Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 239
บทที่ 239 อยู่ให้ห่างจากฉัน
เหมือนว่าเวินจิ้งจะทำอาหารทุกคืน แต่วันนี้เมื่อมู่วี่สิงกลับมาถึง ในบ้านว่างเปล่า
มองไปรอบๆ กลับไม่มีร่างของเวินจิ้ง
โทรหาเวินจิ้ง มือถือกลับปิดเครื่อง!
สีหน้าตึงขึ้นมา เขาสั่งเกาเชียน “ภายในหนึ่งชั่วโมง ฉันต้องรู้ว่าภรรยาฉันอยู่ที่ไหน”
ห้างสรรพสินค้า เวินจิ้งเพียงแค่ต้องการออกมาเดินเล่น
เธอไม่อยากไปสงสัยมู่วี่สิง แต่ความจริงบางอย่างทำให้เธอต้องเดาอย่างช่วยไม่ได้
นั่งอยู่ในบาร์ร้านหนึ่งที่เงียบสงบ ดึกแล้ว และมีนักร้องอยู่บนเวที
เวนจิ้งสั่งไวน์มาหนึ่งแก้ว แต่วินาทีถัดมา มีเสียงที่คุ้นเคยดังมา
“เปลี่ยนเครื่องดื่มให้เธอ เป็นลองไอส์แลนด์ชาน้ำแข็ง”
เวินฉีนั่งลงตรงหน้าเธอ ยกริมฝีปากขึ้นพูด “มาที่นี่ก็ต้องดื่มเหล้า”
“ฉันก็สั่งเหล้า” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“มีเรื่องให้กวนใจ ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จะสบายกว่านี้เยอะ”
เวินจิ้งเงียบ ความจริงเธอก็อยาก ใช้แอลกอฮอล์ให้ตัวเองเมา
แบบนี้ จึงจะสามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร
“เธอวางใจได้ ถ้าหากเมา ฉันส่งเธอกลับเอง ปลอดภัยแน่นอน”
“นายคิดว่าฉันจะเชื่อนาย?” เวินจิ้งพูดเสียงเย็น
สำหรับฉีเซิน การป้องกันของเธอไม่เคยลดลง
ไม่ว่าจะรู้ว่าเขาเป็นคนในครอบครัว แต่ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“เธอไม่เชื่อฉัน แล้วเธอเชื่อมู่วี่สิงงั้นเหรอ?” ฉีเซินพูดเฉียบ
สีหน้าของเวินจิ้งเปลี่ยนไป
“คนที่สามารถมีผลกระทบต่อความรู้สึกเธอตอนนี้ ก็มีแต่เขาแล้ว บอกฉัน ว่าเกิดอะไรขึ้น?” ฉีเซินถามด้วยความเป็นห่วง
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ไม่พูดตั้งนาน
“สิ่งที่ฉันพูด มันถูกต้อง”
“เธอยังจะเชื่อใจเขา? ฉินเฟยออกจากคุกแล้ว อีกอย่างช่วงนี้มู่วี่สิงกับฉินเฟยใกล้ชิดกันมาก” ฉีเซินกล่าวเงียบๆ
“ฉีเซิน งั้นนายลองบอกฉันมา ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม?”
“สาเหตุที่แท้จริงฉันไม่รู้”
“ฉันหวังดีกับเธอ เวินจิ้ง เขาขอเธอแต่งงานก็ไม่บริสุทธิ์ใจตั้งแต่แรก บางที อาจรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอแล้ว จึงแต่งงานกับเธอ”
เวินจิ้งจับเล็กมือแน่น ช่วงเวลานี้ เธอก็เคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้
แต่การเผชิญหน้ากับมู่วี่สิง เธอเชื่อเขาโดยจิตใต้สำนึก
เขาไม่ใช่คนแบบนั้น
แต่ตอนแรกที่เขาจู่โจมขอเธอแต่งงาน มันแปลกเกินไปจริงๆ
ตระกูลมู่เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง แต่เธอและเขามีฐานะแตกต่างกัน ทำไมเขาถึง…แต่งงานกับเธอ?
