Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 342
บทที่342 ติวเป็นพิเศษ
บนเวที มีนักเรียนไม่น้อยล้อมรอบมู่วี่สิง เวินจิ้งเก็บของ รอมู่วี่สิง
ในเวลานั้น ไม่รู้ว่าหลิงเหยาวิ่งมาตอนไหน โผล่หัวออกมาครึ่งหนึ่งมาหน้าต่าง
“เวินจิ้ง มู่วี่สิงสอนเป็นยังไงบ้าง? ”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าจะอธิบายออกไม่เป็นคำพูดว่าอะไร
ทำได้เพียงพูดออกมาสามคำ “ดีมากๆ ”
หลิงเหยาหัวเราะ “มู่วี่สิงเป็นศาสตราจารย์ที่เลเวลสูงที่สุดเลยนะ ดีอย่างแน่นอน! ฉันหมายความว่าเมื่อกี้พวกคุณได้สบตาส่งสายตาให้กันไหม เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกคุณ……”
เวินจิ้งรีบพูดตัดคำพูดที่หลิงเหยาจะพูดต่อ “พวกเราไม่มีความสัมพันธ์ ไม่มีความสัมพันธ์! ”
“ฉันไม่เชื่อ ฉันเห็นเมื่อกี้คุณยืนอยู่ด้านหลัง ถูกทำโทษแล้ว? ทำไมถึงมีคุณที่ถูกทำโทษคนเดียว มู่วี่สิงสนใจคุณ? ”
เวินจิ้ง : ……
“ฉันสติหลุดน่ะ……”
“เวินจิ้ง ตามผมมา”
ในเวลานั้น น้ำเสียงที่เข้มงวดของมู่วี่สิงก็ดังขึ้นมาจากไม่ไกลมากหนัก
เวินจิ้งถือกระเป๋าตามไป
หลิงเหยามองด้านหลังของทั้งสองคน ส่ายหัวอย่างจนปัญญา พี่ชาย โอกาสของพี่น้อยลงไปอีกแล้ว……
รูปร่างสูงยาวของมู่วี่สิง เดินอยู่ด้านหน้า เวินจิ้งรักษาระยะห่างกับเขาเดินตามอยู่ด้านหลังเขา
แต่ไม่รู้ว่าเขาหยุดก้าวเท้าตั้งแต่ตอนไหน เวินจิ้งไม่ได้ระวัง เดินชนเข้าไปที่ด้านหลังของเขา
มู่วี่สิงยื่นมือออกมา ลูบศีรษะของเวินจิ้งอย่างอ่อนโยน “เจ็บไหม? ”
น้ำเสียงของเขาเหมือนแต่ก่อน
เวินจิ้งตกตะลึงเล็กน้อย ดึงสติกลับมาได้รีบส่ายหัวทันที ถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่างกับเขาเอาไว้ “ไม่เจ็บ ”
เพิ่งพบว่าเดินมาถึงที่ห้องทำงานแล้ว
“ทำไมถึงไม่ต้องใจ? ” มู่วี่สิงหรี่ตา
ตอนเรียนก็เหมือนกัน เมื่อกี้……ก็เหมือนกัน
“เพราะว่าผม หือ? ”
“ไม่ใช่แน่นอน เป็นเพราะว่าเมื่อคืนฉันนอนไม่เต็มที่ ” เวินจิ้งเลื่อนสายตาหนี
เธอพูดโกหกไม่ค่อยเป็น เมื่อพูดโกหกแก้มก็จะแดง
ในตอนนี้ มู่วี่สิงอยู่กับเธอเวลาไม่น้อย รู้โดยอัตโนมัติ
“เหรอ? ผมเห็นว่าวันนี้คุณมีชีวิตชีวาดีนะ ” มู่วี่สิงถามเธอ
“ไม่ใช่นะ ”
“คุณจะตำหนิฉันใช่ไหม? ” เวินจิ้งมองมู่วี่สิง
เมื่อกี้เธอไม่ได้ตั้งใจฟังการสอน เธอทำใจเตรียมพร้อมที่จะถูกมู่วี่สิงตำหนิแล้ว
รู้สึกน้อยใจขึ้นมากะทันหัน ทำไมเมื่อเจอหน้ามู่วี่สิง ถึงมักจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
“ผมไม่ชอบให้นักเรียนของผมใจลอยในตอนที่ผมสอนอยู่ การตำหนินั้นแน่นอนว่าต้องตำหนิ แต่ว่าผมไม่ชอบวิธีแบบนี้ ”
