Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 396
บทที่ 396 คนที่ผมต้องการ ผมไม่เคยปล่อยมือ
ในใจเวินจิ้งตอนนี้อบอุ่นไปหมด ก่อนที่จะรู้จักมู่วี่สิง ชีวิตเธอเต็มไปด้วยหลุมด้วยบ่อ แต่หลังจากรู้จักเขาแล้วโลกของเธอก็ไม่เยือกเย็นอีก
เธอเขย่งเท้า สบดวงตาดำอันลึกซึ้งของเขา จูบตรงคางของเขา ผ่อนคลายลง เธอพิงอยู่ตรงหน้าอกเขาอย่างวางใจ
เรื่องในครั้งนี้ ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นยังไง เธอก็จะพยายามสืบหาข้อเท็จจริงให้ได้
แต่เวลาที่เธอมีไม่มากแล้ว
รอถึงเมื่อพยาบาลที่ส่งของให้เธอกลับมาจากต่างประเทศ ก็ต้องหลังจากหนึ่งอาทิตย์แล้ว
กลับมาถึงหอด้วยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มู่วี่สิงกลับไม่ยอมปล่อยมือ
“พรุ่งนี้ไม่ต้องไปที่โรงพยาบาลแล้ว” เขาพูด
“แต่ว่า… คนไข้ยังเป็นฉันรับผิดชอบอยู่”
“เย่เฉียวได้หานักศึกษามาแทนคุณแล้ว ตอนนี้สิ่งที่คุณต้องทำก็คือรอไป๋สือกลับมา”
“คุณคิดว่าฉันจะสามารถนั่งรออยู่เฉยๆได้หรือ?” เวินจิ้งถามอย่างหงุดหงิด
“ไม่สามารถ งั้นก็ไปอยู่กับผม” พูดเสร็จ มู่วี่สิงก็พาเธอขึ้นไปในรถทันที
เวินจิ้งคัดค้านเขาทันที “ไม่ได้ ฉันจะอยู่ที่มหาวิทยาลัย”
“แต่ผมไม่ไว้ใจแล้ว”
พูดเสร็จ มู่วี่สิงก็ช่วยเธอรัดเข็มขัดนิรภัย ไม่ให้เวินจิ้งได้มีโอกาสหนี
ที่จริงเธอก็ไม่อยากห่างจากเขา
ตอนที่อ่อนแอที่สุดแบบนี้ เธออยากให้มู่วี่สิงอยู่ข้างกายเธอ
ชาร์จแบตโทรศัพท์ในรถอยู่แป๊บหนึ่ง หลังจากที่เปิดโทรศัพท์มือถือ หลิงเหยาก็โทรมาหาแล้ว
“เวินจิ้ง เธอไปอยู่ไหน?”
“เมื่อกี้ฉันเดินเล่นอยู่ในมหาวิทยาลัย คืนนี้ไม่กลับไปแล้วนะ”
“เธออยู่ไหน ฉันไปหาเธอ”
เวินจิ้งมองดูมู่วี่สิง “คืนนี้ฉันอยู่กับมู่วี่สิง”
“งั้นฉันก็วางใจแล้ว มีเรื่องอะไรก็บอกฉันนะ”
หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว เวินจิ้งเห็นมู่วี่สิงจับมือเธอไว้ จิตใจที่หม่นหมองค่อยๆดีขึ้นแล้วไม่น้อย
การ์เด้นมูเจียวานที่คุ้นเคย
เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวของเธอทุกอย่างยังคงวางไว้ที่เดิม เธออยู่ได้อย่างสะดวกสบาย
เวินจิ้งมองดูการตกแต่งทุกอย่างที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดึงมือมู่วี่สิง “ทำไมคุณไม่เก็บของของฉัน”
ยังไงทั้งสองคนก็หย่ากันแล้ว
มู่วี่สิงตาละห้อย จ้องมองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง “ตอนนี้คุณก็กลับมาแล้วไม่ใช่หรือ?”
“คุณมีความสามารถในการล่วงรู้อนาคต…” เวินจิ้งพึมพำ
“คนที่ผมต้องการ ผมไม่เคยปล่อยมือ” มู่วี่สิงประคองท้ายทอยของเธอไว้ จูบของเขาก็เหมือนกับคำพูดของเขา เผด็จการจนทำให้ยากที่จะปฏิเสธ
…….
