Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 420
บทที่ 420 ผมจะไม่ยอมปล่อยคุณไป
“ฉีเซิน นี่โง่จริงๆ”หลิงอี้ส่ายหน้าไปมา บนใบหน้าแสดงถึงความเย้ยหยัน
“เขาจะถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงใช่ไหม”เวินจิ้งพูดเบาๆ
“อืม เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาทำอะไรไม่ได้แล้ว”หลิงอี้ตอบ“อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่ามันคงยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้หรอก บริษัทฉีซื่อกรุ๊ปเพิ่งจะได้รับเงินทุนมาเอง”
เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ เวินจิ้งไม่ค่อยเข้าใจมากนัก เกิดเรื่องขึ้นกับฉีเซิน ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ
แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา นั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่อาจสามารถคาดเดาได้
เมื่อเห็นว่า มู่วี่สิงได้เข้าไปในตึกแล้ว ไม่มีคำพูดไหนหลุดออกมาจากปากเขา เวินจิ้งก็ลงจากรถ
หลิงอี้ก็ได้เรียกเธอ“เลิกงานแล้วผมจะมารับคุณนะ”
“คุณหลิงคะ ขอรบกวนคุณ จอดรถให้ไกลจากที่นี่หน่อยนะคะ”เวินจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลิงอี้หัวเราะ“ผมจะพยายาม”
ชั้นบนสุดของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
เกาเชียน เขามาถึงก่อนตั้งแต่เช้า เมื่อเห็นว่าboss กลับมาแล้ว ก็รีบเปิดหน้าข่าวให้เขาดูทันที
“ประธานมู่,นี่เป็นข่าววันนี้ของบริษัทฉีซื่อกรุ๊ปครับ”
มู่วี่สิงหยิบมันขึ้นมา และมองมันอย่างเงียบขรึม
“ใครเป็นคนโพล่งเรื่องนี้ออกมา?”
ถึงแม้ว่า บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะทราบเรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่ในเวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่จะเอาชนะกับบริษัทฉีซื่อกรุ๊ป
“น่าจะมี คนภายในของบริษัทฉีซื่อกรุ๊ปไปรายงานเขาครับ”
“เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเงินลงทุน”
เพียงครู่หนึ่ง มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“โจวเซินยังอยู่หนานเฉิงไหม?”มู่วี่สิงถาม
“ตระกูลโจวเขาอยู่ที่ประเทศCครับ ประธานมู่ โจวเซินขอพบคุณเป็นการส่วนตัว”
เมื่อเขาได้ยิน ปลายนิ้วเรียวของมู่วี่สิง ก็ถูคางของเขาไปมา ความเย็นชาแพร่กระจายไปทั่วดวงตาของเขา
“โจวเซิน”เขาพึมพำ เพียงครู่หนึ่ง มุมปากของเขาก็ยกยิ้มอย่างเย็นชา
ในตอนกลางคืน เวินจิ้งออกมาจากบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็เกือบจะเวลาสี่ทุ่ม
หลิงอี้โทรหาเธอหลายครั้ง เธอเลิกงาน ถึงจะเห็นว่าเขาโทรหา
เธอเดินเข้าไปในลิฟต์ แล้วโทรกลับไปหาเขา เธอไม่ได้สังเกตว่ายังมีร่างสูงร่างหนึ่งอยู่ด้วย
“หลิงอี้”
“เลิกงานหรือยัง?”น้ำเสียงดุของหลิงอี้ดังขึ้นมา
เวินจิ้งก็แค่ กล้าทำให้เขารอเธอถึงสี่ชั่วโมง
“เพิ่งเลิกน่ะ ตอนนี้คุณคงจะอยู่ที่ตระกูลหลินแล้วใช่ไหม?”เวินจิ้งถาม
เธอไม่คิดว่าหลิงอี้จะยังรอเธออยู่
“ผมอยู่ด้านหน้าของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ยังไม่ได้รับคุณกลับด้วย ผมจะกลับไปได้ยังไง”
เวินจิ้งนิ่งเงียบ และไม่รู้จะพูดอะไรไปสักพัก
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็ตอบกลับไปเบาๆ“ฉันกำลังลงไปแล้ว”
หลังจากวางสาย แล้วเงยหน้าขึ้น เวินจิ้งก็มองสบตาเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งโดยไม่ได้ตั้งตัว
มู่วี่สิง……เขาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!
