Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 364
บทที่ 364 หรือว่าเขาจะสนใจเธอกัน (4)
“ตอนนี้ออกไปได้หรือยังคะ” เวินจิ้งเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
เมื่อเธอสวมรองเท้าอย่างคล่องแคล่วแล้ว ก็เดินไปบิดด้ามจับประตู แต่ทว่ายังคงไม่สามารถเปิดออกไปได้เหมือนเช่นเดิม
“ยังไม่ถึงเวลา” มู่วี่สิงพูดขึ้นที่ด้านหลังของเธอ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว “ต้องรออีกนานแค่ไหนคะ”
“คุณไม่อยากอยู่ข้าง ๆ ผมขนาดนั้นเลยเหรอ หืม” เสียงของมู่วี่สิงเย็นชาขึ้นเล็กน้อย
เวินจิ้งมองดูชายหนุ่ม และพูดโพล่งออกมาว่า “ใช่ค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของชายหนุ่มก็หม่นหมองขึ้นกว่าเดิม
เวินจิ้งนั่งลงบนโซฟา ซึ่งแยกห่างจากมู่วี่สิงถึงสองสามเมตรทีเดียว
แต่ทว่ายังคงรับรู้ได้ถึงความโกรธของเขาได้อย่างชัดเจน
เขากำลังโกรธอะไรอยู่นะ
หรือว่าเขาจะสนใจในตัวเธอกัน
…….
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เวินจิ้งหันไปมอง และเห็นเกาเชียนเดินเข้ามาภายในห้อง
ในมือของเขาถือกุญแจดอกหนึ่งอยู่ เห็นได้ชัดว่าเขารู้เห็นเรื่องราวทั้งหมดนี้
“ประธานมู่ คุณเวิน” เกาเชียนทักทายอย่างสุภาพ
“ว่ามา”
“ประธานมู่ครับ การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยมีคุณปู่มู่เป็นประธาน”
เมื่อพูดจบ เขาก็รีบส่งแท็บเล็ตให้อย่างรวดเร็ว โดยมีภาพการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นกำลังถูกถ่ายทอดสดอยู่บนนั้น
เวินจิ้งกำลังเก็บกระเป๋าของตัวเองหมายจะเดินทางกลับ แต่ทว่าเมื่อชำเลืองมองดูมู่วี่สิง เขากลับ…..ลุกขึ้นยืน!
เขาลุกขึ้นมายืน!
ถึงแม้ว่าขาของเขายังคงเข้าเฝือกอยู่ทั้งสองข้าง แต่เขากลับดูไม่เหมือนคนที่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
เมื่อนึกไปถึงตอนที่เธอกดขาของเขาเมื่อวานนี้ ปฏิกิริยาของเขากลับไม่ได้ดูเจ็บปวดจนเกินไป
หรือว่ามู่วี่สิงจะแกล้งทำเป็นขาเจ็บกัน
ทันใดนั้น เวินจิ้งรู้สึกเหมือนโดนหลอก สีหน้าหม่นหมองขึ้นมาในทันที เธอเดินไปหยุดที่ข้าง ๆ ของมู่วี่สิง
และถือใบอาการป่วยของเขาที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมา ทว่ามันกลับว่างเปล่า……
“มู่วี่สิง ขาคุณไม่ได้บาดเจ็บหรอกเหรอ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มปรากฏขึ้นภายในแววตาของเขา “หายสนิทแล้วล่ะ”
“แล้วทำไมต้องใส่เฝือกด้วยล่ะ” เวินจิ้งไม่เชื่อใจอย่างเห็นได้ชัด
“ยังไม่ได้ถอดออก”
“ฉันไม่เชื่อคุณหรอก!” เมื่อพูดจบ เวินจิ้งจึงเตะมู่วี่สิงเข้าให้
เขาร้องครางเพราะความเจ็บปวด และล้มตัวลงนอนบนเตียงจริง ๆ
เกาเชียนยืนอยู่ที่ด้านข้าง จะช่วยก็ไม่ใช่ จะปล่อยเขาไปก็ไม่เชิง….
เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้านายของเขากำลังเสแสร้งแกล้งทำหรือไม่……
“มู่วี่สิง เลิกแกล้งทำได้แล้ว คุณหลอกฉันมาตั้งแต่แรก” เวินจิ้งหันหลังกลับ และเดินจากไป
แต่ทันทีที่เธอหันหลังกลับ เลือดสีแดงเข้มจากที่ไหนสักแห่ง ทำให้ฝีเท้าของเธอหยุดอยู่กับที่
เวินจิ้งเบิกตาโพลง และรีบนั่งลงไปในทันที
ขาของมู่วี่สิงกำลังเลือดออกจริง ๆ ด้วย……
ความรู้สึกในแววตาของเธอแล่นวาบขึ้นมาในทันที “ขอโทษ ฉัน….ฉันจะรีบไปเรียกหมอมานะ”
เวินจิ้งเป็นกังวลขึ้นมาในทันที เธอนึกว่ามู่วี่สิงไม่ได้เป็นอะไรเสียอีก
แต่ทว่า……
นัยน์ตาของเขาค่อย ๆ กลายเป็นสีแดง ทันใดนั้น เวินจิ้งรู้สึกไร้ทางเลือกอย่างช่วยไม่ได้
เกาเชียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ผมจะไปเรียกคุณหมอมาเองครับ”
ภายในห้องผู้ป่วย เวินจิ้งมองดูมู่วี่สิง และกัดริมฝีปากแน่น
“ขอโทษนะ……” เธอกล่าวคำขอโทษ
“เวินจิ้ง ผมไม่เป็นไร” มู่วี่สิงกล่าวด้วยเสียงเข้ม
แต่ทว่าเมื่อครู่นี้ เวินจิ้งเตะเข้าให้ที่บาดแผลของเขาพอดี บาดแผลจุดเดียวของเขา
“จริงเหรอ”
เวินจิ้งช่วยประคองเขาขึ้นไปนั่งบนเตียง มองดูเลือดที่ยังคงไหลซึมออกมา ช่างน่าสยดสยองเสียเหลือเกิน
“อื้อ” มู่วี่สิงตอบรับด้วยเสียง แต่เวินจิ้งยังคงไม่สบายใจเหมือนเดิม ต้องการถอดเฝือกออก พอดีกับที่หมอมาถึงที่ห้องผู้ป่วยในตอนนั้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากให้ยามู่วี่สิง และพันแผลใหม่เรียบร้อยแล้ว เวินจิ้งถึงจะรู้สึกโล่งใจได้
“พักผ่อนให้มาก ๆ อย่าขยับเขยื้อนมากเกินไปนะครับ”
คุณหมอไม่ได้กำชับอะไรมากนัก แต่ทุกครั้งที่เวินจิ้งนึกถึงเลือดอันน่าสยดสยองที่เพิ่งไหลออกมานั่นเข้า ทำให้เธอยากที่จะสงบจิตสงบใจลงได้
“เกาเชียน ช่วยส่งคุณเวินกลับไปที” มู่วี่สิงออกคำสั่ง
สีหน้าของเขาเคร่งเครียด ความสนใจทั้งหมดของเขาล้วนแต่หยุดอยู่ที่การประชุม
เวินจิ้งรู้ดีว่าเธอไม่ควรไปรบกวนเขา แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามู่วี่สิงยังไม่ได้กินข้าวเช้า จึงคิดอยากจะซื้ออาหารเช้ามาให้เขาก่อนที่จะกลับไป
หลังจากเวินจิ้งกลับไปแล้ว คุณหมอถึงจะกลับมา
“คุณมู่ ผมมองว่าเฝือกที่ขาทั้งสองข้างของคุณควรต้องถอดออกได้แล้ว ไม่อย่างนั้นมันจะรัดจนทำร้ายผิวหนังได้”
เขาไม่เข้าใจเลย เห็น ๆ กันอยู่ว่าขาทั้งสองข้างของเขาไม่ได้บาดเจ็บเลยสักนิดเดียว แต่ทำไมเขาถึงยังต้องการเฝือกหนา ๆ เช่นนี้ต่อไปด้วย
“อืม ถอดเฝือกอีกข้างออกด้วย แค่พันแผลธรรมดาก็พอแล้วล่ะ”
“คุณเข้าใจในเหตุผลแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่ดีที่สุดครับ” คุณหมอรู้สึกถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ถ้าหากไม่ใช่คุณหมอเจ้าของไข้คนนี้ที่รู้ว่ามู่วี่สิงแค่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อคนอื่นเห็นสภาพของเขาที่เป็นเช่นนี้เข้า คงจะนึกว่าเขาบาดเจ็บสาหัสรุนแรงกันหมดแน่นอน……
ณ บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
เมื่อมู่เหิงเห็นว่าคุณปู่เดินทางมาที่นี่ มันกลับกลายเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันมาก่อนอย่างเห็นได้ชัด
สีหน้าของมู่เฟิงที่อยู่ข้าง ๆ ยิ่งมืดหม่นลงมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อสักครู่นี้ มู่เหิงยังคงนึกว่ามู่วี่สิงป่วยหนักอย่างรุนแรง จึงตัดสินใจเปิดเผยจำนวนหุ้นที่เขาถืออยู่ในมือ และอยากจะนั่งเก้าอี้ตำแหน่งประธานบริษัทเสีย
“มู่เหิง ปู่คนนี้ของแกยังไม่ตาย แต่แกกลับมองไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา!” มู่เฉิงกล่าวด้วยความโกรธจัด
“คุณปู่ พี่ผมไม่ได้มาทำงานที่นี่กว่าครึ่งเดือนแล้ว ต้องมีคนรับช่วงต่อจัดการเรื่องราวภายในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป อีกอย่างผมมองว่าสุขภาพร่างกายของเขาไม่เหมาะที่จะดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัทอีกต่อไป!” มู่เหิงกล่าวโต้กลับไป
“ฉันเป็นประธานคณะกรรมการบริหาร ฉันขอค้านในเรื่องนี้”
“คุณปู่ ผมก็เป็นหลานปู่เหมือนกัน ปู่จะมาลำเอียงแบบนี้ไม่ได้ อีกอย่างหุ้นในมือของผมก็ไม่ได้น้อยไปกว่ามู่วี่สิงเท่าไหร่หรอก”
มู่เฉิงมองดูหลานชายที่อยู่ตรงหน้าของเขา รู้สึกโกรธจัดเป็นอย่างมาก “หุ้น 15% ในมือของฉันอยู่ภายใต้ชื่อของมู่วี่สิง และเมื่อรวมกับหุ้นเดิมที่เขาถืออยู่อีก 20% แล้ว แกยังมีอะไรอยากจะพูดอีกไหม!”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของมู่เหิงซีดเผือดในทันที ทำไมคุณปู่ถึงยังมีหุ้นอยู่ในครอบครองได้…….