บริษัทฉีซื่อกรุ๊ป
ฉีเซินฟังผู้ช่วยรายงาน ริมฝีปากบางค่อยๆยิ้มขึ้นมา
“มู่วี่สิงปล่อยพื้นที่ด้านหลังโรงพยาบาลหลินไห่ออกไปแล้ว? เห็นทีเขายังไม่ตายใจจากเวินจิ้ง”
“เรื่องนี้มู่วี่สิงกำลังตรวจสืบอยู่ ผมกลัวว่าเขาจะพบอะไร…”
“วางใจได้ ผมทำอะไรไม่เคยทิ้งร่องรอย จะล้มมู่วี่สิง ก็จะต้องลงมือตรงจุดอ่อนของเขา อย่าให้ไป๋สือกลับมา รู้ไหม?” ฉีเซินพูดสั่ง
ไม่นาน เลขาก็เข้ามารายงานว่า ผู้ดูแลฝั่งผู้ลงทุนมาถึงแล้ว
ฉีเซินนึกว่าจะได้เห็นเจ้านายผู้อยู่เบื้องหลัง กลับเป็นแค่ผู้ช่วยคนหนึ่ง จึงค่อนข้างไม่พอใจ
“เมื่อไหร่ท่านประธานถึงจะสามารถมาได้ ผมอยากขอบคุณด้วยตัวเอง” ฉีเซิน พูดอย่างมีมารยาท
“ท่านประธานอยู่ยุโรป ไม่มีเวลาว่างจริงๆ ขอประธานฉีให้อภัย ในเมื่อเงินลงทุนมาถึงแล้วงั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
เซ็นสัญญาเสร็จแล้ว ฉีเซินกลับยังรู้สึกกลัว
ต่อมาหลายวัน เวินจิ้งอยู่แต่ในการ์เด้นมูเจียวาน ไป๋สือไม่อยู่ งานฝึกงานที่โรงพยาบาลถูกคนอื่นเปลี่ยนแล้ว เวินจิ้งจึงต้องอ่านหนังสือด้วยตัวเอง
จนถึงวันศุกร์เป็นวิชาของมู่วี่สิง เวินจิ้งถึงค่อยไปมหาวิทยาลัย
วันนั้น เธอกับมู่วี่สิงไปด้วยกัน
เพียงแต่ เวินจิ้งกลับขอลงจากรถตอนที่ยังไม่ถึงมหาวิทยาลัย
ตอนนี้ชื่อเสียงของเธอไม่ดี ไม่อยากให้มู่วี่สิงได้รับผลกระทบ
ยังไง เขาก็ยังเป็นศาสตราจารย์ที่ทุกคนให้ความเคารพนับถือ
มู่วี่สิงกลับยังคงเดาใจเธอออก ไม่ยอมจอดรถ
“เวินจิ้ง อยู่ข้างกายผม ไม่มีใครกล้าวิจารณ์คุณ”
เวินจิ้งเงยหน้า มองดูมู่วี่สิงอย่างกลัวๆ
เธอไม่เคยกลัวถูกวิจารณ์ หรือถูกสงสัย
เพียงแต่ เธอไม่อยากให้มู่วี่สิงเดือดร้อนเพราะเธอ
“ยังไงคุณก็เป็นศาสตราจารย์” เธอพูดเสียงเบา
ลงจากรถแล้ว เวินจิ้งยังคงตั้งใจที่จะรักษาระยะห่างกับมู่วี่สิง
เพื่อนนักศึกษาที่เดินผ่านเห็นเวินจิ้ง สายตาที่มองดูเธอเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
เริ่มตั้งแต่เวินจิ้งเข้ามาในมหาวิทยาลัยหลินไห่ ก่อให้เกิดมีเรื่องขึ้นอยู่ไม่น้อย เหมือนทุกคนต่างก็รู้จักเธอแล้ว
มู่วี่สิงยังคงไม่พอใจ แต่รู้อารมณ์ของเวินจิ้งดี สายตาประกายความเป็นห่วง
ในห้องเรียน เวินจิ้งนั่งอยู่ด้านข้างตามปกติ ด้านข้างไม่มีเพื่อนร่วมฉันสักคน ต่างก็นั่งห่างไกลจากเธอ ตั้งใจหลบห่างเธอ
เวินจิ้งตาละห้อย อารมณ์ดีแค่ไหน ตอนนี้ก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
เรียนเสร็จแล้ว มู่วี่สิงยังคงถูกนักศึกษาล้อมรอบอยู่ไม่น้อยอย่างปกติ หลิงเหยารู้ว่าเธอกลับมาแล้ว ก็รีบมาหาเธอ
เวินจิ้งเดินไปยังโรงอาหาร ก็ยังคงมีเสียงวิจารณ์ต่างๆนาๆให้ได้ยินอยู่โดยรอบ
“เวินจิ้ง เรื่องที่โรงพยาบาลเป็นยังไงบ้าง?” หลิงเหยาถามอย่างเป็นห่วง
