Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 169
บทที่ 169 ผลักเธอให้กับคนอื่น
แม้ภายนอกฉีซานจะดูเหมือนเพลย์บอย ไม่ทำอะไร แต่เขาเป็นคนควบคุม และดูแลบริษัทฉีซื่อกรุ๊ป มั่นใจกับสถานการณ์การวางแผนต่างต่าง
ผู้ชายคนนี้ ดูมีอะไรซ่อนไว้เยอะ และไม่สามารถให้คนอื่นคาดเดามากเกินไป กับคนแบบนี้ เวินจิ้งก็จะอยู่ห่างมากขึ้น
“ รำคาญแล้วหรอ รู้สึกอึดอัด ? “ ฉีซานเห็นท่าทางที่เบื่อหน่ายของเธอ แต่เขาหยักยิ้ม และ อารมณ์ดี
เวินจิ้งจ้องเขา ถอยออกมาครึ่งก้าว “ ประธานฉี จะคุยเรื่องงาน ไม่กลัวว่าฉันจะฟังความลับทางการค้าหรอ ? “
ฉีซานดูยิ้มมากขึ้น “ ถ้าเธอฟังรู้เรื่อง ฉันคงจะเสียเงินมากมาย ขุดเธอมาบริษัทฉีซื่อกรุ๊ป “
เวินจิ้งมองบน ไม่สนใจฉีซานอีก เขาโดนคนอื่นรั้งไว้สนทนาต่อ ไม่ได้ตามมาต่อ
มองไปรอบ ไม่เห็นมู่วี่สิงกับลู่หวั่น มู่เฉิงก็กำลังสนทนากับผู้ถือหุ้นไม่กี่คนของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป คืนนี้เธอก็คิดว่าจะไม่มาอยู่แล้ว ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอแล้ว เธอก็จะกลับแล้ว
แต่ทางเข้าดูเป็นจุดสนใจมากเกินไป เธอจึงเดินไปประตูที่อยู่อีกฝั่ง
ชั้นสอง ลู่หวั่นเห็นเวินจิ้ง สายตาค่อยค่อยหยี่ขึ้น แก้วไวน์บนมือเธอเหมือนจะโดนเธอบีบให้แตก
เธอเรียกบริกรมา “ ประตูข้างทางนั้นมีบันไดนิรภัย ประตูทั้งหน้าทั้งหลัง ก็ล๊อคให้หมด “
“ ค่ะ คุณลู่ “
คิ้วประณีตของเธอค่อยค่อยขมวดขึ้น หันหลัง มองมู่วี่สิงที่กำลังคุยกับแขก จากไม่ไกล เดินไปหาเขาด้วยความยิ้ม
เวินจิ้งมองบันไดทางออก ไฟที่สว่างก็ไม่ได้ทำให้กลัวนัก รองเท้าแตะเหยียบบนพื้นแล้วไม่มีเสียง เพราะฉะนั้นเธอสามารถได้ยินเสียงประตูหลังเธอที่โดนปิด และเสียงที่ล๊อคประตู
เธอเพิ่มความเร็วในการเดิน แทบจะวิ่งลงไป ประตูบานนั้น ก็ค่อยค่อยโดนล๊อคต่อหน้าเธอแล้ว
สักพัก ไฟก็ค่อยค่อยอ่อนลง สุดท้าย บันไดนี้ก็กลายเป็นความมืดทันที
ใจเวินจิ้งสั่นทันที ใช้แรงเคาะประตู “ มีคนไหม ! เปิดประตูให้ฉัน ….. “
แต่ที่ตอบรับเธอเป็นเพียงเสียงสะท้อนของเธอ
ตั้งแต่ที่เธอเข้ามา ประตูที่อยู่หลังเธอก็รีบโดนล๊อคทันที และตอนลงมา ประตูก็พึ่งล๊อคได้ไม่นาน เพราะฉะนั้น…… มีคนตั้งใจทำแบบนี้ ?
ใคร ?
ในงานเลี้ยงนี้ เธอก็ไม่ได้สูงส่งอยู่แล้ว รู้ว่าเธอมางาน ก็มีแค่คนรู้จักไม่กี่คน อีกอย่างสถานะเธอก็ไม่เคยโดนเปิดเผย มีแค่คนส่วนน้อยที่รู้ว่าเธอคือ คุณนายมู่
คนที่ตั้งใจทำแบบนี้ …… ฉีซาน?
