Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 288
บทที่ 288 เขาเพียบพร้อมพอที่จะคู่ควรผม
ไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างแต่ละคนจะคิดยังไง มู่ซือซือดูถูกเหยียดหยาม เวินจิ้งหันหลัง เดินออกจากงานเลี้ยง
เพียงแต่มู่ซือซือมีหรือจะปล่อยเธอไป ผลักรถเข็นแล้วไล่ตามเธอไป
“เวินจิ้งสารเลวหยุดนะ!” เธอคว้าขวดเหล้าปาใส่เวินจิ้ง
เวินจิ้งเม้มปาก เท้าหยุดชะงัก เห็นขวดเหล้าที่กำลังลอยมาหาเธอ เธอไม่ลุกลี้ลุกลนแม้แต่น้อย ถอยหลังหนึ่งก้าว เห็นขวดเหล้าปลิวมาหาเธอ ขวดเหล้าผ่านไหล่เธอไปอย่างหวุดหวิดแตกกระจายลงพื้น
“มู่ซือซือ” ส้งวี่ไล่ตามมาอย่างตกใจ
“เธอบ้าพอยัง อย่าทำให้ตระกูลมู่เสียหน้า” เวินจิ้งพูดน้ำเสียงเย็นชา
“เธอต่างหากทำให้ตระกูลมู่เราขายหน้า มีพี่ชายฉันยังไม่พอใจหรอ? ถึงได้ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวขนาดนี้
ทันใดนั้น เสียงกระซิบรอบตัวค่อยๆดังขึ้น พี่ชายของมู่ซือซือก็คือมู่วี่สิง คนๆนี้มีคนรู้จักไม่น้อยเลย
แต่สำหรับเวินจิ้ง เมื่อกี้หลินเวยแนะนำ เธอคือคุณหนูของตระกูลหลิน งานแต่งของเวินจิ้งกับมู่วี่สิงเมื่อครึ่งเดือนที่แล้วก็ไม่ได้น้อยหน้า มีคนรู้จักพอสมควร
แต่เมื่อกี้เวินจิ้งกับหลิงอี้กอดเต้นรำกัน กลับมีเสียงที่ไม่พอใจอยู่ไม่น้อย
“ที่แท้เป็นคุณหญิงมู่หรอเนี่ย แต่เมื่อสักครู่เธอกับหลิงอี้อยู่ใกล้ชิดกันมากเลยนะ”
“ก็ใช่สิ ดูท่าน่าจะหาความสุขเล็กๆน้อยๆลับหลังมู่วี่สิง”
“……”
“ซือซือ นี่มันอะไรกัน?” ในฐานะที่เป็นเจ้าของงาน หลินเหยาดูการทะเลาะวิวาทที่อยู่ตรงหน้า พลางขมวดคิ้ว
“เหยาเหยา ผู้หญิงคนนี้แหละที่คลานขึ้นบนเตียงพี่ชายฉัน ตอนนี้ก็มายั่วพี่ชายเธอ”
“มู่ซือซือ เธอนี่ช่างสร้างเรื่องได้เก่งจริงๆเลยนะ” เวินจิ้งพูดอย่างเสียงนิ่ง
เธอกับหลิงอี้บริสุทธิ์ใจ
“ฉันพูดผิดหรอ?” มู่ซือซือมองหน้าเธอแบบหน้าตาใสซื่อ
หลิงเหยามองไปที่พี่ชาย เขาเงียบขรึมไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
แต่เวินจิ้งเป็นคนของตระกูลหลิน แน่นอนเธอไม่สามารถไล่เขาออกจากงานนี้ได้
“เธอพูดผิดแล้ว ฉันไม่เคยยั่วหลิงอี้ ที่นี่มีกล้องวงจรเธอสามารถไปเปิดดูได้ ฉันเลี่ยงเขาตลอด แต่เขากลับไม่ลดละตามมาบังคับฉัน”
“เธออย่าพูดเหลวไหล คุณหลิงมีหรือจะมาชอบคนที่มีสามีอย่างเธอ หน้าไม่อาย”
“นั่นสิ ไม่ดูสารรูปตัวเอง หล่อนคู่ควรกับคุณหลิงหรอ?”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบข้างกำลังด่าว่าเวินจิ้ง
