนคำได้
แม้ว่า โจวซิงจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะห้ามปรามเขา แต่ลู่เซิ่นก็ไม่ลังเลสักนิดเลือกที่จะหนีออกไป
ถังย่าคงไม่คาดคิดว่า เมื่อเธอก้าวเท้าออกไปจากโรงพยาบาล ลู่เซิ่นจะแอบออกไปอีกครั้ง แถมยังเป็นรูปแบบที่เปิดเผยบริสุทธิ์เช่นนี้อีก
เธอกำลังกินหม้อไฟกับซิวหน่ายซิงอย่างมีความสุขโดยไม่รู้ว่าต่อไปกำลังจะเกิดอะไรขึ้น
ถังย่ายังคงคิดไม่หยุดเรื่องลู่เซิ่น หลังจากกินเสร็จเธอก็กลับไปโรงพยาบาลอีกรอบ
ถังย่าซ่อนตัวอยู่ที่หน้าประตูรอให้ผู้ต้องสงสัยปรากฏตัว เพื่อที่จะกันไม่ให้เขาหนี
ถังย่าอยู่จนถึงคืนถัดไป เมื่องานเลี้ยงเริ่ม
เธอไม่เคยเห็นลู่เซิ่นออกมาจากห้องผู้ป่วยเลย พลางถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ
ให้ลู่เซิ่นอยู่ในโรงพยาบาลอย่างสงบไม่ออกไปก่อเรื่อง เธอก็พอใจมากแล้ว
มิฉะนั้นเธอคงไม่มีวิธีจะไปชี้แจงอะไรกับจ้านเซินได้อีก
อย่างไรก็ตามถังย่าไม่รู้ว่า ลู่เซิ่นในเวลานี้ได้สวมเสื้อผ้าที่โจวเอ้อเตรียมไว้ให้แล้ว และอยู่ในงานเลี้ยงเพื่อรอคอยการมาถึงของฉินซี
20.00 นาฬิกา
งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้น ผู้คนต่างก็ทยอยมารวมตัวกัน
เป็นอย่างที่โจวเอ้อพูด ผู้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงสวมหน้ากากทุกคน มีทุกชนิดทุกแบบ น่ารักแปลกใหม่บ้างละ โหดร้ายน่ากลัวบ้างละ บนหน้าของลู่เซิ่นเป็นหน้ากากสีบริสุทธิ์ดูเรียบง่าย
ลู่เซิ่นเบียดเสียดฝูงชนเดินกลับมาพร้อมกับแก้วไวน์
สายตาเขามองไปยังประตู รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อคิดว่าจะได้เจอฉินซีในเร็วๆ นี้
ในเวลาเดียวกัน ฉินซีก็พร้อมที่จะไปเช่นกัน
เธอเปิดกล่อง เพื่อจะเปลี่ยนเป็นชุดราตรีที่จ้านเซินเตรียมไว้ให้
ชุดราตรีสีไวน์แดง ยิ่งเสริมให้ผิวขาวผ่องของฉินซีดูโปร่งแสงกว่าเดิม
เธอมองตัวเองในกระจก พลางขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
ถึงอย่างไรคืนนี้ก็เป็นงานเลี้ยงตอนเย็น จำเป็นต้องแต่งองค์ทรงเครื่อง ถึงแม้บนใบหน้าของทุกคนจะต้องมีหน้ากาก แต่ว่าก็สามารถหลุดออกจากหน้าได้หรือเจอสถานการณ์ที่ต้องถอดออกมา
ดังนั้น ฉินซีจึงต้องแต่งหน้าบางๆ
เธอมีพื้นฐานที่ดี ควบคู่ไปกับความชำนาญ ภายในเวลาครึ่งชั่วโมงเธอก็แต่งหน้าเสร็จ
ฉินซีม้วนผม ใบหน้างดงามหันดูรอบหนึ่ง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มบาง
เธอทำทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เพื่อหลูจื๋อหลิน
ฉินซีรู้ว่าคืนนี้ลู่เซิ่นจะปรากฏตัว
แค่คิดว่าจะได้เจอลู่เซิ่นอีกครั้งในเร็วๆ นี้ ภายในใจก็กักเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่ไหว
ฉินซีอ้อยอิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่างานเลี้ยงกำลังจะเริ่ม จึงค่อยเรียกจั่วยีจั่วเอ้อ ก่อนเดินไปพร้อมกัน
เมื่อฉินซีปรากฏตัวในห้องจัดเลี้ยง ทันใดกลับดึงดูดทุกสายตาให้มองมา
ชุดราตรีสีไวน์แดงปกคลุมต้นขาของฉินซี เผยให้เห็นขาเรียวสวย
เธอยืนอยู่ที่ประตูอย่างสงบ ผมสีดำสนิทคลอเคลียประบ่า ทั่วทั้งร่างแผ่เสน่ห์ไม่เหมือนใครของความเป็นผู้หญิงออกมา
ลู่เซิ่นจำเธอได้ในพริบตา หัวใจเขาเต้นแรงแทบระเบิด
เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนรอบตัวเขากำลังจ้องมองไปที่ฉินซี พลางพูดอุทานด้วยความตะลึงนั้น มันทำให้ลู่เซิ่นไม่พอใจขึ้นมา