“ฉันต้องกลับไปแล้ว” เวินจิ้งไม่ได้ดื่มเหล้า
แต่หากเมา เธอกลัวฉีเซิน
“อยู่กับฉันก่อน” ฉีเซินดึงเธอไว้
เวินจิ้งขมวดคิ้ว สายตขัดขืนเล็กน้อย
“เธอเป็นพี่สาวของฉัน เป็นคนในครอบครัว เวินจิ้ง เธอจำเป็นต้องเชื่อฉัน” น้ำเสียงบังคับของฉีเซิน
เวินจิ้งเม้มปาก มองผู้ชายตรงหน้า คำว่าคนในครอบครัว สำหรับเวินจิ้งแล้วเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคย
“ฉีเซิน นายพอได้แล้ว” เวินจิ้งผลักเขาออกอย่างเย็นชา
เมื่อเธอออกจากบาร์ ฉีเซินยังคงเดินตาม “ฉันส่งเธอกลับ”
“ไม่จำเป็น”
“มู่วี่สิงทำร้ายเธอ?”
“ไม่ได้ทำ นายอย่าพูดเรื่อยเปื่อย นายอยู่ให้ห่างจากฉัน!” เวินจิ้งมองเขาอย่างโกรธ
ตอนนี้เธอแค่อยากอยู่เงียบๆคนเดียว
ฉีเซินเม้มริมฝีปากบาง ฉีเซินยังคงเดินอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากด้านหลังของเวินจิ้ง
สำหรับความรู้สึกของเธอ เขาค่อยๆจางหายไป แค่เพียงบางครั้ง ก็ทะลุความทะเยอทะยานของตัวเอง เมื่อเผยออกไปก็ดึงกลับไม่ได้
เวินจื้งไม่รู้จะไปไหน ขึ้นรถแท็กซี่ เธอมาคิดๆ เลยกลับไปที่ถนนอันหนิง
แม้ว่าคุณแม่จะย้ายออกไปแล้ว แต่ที่นั่น เป็นบ้านของเธอเสมอ
เดินเข้าไปซอยบ้านเก่า กลับถึงบ้าน แม้ไม่ได้เปิดไฟ แต่เวินจิ้งรู้สึกได้ ว่าข้างในมีคน!
เธอหยุดชะงัก ยืนอยู่ตรงประตู “ใคร?”
ถ้าหากเป็นขโมย ทำไมถึงเงียบแบบนี้?
“คุณหญิงมู่” น้ำเสียงแหบต่ำดังมา เวินจิ้งกลั้นหายใจ และรู้สึกกลัว
มู่วี่สิงเข้ามาได้ยังไง?
กุญแจร่วงลงมาจากมือ เวินจิ้งรีบเปิดไฟ
บนโซฟา ผู้ชายใบหน้าหล่อเหลาด้วยเสื้อสีขาวกับกางเกงสีดำนั่งอยู่บนโซฟาแคบๆ
ความน่ากลัวแผ่ซ่านทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้
เขากำลังโกรธ
เวินจิ้งปิดประตู นานกว่าจะพูดออกมา “คุณเข้ามาได้ยังไง?”
“ก่อนหน้านี้แม่เอากุญแจให้ฉัน”
“ออ” เวินจิ้งถอนหายใจ
แต่เมื่อเห็นมู่วี่สิง เธอไม่สามารถสงบลงได้
“ทำไมปิดเครื่อง”
“แบตหมด”
ในที่สุดเวินจิ้งก็ยืนอยู่ห่างจากเขาไปหนึ่งเมตร ไม่ได้เข้าใกล้
มู่วี่สิงสายตาเผยความเย็นชา ขายาวก้าวเข้ามา เวินจิ้งถูกเขาต้อนจนมุม
เธอดันเขาไว้
“มู่วี่สิง” สายตาขัดขืนของเธอเขามองชัดเจนดี
คางถูกเขาเชยขึ้นมา เวินจิ้งดิ้นรนผลักเขาออก
“คุณ…อยู่ห่างจากฉันหน่อย” เธอพูดด้วยความโกรธ
คำพูดนี้ ได้จุดประกายความโกรธของมู่วี่สิงอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาจับไหล่ของเธอไว้ เวินจิ้งขยับไม่ได้เลย
ดวงตาของมู่วี่สิงน่ากลัวมาก
เวินจิ้งใจเต้นรัว แค่อยากออกไปจากเขา!