เธอรีบส่ายหัว เขาไม่จำเป็นต้องล๊อคเธอไว้ หรือว่าเพื่อที่จะไม่ให้เธอเจอมู่วี่สิง ?
เวินจิ้งคิด แต่สุดท้ายก็คือการคาดเดา ตอนนี้ที่สำคัญที่สุด คือต้องไปออกจากตรงนี้
ค้นมือถือในกระเป๋า แต่ที่ทำให้เธอผิดหวังคือ มือถือเธอไม่มีแบตเตอรี่ตั้งนานแล้ว
ออกมาจากบริษัทก็ดึกมาก จะกลับบ้านโดยตรง จึงไม่คิดจะชาร์จแบตมือถือ
สีหน้าเวินจิ้งค่อยค่อยซีดลง เธอได้แค่รออยู่ที่บันได
ถ้างานเลี้ยงจบ คนที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นก็คงจะปล่อยเธอออกมา
แม้จะคิดแบบนี้ แต่เวินจิ้งก็ไม่มีความหวัง ……
……
งานเลี้ยงนี้ ลุงของลู่หวั่นก็มางานเองโดยตรง ลู่หวั่นเป็นตระกูลขุนนางตั้งนานแล้วที่ ประเทศB ไม่มีที่เปรียบเทียบกับตระกูลมู่ แต่หลายปีนี้ไม่มีใครที่มีความสามารถพอที่จะดูแลควบคุม อำนาจจึงค่อยค่อยลดลง
ที่ลู่เจ๋อพึ่งพาได้ตอนนี้ ก็มีแค่ลู่หวั่น ลู่หวั่นไม่สนิทกับเขา อีกอย่างเธอสนิทกับตระกูลมู่มากกว่า ลู่เจ๋อก็มีความคิดที่อยากให้เธอได้สมรสกับคนในตระกูลมู่อยู่แล้ว คืนนี้ ก็จะตัดสินใจ และจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ
เห็นลู่เจ๋อก็มาแล้ว ลู่หวั่นยังคงกลัว ไม่หยุดที่จะดึงแขนมู่วี่สิงอย่างแน่น
“ วี่สิง ลุงฉัน …. “
สีหน้ามู่วี่สืงดูเฉยชา จะเดินไป ลู่หวั่นรีบดึงเขาไว้ “ วี่สิง อย่าไป …… เขาเป็นโรคจิต …… “
“ ไว้ใจเถอะ อยู่ที่นี่เขาไม่กล้าทำอะไรหรอก เธออยากจะกำจัดเขาออกจากชีวิตเธอไม่ใช่หรอ ? คืนนี้ฉันจะช่วยเธอ “ ริมฝีปากมู่วี่สิงมีความเย็นชาสุดขีด
ได้ยินแล้ว สายตาลู่หวั่นก็มีความดีใจขึ้นมา ถ้าให้เขาออกจากเธอได้จริง เธอก็จะไม่ต้องกลัวอีกต่อไป
“ประธานมู่ ยินดีกับคุณได้เข้าตำแหน่งประธานของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ยัยเด็กนี่ ฉันยังคิดว่าคุณจะเข้ามาแพทย์ตลอด แต่กลับคิดไม่ถึง ไม่นานก็กลายเป็นผู้ดูแลบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไปแล้ว “ ลู่เจ๋อ พูดอย่างเชิงแขก สายตากลับจ้องไปที่ลู่หวั่นตลอด
เธอก้มหัวลง อยู่ข้างมู่วี่สิงอย่างเชื่อฟังและสงบ
สายตาลู่เจ๋อ มีความโกรธในพริบตาเดียว
“ เรื่องมันคาดการณ์ไม่ได้ แต่คุณลู่ มาเองกับตัว ดูท่าแล้ว มีเรื่องสำคัญอะไร ? “ มู่วี่สิงหยี่ตาขึ้น ก็มองใจลู่เจ๋อ ออกแล้ว
ตระกูล่ลู่ตอนนี้คนน้อยมากขึ้น ตั้งแต่ที่พ่อของลู่หวั่นจากไปลู่เจ๋อก็ขึ้นตำแหน่งประธานบริษัทลู่ซื่อ แต่แค่เขาไม่ถนัดจัดการ แล้วชอบพนันติดเป็นนิสัย บริษัทลู่ซื่อ ตอนนี้ก็กลายเป็นความยุ่งเหยิงหมด
“ เรื่องของฉันตอนนี้ ก็คงเป็นหวั่นหวั่น เด็กนี้แล้ว เธออาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลมู่มาตั้งแต่เด็ก มีความสัมพันธ์ดีกับคุณ ประธานมู่ คุณจะแต่งงานกับหวั่นหวั่นได้เมื่อไหร่ ? “ เสียงลู่เจ๋อไม่ดัง แต่แขกที่อยู่รอบก็ได้ยินแล้ว สายตาที่หยุดอยู่กับลู่หวั่นมีความลึกซึ้งเล็กน้อย
ตอนนี้ข้างนอกก็ลือกันแล้วว่ามู่วี่สิงแต่งงานแล้ว แต่แค่คุณนายมู่คนนั้น คืนนี้จนถึงตอนนี้ก็ไม่เห็นหน้า ข่าวลือนี้จึงคิดว่าเป็นข่าวปลอมหมด
แต่ตอนนี้ คนในตระกูลลู่ก็เสนอข้อตกลงแบบนี้ออกมา หรือว่าลู่หวั่นคือคุณนายมู่ ในอนาคต?