ทันใดนั้น มีร่างที่สูงใหญ่เดินเข้ามาจากข้างนอก ทุกคนหลบหลีกทางให้
“เวินจิ้งคู่ควรกับหลิงอี้หรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ในเมื่อเธอเป็นคุณหญิงมู่ เธอเพียบพร้อมพอที่จะคู่ควรกับผม” เสียงมู่วี่สิงแว่วมา เวินจิ้งเงยหน้า เห็นผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีดำ หน้าตาหล่อเหล่า กำลังเดินมาจากที่ไกลๆ
โอบเอวของเวินจิ้งไว้ เขากับเธอยืนท่ามกลางฝูงชน นัยน์ตาคมชัดสีดำ
“พี่ พี่ยังจะปกป้องเธออีก เมื่อกี้ฉันเห็นหมดแล้ว คนที่นี่ทุกคนก็เห็น
เธอกับหลิงอี้สนิทสนมกันมาก” มู่ซือซือตอบอย่างบ้าคลั่ง
“ใช่หรอ? จากที่พี่เห็นการเต้นรำก็คือมารยาทอย่างหนึ่งของการต้อนรับแขก พี่ไม่รู้สึกว่าคุณหญิงมู่เต้นรำกับหลิงอี้ ก็ไม่ได้ลำเอียงนะ แต่ว่าผมต้องสืบสาเอาเรื่อง ดูเหมือนคุณหลิงจะบังคับภรรยาผมนะครับ” สายตาเยือกเย็นของมู่วี่สิงมองไปที่หลิงอี้ สีหน้าหลิงอี้ไม่สะทกสะท้านนิ่งสงบ ยกริมฝีปากขึ้น เขาพูดว่า “ผมยอมรับผมชื่นชมคุณหนูเวินมาตลอด เธอเต้นรำไม่เป็น ผมแค่แนะนำเท่านั้น”
“คุณว่างั้นไหมครับ คุณหนูเวิน” หลิงอี้หรี่ตา
อยู่ที่ ประเทศB ยังไงก็เป็นถิ่นของตระกูลหลิง
เวินจิ้งก็ไม่อยากมีเรื่อง ยิ่งมู่ซือซือก็อยู่ที่นี่ เธอก็ไม่อยากให้กระทบกระเทือนเขา
“ฉันเหนื่อยแล้ว กลับกันเถอะ” เธอมองไปที่มู่วี่สิง
“อืม”
มู่วี่สิงมองส้งวี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังมู่ซือซือ “พา คุณหนูมู่กลับไป” น้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่ส้งวี่ฟังออกว่าเขาโกรธ
“ซือซือ เธออย่าหาเรื่องเลย” ส้งวี่ปวดหัว
ทำไมบังเอิญขนาดนี้ พอดีเวินจิ้งกับมู่วี่สิงก็อยู่ประเทศBด้วย ถ้ารู้แต่แรก เขาจะไม่ยอมให้มู่ซือซือมาแน่นอน “ฉันเปล่านะ ฉันแค่หมั่นไส้ผู้หญิงคนนั้น เธอไม่เห็นหรือไงใกล้ชิดหลิงอี้ขนาดนี้?”
“เขากับหลิงอี้ไม่มีอะไรกัน” ส้งวี่ชักสีหน้า
เมื่อกี้เขาเห็นอย่างชัดเจน หลิงอี้บังคับและฝืนใจเธอชัดๆ
“ทำไมแม้แต่คุณก็เข้าข้างผู้หญิงคนนี้ คุณออกไปเลย ตอนนี้ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ” มู่ซือซือโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
หลิงเหยารีบปลอบใจเธอ “ซือซืออย่าโมโหเลย นี่ก็ดึกมากแล้ว คืนนี้เธอก็นอนที่บ้าน
หลิงแล้วกัน”
“ได้ แต่ว่าเมื่อกี้ขอโทษด้วยนะ เหยาเหยา ดูเหมือนฉันจะก่อเรื่องขึ้นแล้ว” มู่ซือซือรู้สึกผิด
เธอก็ไม่อยาก แต่พอได้เห็นเวินจิ้งจึงควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่