“อ่อ งั้นศาสตราจารย์มู่อยากจะทำยังไง? ”
เวินจิ้งเดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงาน
ที่นี่เพิ่งจะตกแต่งซ่อมแซมใหม่ สไตล์เรียบง่าย ด้านข้างก็เป็นห้องทำงานของคณบดี ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าฐานะของมู่วี่สิงนั้นสูงแค่ไหน
“ช่วยผมทำบทเรียน ”มู่วี่สิงกลับพูด
“ห๊ะ? ” เวินจิ้งตกใจ
ก็เห็นมู่วี่สิงโยนUSBมาให้แล้ว “นี้เป็นความรู้ที่จะสอนในคาบต่อไป ทำตามที่คุณเข้าใจทำมันออกมา วันจันทร์มาหาผมที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ”
“วันจันทร์? วันจันทร์ฉันเรียนเต็มหมดแล้ว ” เวินจิ้งตอบ
“วันจันทร์ตอนบ่ายไม่มีเรียน ” มู่วี่สิงพูด
เวินจิ้งคิดไปคิดว่า เหมือนจะใช่……
แต่ว่าทำไมมู่วี่สิงถึงรู้ดีกว่าเธอ เธอส่งสายตาที่สงสัยไปหามู่วี่สิง……
“มีปัญหาอะไรไหม? ”
“มี คุณรู้ตารางของฉันได้ยังไง ”
มู่วี่สิงชี้ไปที่เอกสารบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ “ตารางเรียนของนักเรียนภาควิชาประสาทและสมองผมมีทั้งหมด ทำไม คิดว่าผมสนใจในตัวคุณเป็นพิเศษ? ”
เวินจิ้ง : ……
“ไม่ใช่แน่นอน แค่ถามไปอย่างนั้น ” เวินจิ้งพูดเสียงต่ำ
“คำถามที่ผมถามคุณไปเมื่อกี้ คิดออกหรือยัง? ”
“ห๊า? ” เวินจิ้งกะพริบตา
คำถามที่มู่วี่สิงถามเธอในห้องเรียนนั้นเป็นความรู้เดิมที่เคยเรียนไปครั้งที่แล้ว ตอนนั้นเธอไม่ได้ทำการจดบันทึกไว้พอดี
สีหน้าที่แสดงออกมาถึงความผิดหวังมู่วี่สิงมองเห็นอย่างชัดเจน
“มานี้ ” มู่วี่สิงนั่งลง เปิดเอกสารที่สอนเมื่อกี้
เวินจิ้งรีบหยิบสมุดบันทึกออกมา ตั้งใจฟังมู่วี่สิงอธิบายให้ฟังอีกครั้ง
“ความรู้นี้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ถ้าไม่รู้ คาบเรียนครั้งต่อไปก็ยากมากที่จะเข้าใจ ”
“อืมอืม ”
“เข้าใจแล้ว? ”
“อืมอืม! ”
“งั้นอธิบายให้ผมฟังหน่อย ”
ถึงแม้ว่าเวินจิ้งจะไม่ได้อธิบายเป็นระเบียบแบบแผนชัดเจนอย่างที่มู่วี่สิงอธิบาย แต่ว่าเธอเข้าใจแล้ว พูดซ้ำอีกรอบก็ไม่มีปัญหาอะไร
อีกทั้งพูดอย่างนี้อีกรอบหนึ่ง ภาพความทรงจำในสมองก็จะชัดเจนขึ้นไปอีก
เธอมองไปที่มู่วี่สิงโดยไม่รู้ตัว นี้นับว่าเป็นการติวการพิเศษไหม?
ชั่งเถอะ ไม่สามารถคิดเยอะได้
“ฉันเข้าใจแล้ว ศาสตราจารย์มู่ งั้นฉันขอตัวก่อนนะ ”
อยู่อย่างสันโดษกับมู่วี่สิง สำหรับเธอนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างมาก
ได้ยินคำพูดนั้น ผู้ชายก็ขมวดคิ้ว สายตาที่ไม่พอใจแพร่ออกมา
“อีกแป๊บหนึ่งไม่มีเรียน มาช่วยผมจัดของหน่อย ”
เวินจิ้ง : ……
มู่วี่สิงจงใจอย่างแน่นอน!