เมื่อตะกี้นี้เธอคุยโทรศัพท์มาตลอดทาง จึงไม่ได้สังเกตเขาเลย……
“ประธานมู่”เธอเรียกชื่อเขาอย่างสุภาพ
และก้าวถอยหลังออกมานิดหน่อย เพื่อรักษาระยะห่างจากเขา
มู่วี่สิงสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
จนลิฟต์มาหยุดอยู่ที่ชั้นล่างสุด เวินจิ้งถึงเรียกสติกลับมาได้ ว่าตัวเองลืมกดลิฟต์……
“หลิงอี้มารับคุณเหรอ?”มู่วี่สิงยังไม่ได้ออกไป และหันมามองเวินจิ้ง
สายตาของเขาเหมือนไม่ได้สนใจหรือแยแส แต่มันทำให้เวินจิ้งกลัวจนขนลุกขนพอง
“อืม”เธอตอบสั้นๆ
วินาทีต่อมา มือของผู้ชายก็มาจับที่ข้อมือของเธอทันที เวินจิ้งถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ผมไม่อนุญาต”มีเพียงสี่คำนี้ที่หลุดออกมาจากปากเขา และก็พาเวินจิ้งไปขึ้นรถของเขา
เมื่อเธอมีสติกลับมา เวินจิ้งก็ขัดขืนทันที แต่ว่าฝั่งตรงข้ามนั้นเป็นมู่วี่สิง
“มู่วี่สิง ฉันจะลงรถ!”เธอจ้องมองเขาด้วยความโกรธ
มู่วี่สิงทำเป็นไม่ได้ยิน และล็อคประตูรถ เขาขยับมาใกล้เธอ เพื่อจะคาดเข็มขัดนิรภัยให้ สีหน้ายังคงบึ้งตึง
ลักษณะแบบนี้ของเขา ทำให้เวินจิ้งรู้สึกกลัว
แต่ว่า เธอไม่ต้องการที่จะอยู่กับเขา……
เธอใช้ฝ่ามือดันไปที่หน้าอกผู้ชาย แล้วใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกไป“คุณอย่าทำเกินไปหน่อยเลย”
“เวินจิ้ง เป็นคุณที่กำลังยั่วยุอารมณ์ผม ผมเคยบอกคุณแล้วนะ ว่าห้ามเข้าใกล้หลิงอี้”ปลายคางของเธอถูกบีบแรงขึ้น สีหน้าของมู่วี่สิงช่างเย็นชา
“ทำไมคุณต้องมาสนใจฉัน นี่มันเป็นเรื่องของฉัน”
“ทำไมน่ะเหรอ……ก็คุณเป็นผู้หญิงของผมไง”
เมื่อพูดจบ ก็ก้มลงไปจูบอย่างร้อนแรง และปิดกั้นไม่ให้เวินจิ้งมีทางหนีได้
มือของเขากดไปที่ไหล่ของเธอ ทำให้เวินจิ้งถูกกดไว้บนเบาะที่นั่งข้างคนขับ ร่างกายของเขาทั้งหมดถูกออร่าของความดุร้ายครอบงำอยู่
เวินจิ้งนิ่งเงียบ……
เธอกับมู่วี่สิง……ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบนั้นแล้ว!
