Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 212
บทที่ 212 เธอมีอคติต่อฉัน
สองคนทานข้าวที่ร้านอาหารจีนใกล้ๆ ร้านหนึ่ง
เพิ่งนั่งลงเสร็จมู่วี่สิงก็โทรมา “ยังอยู่โรงแรมอยู่หรอ”
“เพิ่งออกมาเอง เมื่อกี้เจอฉีเซิน กำลังทานข้าวกับเขาอยู่” เวินจิ้งไม่ได้ปิดบัง
มู่วี่สิงสะเทือนสักพัก “รอผมมานะ”
ฉีเซินไม่พอใจมาก “มู่วี่สิงจะมาหรอ”
เวินจิ้งพยักหน้าดูเมนูอยู่ ทานข้าวกับฉีเซิน ไม่พูดไม่จาสักคำ
เพิ่งสั่งอาหารเสร็จ ฉินเฟยก็เดินมาจากประตูแล้ว
“ฉีเซิน ทานข้าวกับเวินจิ้งทำไมไม่เรียกฉันด้วยล่ะ” น้ำเสียงของฉินเฟยไม่พอใจมาก
พูดจบ ก็นั่งลงข้างๆ ฉีเซินโดยที่ไม่สนใคร
ฉีเซินขมวดคิ้ว “ไหนบอกว่าไม่สบายไง กลับไปพักผ่อนดีๆ สิ”
“นอนไปครู่หนึ่งรู้สึกดีขึ้นเยอะแล้ว ก็อยากจะอยู่กับคุณนิ” ฉินเฟยควงแขนฉีเซินไว้ เหมือนกำลังประกาศอธิปไตยอยู่
บนใบหน้าของเวินจิ้งไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา แค่มองออกไปหน้าต่างอย่างเฉยชา
“ไม่เห็นหรอว่าผมมีธุระ” น้ำเสียงของฉีเซินเย็นชาเล็กน้อย
“ทำไม ให้ฉันรู้ไม่ได้หรอ” ฉินเฟยแกล้งทำเป็นโกรธ
“นี่คือธุระส่วนตัวของผม” ฉีเซินหรี่ตาลง
“ฉันจะกินข้าวเงียบๆ ไม่รบกวนพวกคุณหรอก”
เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะขำออกมา “ฉันรับปากแค่ว่าจะเลี้ยงข้าวประธานฉี คุณฉินคะ คุณต้องจ่ายเงินเองนะคะ”
“เวินจิ้ง!” ฉินเฟยเริ่มโกรธขึ้นมา เธอนี่คือกำลังขายหน้าเธอต่อหน้าฉีเซินงั้นหรอ
“ฉันเป็นคู่หมั้นของฉีเซิน เธอจะเลี้ยงข้าวเขา ก็ควรจะเลี้ยงฉันด้วยอยู่แล้ว”
รอยยิ้มของเวินจิ้งเย็นลง “กับฉัน ไม่มีเหตุผลแบบนี้”
ฉีเซินตบไหล่ฉินเฟยเบาๆ “คนดี กลับไปนะ”
ฉินเฟยจ้องตาใหญ่เลย คิดไม่ถึงเลยว่าฉีเซินจะอยู่ข้างเวินจิ้ง!
“ฉันไม่กลับ จะให้ฉันจ่ายเองฉันก็จ่ายเอง!” ฉินเฟยพูดอย่างหยิ่งยโส
เวินจิ้งไม่แคร์ มองออกไปหน้าต่าง มู่วี่สิงถึงแล้ว
หรือว่าเขาอยู่แถวๆ นี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“ผมได้ข่าวว่าเทียนอีกับโป๋ทงจะยกเลิกสัญญากัน?”