เขาถือจานไว้ในมืออย่างหงุดหงิด ก่อนมองตรงไปที่ฉินซี ดวงตาสีเข้มของเขาเปล่งประกายความเป็นเจ้าของอย่างรุนแรง
ถ้าเป็นไปได้ลู่เซิ่นอยากจะดึงฉินซีเข้ามาในอ้อมอก ประกาศให้ทุกคนรู้ว่านี่คือผู้หญิงของเขา
น่าเสียดายที่ความปรารถนายังไม่เป็นจริงในตอนนี้
มือของลู่เซิ่นกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ เขาสูดหายใจลึก พยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็น
ฉินซีรู้สึกได้ว่าทุกคนกำลังมองมาที่เธอ แต่เธอไม่สนใจ
เธอมองไปรอบๆ พยายามหาตำแหน่งของลู่เซิ่น
ทันใดฉินซีก็รู้สึกได้ถึงสายตาร้อนแรงที่จ้องมองมายังตัวเอง เธอหันไปดู และพบว่าเป็นพนักงานเสิร์ฟที่สวมหน้ากากสีดำเรียบๆไว้บนใบหน้า
ในนี้มีพนักงานเสิร์ฟสิบกว่าคน แต่ฉินซีกลับดูรู้เลยว่าเป็นลู่เซิ่นภายในพริบตา
ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อย ภายใต้หน้ากากปรากฏรอยยิ้มสดใสของฉินซี
เป็นเรื่องดีจริงๆ ที่ได้พบลู่เซิ่นอีกครั้ง
เมื่อรู้ตำแหน่งของลู่เซิ่นแล้ว ฉินซีก็สบายใจ
ขาเรียวสวยของเธอก้าวเข้าไปในห้องโถงใหญ่
ในขณะนี้ หลูจื๋อหลินก็เห็นเธอแล้วเช่นกัน
ฉินซีในวันนี้ดูแตกต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง
ถ้าฉินซีเมื่อวานเป็นงานจิตรกรรมหมึกจีนที่สดใหม่และสง่างาม ถ้าอย่างนั้นวันนี้เธอก็เป็นดอกป๊อปปี้ที่มีเสน่ห์และแสนเซ็กซี่ สวยงามเสียจนทำให้คนตกเข้าไปในหลุมพราง ไม่สามารถถอนตัวออกมาได้ แม้จะรู้ว่ามีพิษร้าย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปดอมดมใกล้ๆ
หลูจื๋อหลินรีบทักทายเธออย่างรวดเร็ว “คุณฉิน ในที่สุดคุณก็มา”
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ซึ่งไม่ทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่น
หลังจากได้เห็นหลูจื๋อหลิน รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินซีก็พลันหายวับไปทันที
เธอยืนห่างจากหลูจื๋อหลินไปครึ่งเมตร ก่อนพูดเบาๆ ว่า “ขอโทษด้วยค่ะคุณหลูเพราะรถติดค่ะเลยทำให้ฉันมาช้า”
ท่าทางที่ฉินซีทำต่อหลูจื๋อหลิน ดูเย็นชา
แต่อย่างไรหลูจื๋อหลิน ก็ไม่ได้สะเทือนเลยสักนิด
เขารู้สึกว่าวันนี้ที่ฉินซีแต่งตัวสวยงามเช่นนี้ ชัดเจนแล้วว่าเพื่อให้เขาหลงเสน่ห์
ถ้าฉินซีรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่แล้วละก็ คงระเบิดแน่นอน และบอกว่าเขาว่าเป็นคนต้องรู้จักตัวเองจึงรู้แจ้ง อย่าให้สมองวันๆคิดแต่เรื่องเพ้อเจ้อ
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร คนมาก็ดีแล้ว
หลูจื๋อหลินก้าวไปข้างหน้า เขายื่นมือออกไปหาฉินซี
ฉินซีรู้โดยสัญชาตญาณเมื่อเห็นท่าทางของเขา เธอถอยหลังไปครึ่งก้าว หลบการเข้าหาของเขา
นอกจากลู่เซิ่น เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างมาก
มีแววแห่งความรังเกียจในดวงตาสีเข้มของฉินซี เนื่องจากแสงสลัวทำให้หลูจื๋อหลินมองเห็นไม่ชัดเจน
ลู่เซิ่นยืนอยู่ที่มุมห้อง เขามองเห็นทุกการเคลื่อนไหวของสองคนนั้น
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเป็นงานของฉินซีที่ต้องจัดการกับ หลูจื๋อหลิน
แต่เมื่อลู่เซิ่นเห็นว่าหลูจื๋อหลิน ต้องการใช้ประโยชน์จากฉินซีแล้ว ใจของเขาก็ทนไม่ได้
ลู่เซิ่นกัดฟันด้วยความโกรธ เขาต้องการที่จะขึ้นไปฆ่าหลูจื๋อหลินเสียจริง
โจวเอ้อผ่านมาอยู่ข้างตัวเขา พูดเตือนสติเสียงต่ำ “ลู่เซิ่น ใจเย็นๆ