แต่ลู่หวั่นกลับคิดไม่ถึง ลู่เจ๋ออยู่ดีดีก็เสนอข้อตกลงแบบนี้มา ไม่เหมาะกับนิสัยปกติของเขาเลย
ที่ผ่านมาลู่เจ๋อ ก็โลภลู่หวั่นมาตลอด และไม่อยากให้เธอได้แต่งงาน
แต่เพราะความลำบากของ บริษัทลู่ซื่อ ตอนนี้ ลู่หวั่นก็เข้าใจขึ้นมาทันที
สีหน้ามู่วี่สิงไม่เปลี่ยน พูดด้วยเสียงเย็นชา “ คุณลู่ คงจะไม่รู้ ครึ่งปีก่อนฉันก็แต่งงานแล้ว จะแต่งงานกับลู่หวั่นคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน แต่ฉันจำได้ ตระกูลลู่เคยตัดสิน และจัดการสัญญาหมั้นให้ลู่หวั่นตอนอายุ5ขวบ อีกฝ่ายคือ หัวหน้า อานฉิง ของ ประเทศB งานเลี้ยงวันนี้ ฉันก็เชิญเขามาแล้ว “
สีหน้าของลู่หวั่นซีดลงมา มู่วี่สิงพูดแบบนี้แปลว่าอะไร ?
เพราะฉะนั้น เขาจะผลักเธอให้กับคนอื่น ?
ตอนเด็กเธอเคยมีสัญญาหมั้นจริง แต่หลังจากพ่อแม่จากไป ทั้งสองตระกูลก็ไม่เคยติดต่อกันแล้ว ตอนนี้ …..
ลู่หวั่นยกสายตา ไม่นานอานฉิง ก็เดินออกมาจากกลุ่มคน มือลู่หวั่นยังคงจับมู่วี่สิงไว้ จับไว้แน่นไม่ปล่อย
สีหน้าลู่เจ๋อก็ดูไม่ดี เรื่องที่มู่วี่สิงแต่งงานไม่เคยเปิดเผยมาก่อน เขาจึงไม่รู้อยู่แล้ว
ส่วนอานฉิง คนนี้ อำนาจในB国 เขาเองก็รู้ดี แต่เทียบกับมู่วี่สิงในตอนนี้ ยังคงมีความห่างไกล
“ ท่านนี้คือ คุณลู่ ? ปีนั้น ตระกูลลู่ก็ย้ายถิ่นตลอด พ่อแม่ฉันก็ไม่ได้ติดต่อกับเธอ ไม่คิดว่าวันนี้ ได้เจอแล้ว “ อานฉิงหยี่ตาขึ้นมอง อยู่ที่กองทหารมาหลายปี ทำให้เสน่ห์บนตัวเขาดูเย็นชามาก
แม้สีผิวของเขาจะค่อนไปทางดำ แต่ความสมบูรณ์ของใบหน้ากลับหล่อ และดูดี เป็นจุดสนใจของงานนี้เหมือนกัน
แต่แค่ ในสายตาลู่หวั่นมีแค่มู่วี่สิงคนเดียว