“อืม โป๋ทงไม่ร่วมกันการขาย สำหรับเทียนอีแล้วมันไม่ยุติธรรม” เวินจิ้งพูดเสียงเรียบ
“ตอนนี้ชื่อเสียงของเหม่ยทงยังอยู่ขั้นฟื้นฟูอยู่เลย เธอใจร้อนเกินไปแล้ว” ฉีเซินขมวดคิ้ว
“ก็เพื่อชื่อเสียงของเหม่ยทง นี่แหละ เราจึงทำการตัดสินใจแบบนี้”
“โอ๊ย ตอนนี้คนเขาไม่ยอมรับยาตัวนี้อีกแล้วละ เอายาอีกตัวหนึ่งที่ผลิตใหม่มาทดแทนไม่ดีกว่าหรอ” ฉินเฟยพูดอย่างหมิ่นเหม่
“ลงทุนเข้าไปทั้งคิดค้นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปและการขายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป บริษัทจะเอากำไร ในเวลาเดียวกันยิ่งต้องรักษาชื่อเสียงของผลิตภัณฑ์ไว้ ถ้าจะสละเหม่ยทงทิ้งทั้งสิ้น สำหรับชื่อเสียงของเทียนอีแล้วจะเป็นการโจมตีที่ไม่น้อยเลยทีเดียว” เวินจิ้งวิเคราะห์ออกมา
ฉินเฟยเปลี่ยนสีหน้าทันที นึกไม่ถึงเลยว่าเวินจิ้งจะเข้าใจการตลาดมากขนาดนี้
ความชื่นชมในแววตาของฉีเซินลอยผ่านไป ใบหน้ายังคงสงบนิ่ง “ถ้าเทียนอียืนยันที่จะทำแบบนี้ ต้องการให้ผมช่วยอะไรก็บอกได้ตลอดเวลาเลยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะประธานฉี” บนใบหน้าของเวินจิ้งไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา
ไม่นานมู่วี่สิงก็ขึ้นมาถึงแล้ว นั่งลงข้างๆ เวินจิ้ง สีหน้าของฉินเฟยมืดลงไปทันที
“สงสัยประธานมู่กับเวินจิ้งจะรักกันมากเลยนะ” ฉินเฟยพูดอย่างแปลกประหลาด
“แน่นอนอยู่แล้ว เวินจิ้งคือภรรยาของผม” มู่วี่สิงกอดเธอไว้ท่าทางสนิทกันมาก
ก่อนหน้าก็ได้สั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าทีแรกมีแต่ของเวินจิ้งกับฉีเซินสองคนเอง ซึ่งตอนนี้อาหารที่สั่งมาไม่พอมาก
มู่วี่สิงสั่งอาหารเพิ่ม ฉินเฟยพูดอย่างอารมณ์เสีย “เวินจิ้งบอกแล้วว่าข้าวมื้อนี้จะไม่เลี้ยงฉันประธานมู่ คุณว่าข้าวมื้อนี้ฉันควรกินหรือไม่กินดี”
มู่วี่สิงพูดอย่างเฉยชา “งั้นก็ไม่ต้องกินแล้ว ผมฟังคุณนายมู่”
เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เห็นท่าทางเสียหน้าของฉินเฟยพึงพอใจอย่างยิ่ง
ฉีเซินขมวดคิ้ว “ข้าวมื้อนี้จะให้เวินจิ้งเลี้ยงได้ไง ผมเลี้ยงเอง”
“ไม่ได้ คุยกันไว้แล้วว่าฉันจะเลี้ยงคุณเอง” เวินจิ้งมองฉีเซิน
ครั้งนี้ไม่เลี้ยง คราวหน้าฉีเซินก็จะหาเหตุผลไปทันข้าวกับเธออีกแล้ว
เธอไม่อยากมีความเกี่ยวข้องกับเขามากกว่านี้อีกแล้ว
“ผมชำระเรียบร้อยแล้ว คราวก่อนขอบคุณประธานฉีที่ช่วยภรรยาผมไว้” มู่วี่สิงสีหน้านิ่งเฉย
เวินจิ้งนึกไม่ถึงเลย แต่บัตรเงินเดือนของเธออยู่ที่มู่วี่สิงตลอดเวลา เธอไปชำระเงิน บัตรที่ใช้ก็เป็นของมู่วี่สิงอยู่ดี
“เวินจิ้งเจออันตราย จะให้ผมไม่สนใจก็เป็นไปไม่ได้” ฉีเซินพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
“เธอคือภรรยาของผม ผมจะปกป้องเธอเอง” แววตาของมู่วี่สิงเยือกเย็นกว่าเดิม
ฉีเซินเม้มปาก “ถ้าเป็นแบบนี้ก็ดี ไม่อย่างนั้น ผมเป็นห่วงจริงๆ เลยนะ”