“ดูเหมือนเธอมีอคติกับเวินจิ้งมาก” หลิงเหยาถามอย่างสงสัย
“ฉันเกลียดเขา”
……
ตลอดทางที่ออกจากงานเลี้ยง เวินจิ้งใส่รองเท้าส้นสูงรู้สึกเหนื่อยมาก ก้มลงถอดรองเท้าออก
มู่วี่สิงรับรองเท้าเธอมา จับมือที่หนาวเย็นของเธอไว้
เขารู้ว่า เมื่อกี้เธอกลัวมาก
มู่ซือซือครั้งหนึ่งเคยเกือบทำเธอตาย เรื่องนั้นเธอยังจำได้จนฝังใจ
เธอพิงไปที่อ้อมกอดของมู่วี่สิง กอดเขาไว้แน่น
“คุณเชื่อฉัน?” เธอกระซิบ
เมื่อกี้ทุกคนล้วนต่อว่าเธอ แต่มู่วี่สิงเดินเข้ามา เขาเชื่อเธอเสมอมา
“ผมบอกแล้ว ผมเชื่อคุณหญิงมู่ เรื่องของมู่ซือซือ ผมขอโทษด้วย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง
“วันนี้อารมณ์ของเขารู้สึกจะควบคุมได้ดีกว่าเก่า อย่างน้อยก็ไม่ได้บ้าคลั่งเหมือนเมื่อคราวที่แล้ว”
เวินจิ้งมองเขา เธอไม่ห่วงตัวเอง ที่เป็นห่วงก็คือมู่ซือซือ อาการกำเริบตอนอยู่ในงาน ก่อเรื่องวุ่นวายที่ยากจะแก้ไข
“อืม ส้งวี่บอกกับผมแล้ว เขารู้สึกว่าอาการของเธอดีขึ้น ถึงกล้าพามางานเลี้ยง”
“แต่ว่าคุณกับหลิงอี้เต้นรำกันผมก็หึงนะ” มู่วี่สิงพูดเสียงต่ำลง
ถึงจะรู้ว่าเวินจิ้งไม่ได้เต็มใจ แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ
“อึ่ม คุณก็รู้ว่าฉันเต้นรำไม่เป็น ไม่รู้ว่าเหยียบเท้าเขาไปกี่รอบ อย่าใช้คำว่าเต้นรำเลย สำหรับหลิงอี้แล้วพูดได้ว่าเป็นการทรมานมากกว่า”
“ใช่หรอ?”
ความโกรธของมู่วี่สิงก็ยังไม่ลดลงสักนิด
“ใช่…”
เวินจิ้งก้มหน้า ยังไม่ทันตั้งตัว ร่างที่บอบบางของเธอถูกเขาผลักไปที่กำแพง ร่างสูงใหญ่ของเขาเข้ามาใกล้ จูบลงอย่างบ้าคลั่งเอาแต่ใจ
เวินจิ้งขัดขืน เสียงแรงเปล่าไม่ได้ผล ได้แต่จมอยู่อย่างนั้น
ในสายตาคนอื่นมู่วี่สิงเป็นคนสุภาพเรียบร้อย แต่ด้านนี้เป็นคนแข็งกร้าวเกินขอบเขตระเบียงที่อยู่ตรงข้าม ฉากกั้นห้องกั้นอยู่ สามารถมองเห็นภาพนี้ได้อย่างชัดเจน
หลิงอี้คีบบุหรี่อยู่ รอบตัวเต็มไปด้วยควันบุหรี่
แต่เวินจิ้งกับมู่วี่สิงกำลังทำอะไรอยู่ หลิงอี้มองเห็นชัดเจน
แววตาที่เยือกเย็นค่อยๆแพร่กระจาย
หลิงเหยาผลักประตูเข้ามา ก็เห็นภาพที่เร่าร้อนนั่นเหมือนกัน
“พี่ พี่คงไม่ใช่ชอบเวินจิ้งนะ?” หลินเหยาขมวดคิ้ว
“อืม” หลิงอี้ไม่ได้ปฏิเสธ
“อย่าบ้าหน่า เขาคือคุณหญิงมู่”
“วันนี้เธอก็เห็นปฏิกิริยาของมู่ซือซือแล้ว เวินจิ้งอยู่ตระกูลมู่ได้ไม่นานหรอก” หลิงอี้พูดอย่างมั่นใจ
“สาเหตุ”
หลิงอี้ยิ้ม “เหตุผลก็คือ นอกจากเขาแล้วฉันก็ไม่เอาคนอื่น”
“พี่คิดว่าแม่จะเห็นด้วยหรอหรอ?”
“เห็นด้วย เขาเหมาะที่จะเป็นคุณหญิงหลิง มากกว่าใคร”