Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 329
ตอนที่ 329 ป่วยเป็นโรคขาดคุณไม่ได้
มู่วี่สิงคิดจะตามใจมู่ซือซือ แต่ก็รู้ดี ว่าความจริแล้วมู่ซือซือต่อต้านการอยู่โรงพยาบาล
แต่ตอนนี้เธอกลับขอร้องที่จะอยู่
“มู่ซือซือ บอกเหตุผลฉันมา” เขาเริ่มวางสีหน้าเคร่งขรึม
ด้านข้าง ส้งวี่เริ่มขยับริมีปาก ช่วยพูดแทนมู่ซือซือ “วี่สิง เธอไม่อยากไปเจอกับมู่เฟิง”
มู่ซือซือเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร
หากกลับไปถึงตระกูลมู่ ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอกับมู่เฟิง
ที่สำคัญในตอนนี้ ผู้หญิงคนนั้นก็ย้ายเข้ามาอยู่แล้ว
มู่เฉิงกลับประเทศ C ไปแล้ว ยังเหลือแต่มู่เฟิงและมู่เหิง เธอจึงไม่อยากจะกลับไป
“ในตัวเมืองมีคอนโดอยู่หลายชุด เธอลองเลือกดูว่าจะไปอยู่ที่ไหน”
“ฉันจะอยู่ที่โรงพยาบาล” มู่ซือซือพูดเสียงแข็ง
“มู่ซือซือ!”
“ก็ได้ พี่ ฉันขอนอนอีกคืนหนึ่ง แค่คืนเดียว ฉันสัญญาว่าพรุ่งนี้จะย้ายไปอยู่ที่คอนโด” มู่ซือซือมองไปหาเขาอย่างยินดีทำตาม
มู่วี่สิงเม้มปาก ครู่หนึ่งจึงพยักหน้า
เวินจิ้งจัดการเรื่องทุกอย่างจนเรียบร้อย จนกระทั่งช่วบ่ายจึงจะสามารถกลับไปมหาวิทยาลัยได้
เมื่อออกจากโรงพยาบาล มู่วี่สิงยังจอดรถอยู่ด้านนอก
เธอขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจ
แต่มู่วี่สิงได้ขับรถตามไปข้างๆเธอ ไม่นาน เธอยังเดินไปไม่ทันถึงป้ายรถเมล์ ถนนทั้งสายก็ถูกขวางทางไว้
หากเป็นแบบนี้ เธอคงไม่สามารถจะรอรถเมล์ได้
หายใจเข้าลึกๆ เวินจิ้งหันกลับ แล้วเปิดประตูรถฝั่งคนนั่งอย่างเย็นชา “มู่วี่สิง คุณว่างมากใช่ไหม”
“ถ้าเวลาสำหรับไปส่งคุณก็มีนะ”
“ฉันไม่อยากนั่งรถของคุณ”
“งั้นคุณจะไปนั่งรถของใคร ฮื้ม” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฉันจะไปนั่งรถเมล์”
“คุณคิดว่าตอนนี้ คุณยังจะรอรถได้อีกเหรอ”
เวินจิ้ง………..
คุกคามกันชัดๆ!
ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยรู้สึกว่ามู่วี่สิงทำเกินไป!
ตอนนี้มีเสียงแตรดังขึ้นด้านหลัง คนขับรถคันหลังเริ่มไม่พอใจชะโงกหน้าออกมาต่อว่า เวินจิ้งขมวดคิ้ว แล้วขึ้นรถไป
“มู่วี่สิง คุณป่วยหรือไง!”
“อื้ม ป่วยเป็นโรคขาดคุณไม่ได้” มู่วี่สิงพูดไปและยิ้มอย่างพอใจ
หลังจากได้ยินแบบนั้น เวินจิ้งก็ตัวแข็งไปชั่วครู่่ มู่วี่สิงหมายความว่าอย่างไรกัน…..
“อย่าพูดอะไรเหลวไหล…..”
ทันใดนั้น รถเก๋งนั้นก็ได้เร่งความเร็ว เวินจิ้งแทบจะพุ่งไปด้านหน้า มู่วี่สิงจึงเอาแขนมากั้นเธอไว้
คิ้วของเขาเริ่มย่นเข้ามา เขามองไปยังกระจกมองหลัง ทันใดนั้นก็ทำตาโต
เขาเร่งความเร็วของรถ กระเพาะของเวินจิ้งเหมือนกำลังโต้คลื่นแม่น้ำฝ่าทะเล จับที่จับประตูไว้แน่น เธอมองออกไปด้านนอกเป็นถนนเส้นที่ไม่รู้จัก มันไม่ใช่ทางไปมหาวิทยาลัยหลินไห่
“มู่…..”
ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็เลี้ยวรถเข้าโค้งอย่างแรงอีกครั้ง เวินจิ้งเริ่มหน้าซีด ก่อนที่จะเห็นว่าตอนนี้ได้ขับขึ้นมาบนเขาแล้ว
ไม่นานมู่วี่สิงก็หยุดรถ เวินจิ้งผลักประตูรถออก ประคองประตูรถไว้แล้วอาเจียนออกมาจนหมด
“มู่วี่สิง คุณมาที่นี่ทำไม….” เธอเงยหน้า มองไปยังผู้ชายที่ลงมาจากรถ
เขายื่นกระดาษชำระพร้อมน้ำดื่มให้เธอ
“เมื่อกี้มีคนติดตามเรามา เพื่อจะทิ้งห่างเขาออกไป ก็มีแต่จะต้องมาที่นี่ก่อน” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“ใครตามคุณเหรอ”
มู่วี่สิงเม้มปาก “คนที่อยากให้ผมตาย”
คำพูดที่ผ่านออกมาจากปากของมู่วี่สิงนั้น ทำให้เวินจิ้งรู้สึกตัวสั่น
“คือใคร”
มู่วี่สิงไม่ได้ตอบอะไร เวินจิ้งก็ไม่ถามเซ้าซี้
เธอก็เพิ่งจะรู้ว่าทักษะการขับรถของมู่วี่สิงก็ใช้ได้เหมือนกัน
ผ่านมาตั้งหลายสิบโค้ง เขายังสามารถขับขึ้นเขามาได้ตลอดทาง
ยังมีอีกหลายอย่างในตัวผู้ชายคนนี้ที่เธอยังไม่เคยสัมผัส
“ยังอึดอัดอยู่ไหม” เมื่อเห็นสีหน้าของเวินจิ้งดดีขึ้นมานิดหน่อย คิ้วที่ขมวดอยู่ของเขาก็ค่อยๆคลายออก
เวินจิ้งส่ายหน้า “ดีขึ้นเยอะแล้ว ตอนนี้กลับกันได้หรือยัง”
แม้ว่าวันนี้เธอจะไม่ได้มีธุระอะไร แต่เธอก็ไม่อยากจะติดต่อกับมู่วี่สิงมาก
ผู้ชายคนนี้ ยิ่งสัมผัสใกล้ชิดมาก ก็ยิ่งทำให้หลงระเริง
มู่วี่สิงมองลงมาที่เธอ ในตามีความเย็นชาเล็กน้อย
“ถ้าผมบอกว่า ไม่ได้หละ”
เขาโอบไหล่ของเธอทันที เวินจิ้งได้มาอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“อะไร”
“ผมไม่อยากกลับ” มู่วี่สิงเริ่มทำหน้าหงอย
“แต่ ฉันต้องกลับไปมหาวิทยาลัย บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็มีเรื่องเยอะแยะไม่ใช่เหรอ” เวินจิ้งกล่าว
“คุณมักจะเป็นห่วงผมใช่ไหม” มู่วี่สิงยักคิ้ว
“มีที่ไหน”
“ช่วงนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปแย่มาก แย่มากจริงๆ ผมไม่ควรจะอยู่ที่นี่” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
เวินจิ้งได้แต่เงียบ เธอคิดขึ้นก่อนหน้านี้เคยได้ยินคำพูดของฉินเฟย ว่ามู่วี่สิงจะเอาตัวยาที่ขายดีที่สุดมอบให้กับเธอ
อยากจะพูดเรื่องนี้ออกไป แต่ก็อดกลั้นไว้ก่อน
พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ
เวลาค่อยๆผ่านไป ไม่มีใครพูดอะไร ที่นี่คือจุดกลางเขา ทำให้เกือบจะมองเห็นหนานเฉิงได้ทั้งเมือง พระอาทิตย์กำลังจะตกดินเป็นบรรยากาศที่ชวนให้คนหลงใหล
เวินจิ้งกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศนั้น แต่ความมืดของยามราตรีได้ใกล้เข้ามาแล้ว
จนกระทั่งท้องฟ้ามืดสนิท เป็นเวลาที่จะต้องกลับแล้ว
เข้าไปในรถ หันไปมองมู่วี่สิง เขาวางโทรศัพท์ไว้ในรถ ดังนั้นจึงต้องพลาดข้อมูลทั้งหมดที่เข้ามา
ในขณะที่เขาขับรถ เขาก็หยิบโทรศัพท์ยื่นให้กับเวินจิ้ง