สีหน้าของฉินเฟยซีดลงตั้งนานแล้ว ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าฉีเซินชอบเวินจิ้ง แต่ไม่คิดเลยว่าจะตรงๆ แบบนี้ต่อหน้ามู่วี่สิง แล้วเอาเธอไปไว้ที่ไหนแล้วอ่ะ
ข้าวมื้อเดียวเธอกินจนรู้สึกทุเรศมาก มีผู้ชายสองคนอยู่ ก็ไม่แปลกที่จะคุยถึงเรื่องธุรกิจ บางครั้งมู่วี่สิงกับเวินจิ้งยังจะโชว์หวานอย่างไม่ทันให้คนได้ตั้งตัว ส่วนฉินเฟยกับฉีเซินกลับเหมือนกับคนไม่รู้จักกันอย่างนั้น ถึงฉินเฟยจะเข้าหาเขา แต่ฉีเซินก็ไม่โต้ตอบกลับ
เวินจิ้งแค่อยากจะรีบให้มื้อเย็นที่อึดอัดนี้จบลง ในระหว่างนั้นเธอได้ไปเข้าห้องน้ำ พอออกมาก็ถูกฉินเฟยดักไว้
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ดูฉินเฟยที่แต่งหน้าสวยงาม “มีเรื่องอะไร”
“เวินจิ้ง ทำไมเธอโผล่ออกมาหน้าฉันมาทุกที่ทุกเวลาเลยอ่ะ” สีหน้าของฉินเฟยเยือกเย็นมาก
“โทษทีนะ ฉันก็ไม่อยากเจอเธอเหมือนกัน” เวินจิ้งสีหน้าเฉยชา
“ฉีเซินชอบเธอ เธอคงดีใจมากเลยนะ” ฉินเฟยเอามือกอดอก น้ำเสียงเย่อหยิ่ง
“เขาจะชอบหรือไม่ชอบฉันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันแต่งงานแล้ว” เวินจิ้งพูดเสียงต่ำ
“ฉันว่าเธอคงไม่รู้ตัวว่าเธอแต่งงานแล้ว เธออ่อยคู่หมั้นของฉัน ยังไปยุ่งกับฉืออี้เหิงไม่เลิกอีก เวินจิ้ง เดี๋ยวนี้เธอแรดจังเลย” น้ำเสียงของฉินเฟยไม่ไว้หน้าเลย
ก็เธอหมั่นไส้ผู้ชายรอบข้างล้วนชอบเวินจิ้งไปหมด เธอมีอะไรดี
เธอคิดว่าทั้งหน้าตาและฐานะของตัวเองไม่แพ้เวินจิ้งสักอย่าง
“ฉินเฟย เธอมีอคติต่อฉัน ก็เลยคิดว่าฉันทำอะไรก็แรดไปหมด” เวินจิ้งคุยอย่างใจเย็น “ฉันรู้ตัวว่าฉันแต่งงานแล้ว แล้วเธอล่ะ เหยียบเรือสองลำ ฉินเฟย เธอมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน”
หน้าฉินเฟยซีดลงทันที “เธอพูดมั่วอะไรอ่ะ!”
เวินจิ้งยิ้มออกและกดมือถือ คราวก่อนเธอได้ถ่ายรูปของฉินเฟยกับฉืออี้เหิงจับมือกันลงมาแล้ว
นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีประโยชน์สักวันจริงๆ
“ฉันไม่ได้พูดมั่วนิ หลักฐานจะพิสูจน์เอง หรือว่า เธออยากให้ฉันบอกฉีเซินตอนนี้เลย”
ฉินเฟยอึ้งจนลืมตาโตเลย ยื่นมือออกทันทีอยากจะแย่งมือถือของเวินจิ้งมา เวินจิ้งถอยไปข้างหลังอย่างว่องไว ฉินเฟยทั้งคนก็ชนไปที่ผนังอย่างไม่ทันตั้งตัว
เวินจิ้งขมวดคิ้วอยากจะดึงฉินเฟย แต่เธอชนเข้าไปแล้ว เลือดไหลลงมาจากหน้าผากไม่หยุด
“ฉินเฟย!” เวินจิ้งนั่งยองลงมาและรีบโทรเบอร์ฉุกเฉิน
มู่วี่สิงรออยู่ข้างนอกนานมาก มาหาตั้งนานแล้ว เมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของเวินจิ้งก็กอดเธอเข้ามาในอ้อมแขนทันที
“เกิดอะไรขึ้น”
“ฉินเฟยไปชนโดนผนัง…”
เมื่อกี้เธอเห็นมีเลือดเยอะมากจนกระเทือนจิตใจ
แต่ว่า เธอก็สมน้ำหน้าแล้ว
“เธอทำอะไรให้คุณ” มู่วี่สิงถามอย่างใจเย็น
“เธออยากแย่งมือถือฉัน ฉันหลบได้…เธอก็ชนเข้าไปเองแล้ว”
“เธอน่าสมเพชเองคุณนายมู่ ไม่ต้องกลัวนะ”