Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1508
ฉินซีจ้องมองดวงตาของลู่เซิ่น กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “กระทั่งฉันได้พบกับคุณ ชีวิตของฉันถึงได้มีสีสันขึ้นมา ฉันเริ่มมีความหวังขึ้นมาในชีวิต ฉันโชคดีมาก ที่ชีวิตนี้ได้พบกับคุณ และได้รักกับคุณ”
ลู่เซิ่นไม่รู้ว่าควรจะอธิบายความรู้สึกในใจอย่างไร เขาไม่เคยคิดเลยว่าฉินซีจะรักเขามากถึงขนาดนี้
ลู่เซิ่นเอื้อมมือออกไปคว้าเธอเข้ามากอด พลันกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ฉินซี รับปากกับผม ชีวิตนี้จะไม่จากผมไปไหน”
เขาคิดไม่ออกเลย หากวันหนึ่งไม่มีฉินซีอยู่แล้ว โลกใบนี้จะมืดมนขนาดไหน
ฉินซีก้มตาลง พลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถอะ อาเซิ่น ชีวิตนี้ฉันรักแค่คุณคนเดียว เราจะไม่แยกจากกันอีก”
เธอกุมมือของลู่เซิ่นเอาไว้แน่น มอบตัวเองให้กับเธอด้วยความสุข
ฉินซีรู้ดี ว่าบนโลกนี้ไม่มีใครอีกแล้วที่จะรักเธอได้มากกว่าลู่เซิ่นอีกแล้ว
อุณหภูมิค่อยๆ เพิ่มขึ้น ทั้งสองรักกันอย่างลึกซึ้ง
ขณะที่ฉินซีและลู่เซิ่นจะประกบริมฝีปากกันและกัน ประตูห้องถูกผลักออกกะทันหัน
“พวกเธอสองคนพูดจบหรือยัง? ฉันรอพวกเธอสองคนช่วยฉันทำอาการอยู่นะ”
ปู่เช่ผลักประตูเข้ามา กล่าวอย่างไร้ความอดทน
ฉินซีและลู่เซิ่นตกใจจนนิ่งอยู่กับที่ ไม่คิดเลยว่าปู่เช่จะผลักประตูเข้ามาในเวลานี้
เมื่อได้ยินประโยคของปู่เช่ ฉินซีใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที
เธอเป็นคนขี้อายอยู่แล้ว ไม่ชอบที่จะเปิดเผยเรื่องลับในที่สาธารณะ
ไม่คิดเลยว่าคุณปู่เช่จะรับรู้เหตุการณ์ทั้งหมดข้างนอก ความรู้สึกนี้ราวกับเปลื้องเสื้อผ้ายืนอยู่ข้างนอกให้คนอื่นจ้องมอง
ฉินซีหน้าแดงจนผลักลู่เซิ่นออก รีบวิ่งไปที่คุณปู่ “มาแล้ว มาแล้ว”
เธอก้มหน้าลง ไม่มีหน้าที่จะไปพบเจอใครทั้งนั้น
ปู่เช่จ้องมองทีท่าเหนียมอายของเธอ ริมฝีปากหยักยกขึ้น
ทีแรกเขาคิดว่าหญิงสาวที่แข็งแกร่งอย่างฉินซี ในด้านความรักก็คงจะแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น ตอนนี้ดูเหมือนว่า ผู้หญิงที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักนั้นมักจะเหมือนกันทั้งนั้น
เนื้อตัวของลู่เซิ่นยังคงมีกลิ่นอายที่งามสง่าของฉินซีติดอยู่ เขาจับจ้องแผ่นหลังที่เดินจากไป ด้วยความอาลัย
แต่อยู่ต่อหน้าปู่เช่ ลู่เซิ่นไม่กล้าเสียมารยา เกรงว่าเขาจะต่อต้านเขาอยู่กับฉินซี
ภายใต้ความไร้หนทาง ลู่เซิ่นได้แต่อดทนลุกขึ้น คิดที่จะเข้าร่วมการทำอาหาร
ปู่เช่จ้องมองการเคลื่อนไหวของเขา พลันขมวดคิ้วแน่น “คนป่วยอย่างแกคิดจะทำอะไร? นอนลงซะ อย่ามาสร้างปัญหาให้กับฉัน”
ปู่เช่ลูปเคราสีขาวราวกับหิมะ พร้อมทำตาขวางกล่าวกับลู่เซิ่นด้วยเสียงเย็นชา
สายตาของเขาทำให้ลู่เซิ่นนิ่งแข็งอยู่กับที่ ได้แต่นั่งลงอย่างว่าง่าย “ได้ครับ คุณปู่เช่”
ในเมื่อปู่เช่ว่าอย่างนั้นแล้ว เขาเองก็ต่อต้านไม่ได้
……
ในห้องครัว
เมื่อปู่เช่เข้ามาก็ได้พบกับฉินซีคุกเข่าลงที่หน้าก๊อกน้ำเพิ้อล้างผัก
แผ่นหลังที่ตั้งอกตั้งใจของฉินซี ปู่เช่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ในใจ
ใครจะไปคิดว่าหญิงสาวร่างบางเช่นนี้ ภายในร่างกายจะมีพลังที่แข็งแกร่งซ่อนอยู่
หากแต่ทุกคนได้เห็นเพียงมุมที่แข็งแกร่งของเธอ แต่กลับไม่เห็นความอ่อนแอชั้นใน
ปู่เช่เดินไปที่ข้างเธอ เอ่ยเสียงแผ่ว “ว่ามาสิ มันอะไรกันแน่?”
