Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1485
บทที่1485 ท่าทีเปลี่ยนไป
บางทีนี่อาจจะเป็นเหมือนกระจก ตกลงบนพื้นแล้ว ทิ้งร่องรอยแตกเอาไว้ ต่อให้ใช้กาวติดเข้าด้วยกัน ก็ยังคงมีแผลเป็นที่ชัดเจนมาก
แผลเป็นนี้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถลบออกได้
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เป็นเหมือนกัน เมื่อเกิดวิกฤตขึ้นแล้ว อยากที่จะซ่อมแซมให้ดี ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้น
จ้านเซินแม้ว่าจะเป็นผู้นำขององค์กร แต่ว่าเขาก็เป็นคนที่มีเลือดมีเนื้อ ไม่ใช่หุ่นยนต์จริงๆ
มีแค่มนุษย์ ที่มีอารมณ์และความปรารถนา เพียงแต่ขึ้นอยู่กับว่าจะกระตุ้นอารมณ์หรือไม่
แม้ว่าต่อหน้าการแสดงออกของจ้านเซินเย็นชาไร้อารมณ์ แต่ว่าภายในใจของเขา มีพื้นที่ของความนุ่มนวลอยู่เสมอ แสร้งทำเป็นคนที่เขาต้องการความอ่อนโยน
ตัวของฉินซีอยู่ตรงนี้ แต่ว่าเธอกลับไม่รู้
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของฉินซี เป็นอีกครั้งที่จ้านเซินไม่รู้ว่าควรพูดอะไรถึงจะดี
ทั่วร่างของจ้านเซินแผ่ความกดอากาศต่ำ หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็เอ่ยปาก “เธอกลับไปก่อนเถอะ สองวันนี้ฉันจะเลือกงานที่เหมาะสมออกมา แล้วบอกเธอ”
ท้ายที่สุดเขาก็เลือกที่จะประนีประนอมอีกครั้ง ยอมถอยให้กับคำถามนี้
ฉินซีได้ยินเขาพูดแบบนี้ ใบหน้าก็เผยสีหน้ามีความสุข
มุมปากเธอโค้งขึ้นเล็กน้อย พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “โอเค”
“งั้นฉันไปกินข้าวก่อนนะ นายจะไปด้วยไหม?”
ฉินซีเรียกเขาด้วยอารมณ์มีความสุข แต่จ้านเซินกลับไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย
เขาส่ายหน้า “ไม่ล่ะ เธอไปเถอะ”
เห็นจ้านเซินอารมณ์ไม่ดี ฉินซีก็ไม่บังคับ
เธอรู้ว่า ทุกอย่างที่ตนทำเมื่อกี้ อาจจะทำให้จ้านเซินทุกข์ใจ
แต่ว่า ตอนนี้ฉินซีไม่สามารถสนใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว
ความเจ็บปวดระยะสั้นนั้นดีกว่าระยะยาว เอาแต่ลากต่อไป สำหรับพวกเขาสามคนแล้ว รวมทั้งถังย่าด้วย ล้วนแต่เป็นเรื่องไม่ดี
หลังจากถูกจ้านเซินปฏิเสธ ฉินซีก็หันตัวจากไป
ในตอนที่หันตัว ใบหน้าของฉินซีก็เผยรอยยิ้มเจิดจ้า
ฉากนี้ เป็นธรรมดาที่ไม่อาจถูกจ้านเซินเห็นได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องเปลี่ยนความคิดอย่างแน่นอน
ระหว่างทางที่ไปโรงอาหาร ฉินซีเดินตัวลอยไปทั้งตัว
ครึ่งทาง ฉินซีก็พบกับเหยาจ้าว
เหยาจ้าวมองรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ ใบหน้าเผยสีหน้าสงสัย “ฉินซี เธอรอเดี๋ยว!”