“พิมพ์ตอบข้อความตามคำพูดผม”
“ฉันไม่ใช่เลขาคุณนะ” เวินจิ้งพูดไปแบบนี้ แต่ก็รับโทรศัพท์มา
อย่างไรก็ตาม เกือบจะทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวกับบริษัทมู่ซือกรุ๊ป เวินจิ้งยังรู้สึกลังเล “ไม่กลัวฉันมาล้วงความลับทางธุรกิจเหรอ”
“ผมเชื่อใจคุณ” คำพูดของมู่วี่สิงช่างดูร้อนแรงและอันตราย
เวินจิ้งฟังเขาพูดทีละประโยค จากนั้นก็พิมพ์คำพูดนั้นเข้าไปในข้อความ
จนกระทั่งถึงมหาวิทยาลัยหลินไห่ ข้อความทั้งหมดก็เพิ่งจะถูกตอบจนหมด
“กลับไปเถอะ”
เวินจิ้งพยักหน้า ก่อนลงจากรถ เธอได้หันกลับไปมองเขาอีกครั้ง
มู่วี่สิงกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างอีกด้าน จึงไม่ได้มองเธอ
เวินจิ้งรีบผลักประตูและลงจากรถ
หากไม่มีเรื่องอะไรอีก สองคนนั้นก็ไม่อาจจะได้พบกันอีกอย่างนั้นหรือ
แบบนี้ ก็ดี
สักพักใหญ่ มู่วี่สิงหันกลับไปมอง ก็พบว่าเวินจิ้งเดินออกไปไกลแล้ว
เวลานี้ เขาได้รับสายของส้งวี่
“วี่สิง ตระกูลส้งเกิดเรื่อง ฉันมีความจำเป็นต้องกลับไปคืนนี้”
ฟังจบ มู่วี่สิงขมวดคิ้ว พลางคิดว่าเกิดอะไรขึ้น
เขากำลังไปโรงพยาบาล
ส้งวี่กลับออกไปแล้ว มู่ซือซือนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง แม้ว่าพี่ชายเข้ามาก็ยังไม่เห็น
“เธอทำให้ส้งวี่ต้องไปเหรอ”
ฟังจบ มู่ซือซือก็หันหลับมา แต่ไม่ได้พูดอะไร
“ฉันไม่อยากจะอยู่กับเขาอีก” มู่ซือซือบ่น
ส้งวี่อยู่ข้างกายเธอก็เพราะความเกี่ยวข้องกับมู่วี่สิง เธอไม่ต้องกันให้เป็นแบบนี้ต่อไปอีก
“เขาเป็นหมอของเธอ”
“พี่ก็รู้ ว่าเขาเป็นแค่จิตแพทย์ ตอนนี้อาการป่วยทางจิตใจของฉันก็หายดีแล้ว” มู่ซือซือมองไปที่เขา “พี่ ฉันออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
…………
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปและบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปได้ทำสัญญาข้อตกลงร่วมกัน มูลค่าหุ้นของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปลดลง ครั้งนี้จึงเป็นอีกครั้งที่นำยาที่ขายดีที่สุดในมือขายส่งออกไป ทำให้มูลค่าหุ้นนั้นยิ่งลดลงไปอีก
มู่เฉิงต่อสายตรงมาจากต่างประเทศ “วี่สิง แกแน่ใจจริงๆหรือ”
ไม่ชมก็คงไม่ได้ มู่วี่สิงมีความกล้าหาญมาก
แต่ปู่ของเขากลัวมาก
“คุณปู่ ผมจะไม่ทำอะไรในสิ่งที่ผมไม่แน่ใจ” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นลุ่มลึก
“มู่เหิงได้ไปสมคบคิดต่อรองเป็นการส่วนตัวกับผู้ถือหุ้นจำนวนมาก สัปดาห์หน้าจะมีการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น ก็เป็นเวลาที่เขาจะใช้อำนาจ หุ้นทั้งหมดในมือของปู่ก็อยู่ที่แกหมดแล้วนะ”
มู่วี่สิงเงียบไป ก่อนหน้านี้เขามักจะปฏิเสธไม่ยอมรับหุ้นที่มู่เฉิงจะโอนให้เขา
แต่เมื่อสัปดาห์ก่อน มู่เฉิงกลับตัดสินใจทำสิ่งนี้ด้วยตนเอง