เขาโอนหุ้นนั้นให้มู่วี่สิงไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอไงกัน
“มู่เหิง ยาตัวใหม่ของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปในช่วงนี้มียอดขายที่ดีเป็นอย่างมาก นี่คือความสามารถของพี่ชายแก แกนึกว่าแกจะโค่นมันได้หรือ ฉันให้แกกลับมาที่นี่จริง แต่ไม่ได้ให้แกมาสร้างความวุ่นวายแบบนี้!” มู่เฉิงกระแทกไม้เท้าที่อยู่ในมืออย่างหนักหน่วง
ถึงแม้ว่าจะอายุมากแล้ว แต่พลังของเขากลับไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย
“พ่อครับ จะว่าไปหลานรักของคุณพ่อป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอครับ”
“หน้าไม่อาย! เขาดีขึ้นมากแล้ว!”
เมื่อพูดจบ เขาจึงสั่งให้ผู้ช่วยเชื่อมต่อวิดีโอคอลเสีย
ปรากฏเป็นภาพของมู่วี่สิงที่กำลังอยู่ในโรงพยาบาล แต่ทว่าเขากลับดูมีพลังอย่างล้นเหลือ
“วี่สิง อาการป่วยเป็นยังไงบ้าง” เมื่อได้เห็นมู่วี่สิงในตอนนี้ สีหน้าของมู่เฉิงดูอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย
“คุณปู่ เตรียมตัวออกจากโรงพยาบาลแล้วล่ะครับ”
“อืม แผนงานของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปในอีกครึ่งปีที่เหลือ แกมีความคิดว่ายังไงบ้าง”
“เดี๋ยวผมจะให้เลขามาที่นี่ ผมได้วางแผนทั้งหมดเอาไว้แล้ว ระหว่างที่ผมนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล”
“วี่สิง แกจะประคองแบบนี้ต่อไปไม่ได้ แกออกจากโรงพยาบาลได้ไหม” มู่เฟิงที่นั่งเงียบมาตลอดถามด้วยเสียงเข้ม
มู่วี่สิงกลับยืนขึ้นในทันที สีหน้าของเขาดีขึ้นมากทีเดียว เขายิ้มออกมา “คุณมู่คิดว่าผมป่วยเป็นโรคร้ายแรงอะไรหรือครับ มันเป็นแค่บาดแผลภายนอกเท่านั้น ผมยังคงคอยง่วนอยู่กับการจัดการงานอยู่เหมือนเช่นเดิม หลังจากที่กลับไปยังบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว ผมจะรายงานให้ทุกคนได้ทราบแน่นอนครับ”
“ดี ตอนนี้ฉันต้องการปลดมู่เหิงออกจากตำแหน่งรองประธานบริษัท วี่สิง แกลงคะเนนเสียสิ”
“คุณปู่ คุณปู่พูดอะไรกันครับ!” มู่เหิงรีบลุกขึ้นยืนด้วยความกังวล
เห็นได้ชัดว่าเขาขังมู่วี่สิงเอาไว้ในห้องผู้ป่วยแล้ว แต่เขากลับติดต่อกับมู่เฉิงได้ยังไงกัน
ซ้ำร้าย….ทำไมคุณปู่ถึงได้กลับมาอย่างกะทันหันได้!
เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้เขาไม่มีเวลาเตรียมตัวป้องกันได้ทัน!
“ผมเห็นด้วยครับ”
“มู่วี่สิง แกพูดอะไรของแก!” มู่เหิงมองดูเขาด้วยความขุ่นเคือง
“ฉันเห็นด้วยกับการตัดสินใจของคุณปู่ ในการปลอดนายออกจากตำแหน่ง”
เมื่อพูดจบ มู่วี่สิงเพียงแค่กดปิดหน้าจอแท็บเล็ตไปเสียดื้อ ๆ เขากำชับให้เกาเชียนว่า “จับตาดูมู่เหิงต่อไป”
เมื่อเวินจิ้งกลับมา มู่วี่สิงก็เตรียมตัวออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อย
เมื่อเห็นว่าขาทั้งสองข้างอันแสนยาวของเขาถูกกางเกงชุดสูทโอบรัดอยู่ เวินจิ้งก็ตะลึงงันไปในทันที
“คุณ……”