“ฉันยังมีธุระอยู่ ” น้ำเสียงของเธอเย็นชาลง
“ธุระอะไร? ”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ! ”
มู่วี่สิงยิ้มๆ น้ำเสียงชวนให้คนหลงใหล
“ผมจำเป็นต้องให้คุณช่วยนักเรียน ” มู่วี่สิงพูดอย่างจริงจัง
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก จับพลัดจับผลูพยักหน้าไป
มองเห็นกองเอกสารขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ทำไมเธอถึงทนความหล่อเหลาของผู้ชายคนนี้ไม่ได้
อีกแป๊บหนึ่งมู่วี่สิงก็ยังมีอีกคาบหนึ่ง เวินจิ้งช่วยเขาจัดเอกสารในห้องทำงาน จนถึงตอนเที่ยงมู่วี่สิงกลับมา
เขาสั่งอาหารห่อมาให้เธอแล้ว
ได้กลิ่นหอมของไก่ทอด เวินจิ้งหันหน้าไปโดยทันที
รสชาติของร้านนี้เธอคุ้นชินเป็นอย่างมาก อยู่ฝั่งถนนอันหนิงนั้น ห่างออกไปจากมหาวิทยาลัยหลินไห่ไม่ไกลมากหนัก
มู่วี่สิงซื้อมาได้ยังไง……
“คุณ……” เวินจิ้งมองเขาอย่างตกใจ
“กินเป็นเพื่อนผม ” นึกว่ามู่วี่สิงซื้อมาให้เธอ แต่เขากลับพูดคำพวกนี้ออกมา
แต่ว่าไม่ได้กระทบอารมณ์ของเวินจิ้งแม้แต่นิดเดียว พยักหน้า เธอเปิดกล่องขึ้นมา
หิวพอดี
แต่ว่าเปิดกล่องออกมานั้น เวินจิ้งกลับตกตะลึง
เธอกับมู่วี่สิง……ไม่ควรเป็นแบบนี้
เธอเอากล่องข้าวผลักไปที่ด้านของเขา “เดี๋ยวแป๊บหนึ่งฉันจะไปกินข้าวที่โรงอาหาร ”
“คุณหิวแล้ว ” มู่วี่สิงพิงที่โซฟาอย่างขี้เกียจ หรี่ดวงตาดำ
ท่าทางการควบคุมทั้งหมดของเขา ทำให้เวินจิ้งไม่พอใจอย่างมาก
เหมือนว่า เธอไม่มีทางเลือกหนีไปได้
“ดังนั้นฉันถึงช่วยคุณได้ถึงเท่านี้ ”
เวินจิ้งหมุนตัวกลับ อย่างไม่ลังเล
กลิ่นไก่ทอดติดที่จมูกตลอดเวลา จนกระทั่งเดินออกจากห้องทำงานแล้ว ก็ยังคงไม่จางหายไปไหน
ถึงแม้จะมีกลิ่นมาตามหลอกหลอนก็ตาม แต่ก็ยังมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของมู่วี่สิง
ที่ทำให้เธอยากที่จะลืม
ด้านหลัง สายตาของมู่วี่สิงค้างอยู่นานไม่ได้เก็บสายตาไปที่ไหน
มองดูไก่ทอดที่อยู่บนโต๊ะ เขาโทรหาหลิงเหยา
เวินจิ้งไม่มีกะจิตกะใจไปโรงอาหารตั้งนานแล้ว กลับหอพักโดยตรง ไม่นาน หลิงเหยาเอาไก่ทอดถือกลับมาแล้ว
ถึงแม้จะไม่เต็มใจเท่าไร แต่ว่ารู้ว่าเวินจิ้งชอบกิน คิดไปคิดมาก็เสียดาย เธอก็สามารถกินได้ด้วยพอดี……
“ยังไม่ได้กินข้าว? ” หลิงเหยากลับมาและถาม
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ทำไมถึงมีกลิ่นนี้อีกแล้ว……
หันกลับไป เธอจ้องมองกล่องไก่ทอดนั้นอย่างไม่กะพริบตา
“มู่วี่สิงให้ฉันเอามาให้คุณ ว่าคุณชอบกิน เจอะเจอะ เขามาสอนที่มหาวิทยาลัยหลินไห่นี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะคุณแน่นอน ” หลิงเหยาอิจฉาตาร้อนกับสองคนนี้จริงๆ
เมื่อกี้เธอหาดูแล้ว ร้านไก่ทอดนี้นั่งรถห่างจากมหาวิทยาลัยหลินไห่ไปประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่ว่ามาอยู่ในมือของเธอตอนนี้กลับยังร้อนอยู่เลย