“รอศาสตราจารย์ไป๋กลับมาค่อยจัดการ”
“เอาเถอะ ทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ โดนใส่ร้ายหรือเปล่า?” หลิงเหยาเชื่อถือเวินจิ้ง
เป็นเพื่อนอยู่หอเดียวกันมาก็เกือบหนึ่งเทอมแล้ว เวินจิ้งเป็นคนยังไงเธอรู้ดี
“ไม่รู้ ตอนนี้ฉันไม่รู้อะไรเลย” เวินจิ้งพึมพำ
“แต่ ฉันไม่ได้ทำผิด” เวินจิ้งพูดอย่างมั่นใจ
แต่ตอนนี้ ต้องเผชิญหน้ากับทุกอย่าง โดยที่เธอก็ไม่สามารถอธิบายได้
“หวังว่าศาสตราจารย์ไป๋จะรีบกลับมา บอกว่าอีกสามวันก็กลับมาแล้วไม่ใช่หรือ พวกเขาออกไปประชุมก็เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว” หลิงเหยาคิดขึ้นมาได้
นี่ก็เป็นการเตือนเวินจิ้ง ที่จริง ไป๋สือน่าจะกลับมาได้ตั้งนานแล้ว
เรื่องนี้ จะยื้ออยู่ได้ไม่นาน
และแล้ว ตอนบ่ายอธิการบดีก็เรียกเวินจิ้งไปพบที่ห้องทำงาน
พอที่จะรู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร ฝีเท้าของเธอยังคงไม่ยอมก้าวเข้าไป
จนด้านข้างเย่เฉียวก็มาแล้ว น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ยพูดขึ้นว่า “กลัวหรือ?”
“ศาสตราจารย์เย่ ฉันไม่กลัว” สีหน้าเวินจิ้งเคร่งขรึม
ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่า เย่เฉียวกำลังหาเรื่องเธอ
บางทีอาจเป็นเพราะมู่วี่สิง หรือบางทีอาจเป็นเพราะสาเหตุอย่างอื่นที่เธอไม่รู้
“ใช่หรือ? เข้าไปสิ” เย่เฉียวเยาะเย้ย
ห้องทำงานที่กว้างใหญ่ อธิการบดีนั่งอยู่บนโซฟา เย่เฉียวนั่งอยู่ด้านข้าง รินน้ำชาให้เขาอยู่อย่างนอบน้อม
เห็นได้ชัดว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ธรรมดา
ดวงตาเวินจิ้งหนักอึ้ง
“นั่งลงสิ” สีหน้าอธิการบดีเรียบเฉย
เวินจิ้งกลับไม่ยอมนั่งลง รออธิการบดีอนุญาต
“ตามรายงานที่ทางโรงพยาบาลส่งมา อาทิตย์ก่อนที่เธอเข้าร่วมการผ่าตัดเคสหนึ่ง เพราะก่อนการผ่าตัดไม่ได้ทำการฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทั้งหมดแล้วก็เอาเข้าไปในห้องผ่าตัด ทำให้ตอนนี้คนไข้มีอาการติดเชื้ออย่างรุนแรง ถึงแม้เธอจะเป็นแค่นักศึกษาปริญญาโท แต่นี่ถือเป็นความรู้พื้นฐาน เธอยังไม่รู้หรือ?” อธิการบดีพูดอย่างโกรธเคือง
เวินจิ้งมองเขาอย่างบริสุทธิ์ใจ “อธิการบดี เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พยาบาลที่เอาอุปกรณ์การผ่าตัดให้ฉัน บอกกับฉันแล้วว่าอุปกรณ์ทั้งหมดผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว ฉันถึงเอาเข้าไปในห้องผ่าตัดอย่างวางใจ”
“แต่ผมเห็นในกล้องวงจรปิดไม่ใช่แบบนี้”
“ฉันก็ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่เหตุการณ์ในตอนนั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านเห็น” เวินจิ้งอธิบาย