“คุณหญิงมู่ เธอพูดอีกครั้ง?” ผู้ชายเสียงเยือกเย็นอันตราย
“คุณไปให้ไกลจากฉันหน่อย!”
สิ้นสุดเสียง ริมฝีปากถูกปิดสนิท จูบของมู่วี่สิงรุนแรงเหมือนพายุ เวินจิ้งไม่ใช่คู่แข่งของเขา
ลมหายใจมีกลิ่นอายที่คุ้นเคย
แต่ตอนนี้เธอกลับอยากหนีไป
เธอเตะขาของเขาอย่างแรง ใช้โอกาสที่มู่วี่สิงไม่ทันตั้งตัว และตบหน้าเขาไปหนึ่งที
สีหน้าของเวินจิ้งขาวซีด กลั้นหายใจ ผลักเขาออกแล้ววิ่งออกไป
มู่วี่สิงเร็วกว่าจับเธอไว้ทัน กักไว้ในอ้อมแขน เขากดศีรษะของเธอไว้ “บอกฉัน ว่าเพราะอะไร?”
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นสบตากับมู่วี่สิง เผยให้เห็นแววตาที่ผิดหวังของเธอ เธอถามเขาไปทีละคำ “คุณกับฉินเฟยเป็นอะไรกัน?”
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปากบาง ไม่ได้ตอบอะไร
หัวใจของเวินจิ้งทรุดลงมา
เธอยังคาดหวังอะไร?
เธอยังต้องการคำอธิบาย แต่ความจริงคือ ไม่มีอะไรเลย
เขาหลอกลวงเธอมาตลอด
“มู่วี่สิง คุณออกไป”
เวินจิ้งไม่เคยโกรธแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะ ผู้ชายตรงหน้าที่เธอเชื่อเขามาโดยตลอด
มู่วี่สิงกดไหล่ของเธอไว้ สายตาเย็นชาเผยออกมา “กลับบ้านกับฉัน”
“ฉันไม่กลับ”
“ช่วยไม่ได้ คุณหญิงมู่ อย่ามาดื้อกับฉัน” มู่วี่สิงหรี่สายตา จับข้อมือของเธอแล้วพาเธอไป
“ฉันไม่ได้ดื้อ มู่วี่สิง คุณหลอกฉันมาตลอด ทำไมคุณต้องช่วยฉินเฟยให้พ้นโทษ ทำไม?”
ยังไงมู่สิงก็ไม่ตอบ แล้วพาเธอออกไป หน้าบันได ฉีเซินก็ยืนอยู่ตรงนั้น
เมื่อกี้เขาก็ตามเวินจิ้งมา เมื่อเห็นเธอถูกมู่วี่สิงลากอยู่ ความเย็นชาในดวงตาก็เผยขึ้นมา
“มู่วี่สิง ปล่อยเวินจิ้ง” ฉีเซินขวางเขาไว้
เขาไม่อยู่ในสายตาของมู่วี่สิงอยู่แล้ว โอบเวินจิ้งแล้วเดินไป
แต่ครั้งนี้ เวินจิ้งกลับเอื้อมมือไปหาฉีเซิน
เธอมองมู่วี่สิงด้วยสายตาเย็นชา “ฉันไม่มีทางกลับไป คุณอย่าบังคับฉัน”
บังคับ?
ใบหน้าของมู่วี่สิงช่างเย็นชา ดวงตาเหยี่ยวมองลงไปมือของคนทั้งสองนั้นจับมือกันอยู่
“คุณหญิงมู่ เธอกำลังทำอะไรอยู่?”