ฉินซีไม่เห็นเขา เดินผ่านไปทันที
ทั้งใจของเธอมีแต่ลู่เซิ่น นึกถึงว่าอีกเดี๋ยวก็จะได้ออกไปเจอเขาอีกแล้ว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะกระโดดด้วยความดีใจ
เหยาจ้าวรีบดึงเธอลงมา “ฉินซี ฉันพูดกับเธออยู่นะ เธอไม่ได้ยินหรอ?”
รู้จักฉินซีมาเป็นเวลานานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นฉินซีท่าทางมีความสุขจนวิญญาณออกจากร่างแบบนี้
ระหว่างที่เดินยังฮัมเพลง ถ้าไม่ยับยั้งเอาไว้ อีกเดี๋ยวก็จะกระโดดขึ้นมา มีความสุขไปทั้งใจจริงๆ
เดิมทีฉินซีเดินอยู่ดีๆ จู่ๆถูกดึงไว้ เกือบจะล้มไปกับพื้น
ถ้าเปลี่ยนเป็นในวันปกติ เธอคงโกรธไปนานแล้ว แต่ว่าวันนี้กลับยังคงมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า
ฉินซียิ้มฮิฮิมองไปที่เหยาจ้าว “เหยาจ้าว นายหาฉันมีเรื่องอะไรหรอ?”
ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ทำให้เหยาจ้าวตกใจ
ถ้าฉินซีโกรธในทันที เหยาจ้าวรู้สึกว่าตนคุ้นชินกับมันแล้ว ถึงอย่างไรวันปกติเวลาฉินซีเห็นเขา ก็มักจะดุร้าย
เหยาจ้าวพูดถามอย่างสงสัย “ฉินซี เธอเป็นอะไร เธอคงไม่ใช่ถูกของสกปรกอะไรทำให้ตัวงอหรอกนะ รีบฟื้นหน่อย อย่าทำฉันตกใจสิ!”
เขาจับแขนของฉินซีด้วยความตื่นตระหนก ออกแรงเขย่า
ไม่ใช่เพราะเหยาจ้าวงมงาย แต่การแสดงออกของฉินซีในวันนี้ผิดปกติมากจริงๆ ทำให้เขาไม่อาจหยุดจินตนาการไปมั่วซั่วได้
ฉินซีถูกเขาเขย่าจนสมองมึนงง ถึงค่อยๆได้สติกลับมา
“หยุด!”
ฉินซีตะโกนอย่างแรง ในที่สุดก็หยุดการกระทำของเหยาจ้าวที่เขย่าอย่างต่อเนื่อง
เธอคว้ามือของเหยาจ้าว พูดอย่างขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน “นายมีอะไรก็พูดดีๆไม่ได้หรอ ทำไมต้องเอาวิธีการที่หยาบคายแบบนี้มาปฏิบัติกับฉัน”
อารมณ์ที่ดีอยู่แต่เดิมของฉินซี ถูกเหยาจ้าวขัดจังหวะโดยตรง
เธอจ้องไปที่เหยาจ้าวด้วยความโกรธ ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อกี้จ้านเซินรับปากคำขอของเธอแล้ว ตอนนี้เธอคงตบเหยาจ้าวเข้าที่สมองไปนานแล้ว ให้เขารู้ว่าอะไรคือจิตใจมนุษย์ที่โหดร้าย
เหยาจ้าวสบตากับดวงตาที่โกรธเคืองมุ่งร้ายคู่นั้นของเธอ ในใจก็โล่งอกทันที “ฉินซี ในที่สุดเธอก็ฟื้นกลับมาแล้ว เมื่อกี้นี้เธอเป็นอะไร ฉันตกใจหมดเลย”
เขาตบหน้าอก ดูท่าจะถูกฉินซีทำให้ตกใจไม่น้อย
ฉินซีมองท่าทางที่แข็งแกร่งซื่อตรงของเขาอย่างไร้คำพูด ยิ่งคบค้ากับเหยาจ้าวลึกลงไปเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งพบว่า สมองวงจรกลับของเหยาจ้าวคนนี้แตกต่างกับคนอื่นโดยสิ้นเชิง
หรือจะบอกว่า ในโลกของนักศึกษาแพทย์ชั้นนำ สมองล้วนแต่มีโครงสร้างแบบนี้ ไม่สามารถคิดเหมือนคนปกติได้
ฉินซีพูดอย่างมีไฟลุกด้วยความโกรธ “อะไรเป็นอะไร หรือว่าแม้แต่ท่าทางมีความสุขของคนอื่นนายก็ยังดูไม่ออกหรอ? เหยาจ้าว! นายไม่มีตาหรือไง!”