เมื่อสักครู่ต่อหน้าลู่เซิ่น เขาไม่สะดวกที่จะเอ่ยถาม ตอนนี้มีเพียงแค่หลานปู่สองคนเท่านั้น ปู่เช่จึงไม่มีอะไรต้องหลบหลีก
ฉินซีได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาตั้งนานแล้ว ขณะที่เธอคิดที่จะหันหน้ากลับไปเสียงของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน
คำถามของปู่เช่ ทำให้ฉินซีนิ่งแข็ง ก่อนที่จะกล่า“ไม่มีอะไร แต่เกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย คุณปู่เช่ไม่ต้องกังวลไปหรอก”
หลายปีมานี้ ปู่เช่อาศัยอยู่บนเขานี่มาโดยตลอด ใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรี ฉินซีไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นภาระของเขา
ปู่เช่เห็นว่าเธอไม่ยอมพูด สีหน้าของเขาบูดบึ้งทันที “ฉินซี ตอนนี้เธอมองฉันเป็นคนนอกไปแล้วใช่ไหม?”
เขากล่าวอย่างเย็นชา สายตาจับจ้องฉันซี
ปู่เช่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งครัด ฉินซีสะดุ้งในใจ “คุณปู่เช่ ฉันเปล่าทีแรกท่านช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ท่านก็เป็นเหมือนปู่ของฉันจริงๆ ฉันจะมองท่านเป็นคนนอกได้อย่างไร?”
ฉินซีวางตะกร้าลงอย่างรนราน รีบอธิบายกับเขาอย่างร้อนรน
ปู่เช่เข้าใจในการกระทำอย่างเธอ แต่เพื่อบีบเค้นให้ได้ความจริง เขายังคงทำทีว่าเขาผิดหวังมาก “ในเมื่อเธอไม่ได้มองฉันเป็นคนนอก แล้วทำไมถึงไม่บอกความจริงกับฉัน?”
เขาเป็นกังวลว่าฉินซียังคงไม่ยอมปริปาก จึงกล่าวเสริมไปหนึ่งประโยค “หากเธอไม่อยากบอกฉัน ฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะช่วยเหลือพวกเธอ เธอพาลู่เซิ่นออกไปได้เลยตอนนี้”
ปู่เช่เหลือบมองหญิงสาว น้ำเสียงเคร่งขรึม “แต่ร่างกายของลู่เซิ่นในตอนนี้ เขาคงจะเดินออกไปจากเขานี่โดยปลอดภัยไม่ได้หรอก เธอตัดสินใจเอาเองแล้วกัน”
ประโยคของเขาทิ่มแทงหัวใจของลู่เซิ่นเข้าให้อย่างจัง วันนี้ฉินซีลำบากใจรอบด้าน
ด้านหนึ่ง ฉินซีไม่ต้องการลากให้ปู่เสี้ยเข้ามาเกี่ยวข้องในหายนะครั้งนี้ อีกด้าน เธอไม่อยากจะให้ลู่เซิ่นเป็นอะไรไป ระหว่างการเดินทาง
ฉินซี ขมวดคิ้วแลอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ท้ายที่สุด เธอก็ตัดสินใจจงได้ “ก็ได้ ปู่เช่ ฉันจะบอกก็ได้”
ฉินซีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใบหน้าที่ขาวนวลเผยให้เห็นอาการไร้หนทาง
“อันที่จริงตอนนี้ฉันกับลู่เซิ่นกำลังหนีเอาชีวิตรอด ร่างกายของเขาบาดเจ็บเพราะช่วยฉัน ถึงได้สาหัสขนาดนั้น”
ฉินซีกล่าวด้วยความเจ็บปวด
เมื่อปู่เช่ได้ยินเธอว่าอย่างงั้น ความสับสนปรากฏบนใบหน้าที่เหี่ยวย่น “พวกเธอสองคนอยู่ดีๆ ทำไมจะต้องหนี ก่อคดีอะไรมาใช่ไหม?”
เขาไม่รู้กฎระเบียบขององค์กร ในหัวจึงตีความไปทั่ว
ฉินซีส่ายหน้า “คุณปู่คะ จำที่ฉันบอกไปได้ไหม ฉันทำงานอยู่ที่องค์กรหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่คุณปู่ช่วยฉันเอา เพราะฉันได้รับบาดเจ็บจากการทำภารกิจ จึงตกมาอยู่ที่นี่”
เธอกล่าวอย่างช้าๆ อธิบายเรื่องราวกับปู่เช่ด้วยความอดทน
ปู่เช่พยักหน้า ฟังอย่างตั้งใจ “อืม ฉันจำได้”
แม้ว่าเขาจะอายุมากแล้ว แต่หัวสมองของเขาไม่เสื่อมสภาพเลย
ฉินซีเม้มริมฝีปาก กล่าวอย่างเบื่อหน่ายเล็กน้อย “องค์กรที่ฉันอยู่มีกฎระเบียบ ห้ามใครแต่งงานเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะเป็นการผิดกฎระเบียบ จะได้รับการลงโทษ”
เป็นความผิดของกฎบ้าๆ นี่ ไม่เช่นนั้นตอนนี้พวกเขาก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้
ปู่เช่ไม่คิดเลย ว่าบนโลกของเราในตอนนี้จะยังมีที่แบบนี้อยู่อีก
เขาถลึงตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ถ้างั้นเธอออกจากองค์กรไม่ได้หรือ?”
ที่ที่ไร้มนุษยธรรมแบบนั้น ยังจะอยู่ต่อไปทำไมกัน รีบออกมาแต่โดยเร็วซะจะดีกว่า
ปู่เช่เพราะไม่ใช่การถูกผูกมัดด้วยกฎเกณฑ์ เพราะงั้นถึงได้เลือกที่จะอาศัยอยู่บนเขาที่ที่ไร้ผู้คน