เธอมองไปที่เหยาจ้าวอย่างรังเกียจ รู้สึกว่าพวกเขาจะต้องไม่ใช่ญาติที่แท้จริงแน่ ไม่อย่างนั้น ทำไมเหยาจ้าวถึงได้โง่ขนาดนี้
ไอคิวสมองของเขา เผยออกมาแค่ในการเรียนหมอหรอ
เหยาจ้าวไม่ได้คิดถึงด้านนั้นจริงๆ ได้ยินคำพูดของฉินซี ก็ชะงัก
อันที่จริง เหยาจ้าวเชื่ออย่างแน่นอนว่า ฉินซีอยู่ในองค์กรไม่มีทางพบเจอเรื่องที่ควรค่าแก่การมีความสุขได้ ดังนั้นจิตใต้สำนึกจึงมองข้ามไป
เผชิญหน้ากับคำถามของฉินซี เหยาจ้าวก็เกาศีรษะด้วยความขัดเขิน “ฮิฮิ ฉันก็แค่คิดไม่ถึงเอง?”
เขาถอยไปครึ่งก้าวอย่างวางตัวไม่ถูก ใบหน้าเผยอารมณ์ที่หวั่นเกรง
ในใจของเหยาจ้าวเสียใจอย่างมาก รู้แต่แรกเขาก็ไม่พุ่งไปข้างหน้าอย่างนั้นหรอก ควรจะสังเกตเสียหน่อยก่อน ใช้สมองหน่อย
ฉินซีเห็นการแสดงออกทั้งหมดของเขาอย่างเต็มตา ฝ่ามือที่วางอยู่ข้างตัวก็กำหมัดแน่น “คิดไม่ถึง! ฉันเอาสมองของนายมาแก้ไขหน่อย นายก็คิดได้แล้ว!”
เธอแสร้งพูดอย่างดุร้าย แต่ความเป็นจริงไม่ได้โกรธจริงๆ
เหยาจ้าวดูออกว่าเธอแค่แสดงสีหน้าดุร้าย ดังนั้นจึงยิ้มแหะแหะ ก้าวเข้าไปเกลี้ยกล่อม “ฉันรู้ตัวว่าผิดแล้วจริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันสาบานว่าจะไม่ให้มีครั้งต่อไปเด็ดขาด”
เขารู้สึกว่าตนเป็นพี่ชายที่น่าอับอายจริงๆ
ทั้งๆที่น้องสาวต้องกลัวพี่ชายถึงจะถูก มาถึงทางด้านเขากลับพลิกไปอีกทางโดยสิ้นเชิง
มองรอยยิ้มที่ประจบของเหยาจ้าว แม้ว่าในใจฉินซีจะอยากยิ้มแค่ไหน แต่การแสดงออกยังคงเผยสีหน้ารังเกียจ “พอแล้วพอแล้ว! นายไปห่างๆฉันหน่อย ให้คนอื่นเห็นมันจะไม่ดี จะนึกว่าระหว่างพวกเราสองคนมีความสัมพันธ์อะไรที่ไม่เหมาะสม”
ขณะที่เธอพูด ก็กำลังจะผลักมือของเหยาจ้าวออก แต่ใครจะรู้ว่าจู่ๆท่าทางของเหยาจ้าวก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา
อารมณ์ของเขาพุ่งสูง บีบเอวด้วยความโมโห “เราสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฉันจะดูซิว่าใครกล้าพูดไร้สาระลับหลัง”
เขาพูดอย่างร้ายกาจ แสร้งทำทีเป็นโกรธเคือง