กัดไปที่ปากของเธออย่างโหดร้าย สัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือดที่ปนมา และมู่วี่สิงยังคงทำต่อไม่ถอยออกไป
จนกระทั่งได้ลิ้มรสเค็มแปลกๆ เล็กน้อย……
เธอร้องไห้ออกมา
เวินจิ้งมองไปที่เขาอย่างเย็นชา ใบหน้าซีดเผือด สายตากำลังกล่าวหาเขาอย่างชัดเจน
เขาเกิดความรำคาญขึ้นมาในทันที มู่วี่สิงถอยออกห่างไปเล็กน้อย แล้วหายใจเข้าลึกๆ เพียงชั่วครู่ก็ทำใจให้สงบได้ขึ้นเล็กน้อย
เมื่อได้ยินว่าหลิงอี้จะมารับเธอ เขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมา และเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จึงตัดสินใจทำมันลงไปทันที
เขาไม่อนุญาต
ดวงตาของเวินจิ้งแดงก่ำ มือของเธอยังคงดันไปที่หน้าอกของเขา เธอหอบหายใจ แล้วก็ถามเขาด้วยเสียงต่ำ“ประธานมู่ เมื่อไหร่ฉันถึงจะลงรถได้”
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปากบาง,แล้วตวัดสายตามองไปที่เธอ
“ถ้าผมไม่อนุญาตล่ะ”
“งั้นฉันก็คงต้องโดดลงจากรถ”เมื่อพูดจบ เธอก็เลื่อนกระจกรถลง
มู่วี่สิงมองด้วยสายตาที่เย็นชา แล้วจับไปที่ข้อมือของเธอ จ้องมองเข้าไปในสายตาของเวินจิ้ง แล้วค่อยๆ คลายมือของเขาออก
“ผมกับโจวหย่าน ไม่ได้แต่งงานกัน”เขาพูดคำต่อคำ
“แล้วยังไงเหรอ?”เวินจิ้งยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ผมจะไม่ยอมปล่อยคุณไป”เขาพูดสาบานอย่างจริงใจ
แต่เวินจิ้งก็หัวเราะขึ้นมาทันที“มู่วี่สิง ยิ่งคุณทำแบบนี้ มันยิ่งทำให้ฉันคิดว่า คุณชอบฉันมาก”
มู่วี่สิงหรี่ตาลง ไม่ได้พูดอะไร
ดวงตาของเขาลึกดั่งทะเล ทำให้เธอไม่สามารถเดาความรู้สึกได้
“คุณเคยพูดกับฉัน ว่าคุณจะไม่มีวันชอบฉัน มู่วี่สิง ฉันไม่มีวันลืมสิ่งที่คุณพูดไว้”เวินจิ้งมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
แล้วใช้มือผลักเขาออกไป เมื่อเห็นเขาไม่ทันได้ตั้งตัว เธอก็รีบผลักประตูรถออกมา
มู่วี่สิงมองปฏิกิริยาของเธอ ความเจ็บปวดผ่านเข้ามาในดวงตา
เมื่อเรียกสติกลับมาได้ ก็ไม่สามารถที่จะหยุดมันได้แล้ว
เขาเปิดลิ้นชักรถหยิบบุหรี่ขึ้นมา คีบไว้ที่ปลายนิ้ว กำลังที่จะจุดไฟ แต่เขาก็โยนมันทิ้งไปซะก่อน
แล้วเลื่อนไปหยิบประวัติคนไข้ชุดหนึ่งที่อยู่ในลิ้นชักรถออกมา เขาอ่านตัวหนังสือที่อยู่ด้านบน แล้วหลับตาลง
ความมุ่งมั่นในดวงตาปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เขาผลักประตูรถลงมา
ไม่ไกลกันนัก เวินจิ้งได้ขึ้นรถของหลิงอี้แล้วเรียบร้อย
เมื่อมองผ่านกระจกมองหลัง เธอสามารถมองเห็น มู่วี่สิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล กำลังยืนอย่างโดดเดี่ยว
ปลายเล็บของเธอ จิกฝังอยู่เข้าไปในฝ่ามือของเธอ เธอรู้สึกเจ็บมาก
แต่มันก็ยังน้อยกว่าเศษหนึ่งส่วนห้าภายในใจของเธอ ที่เจ็บมากกว่า
หลิงอี้มองไปที่เวินจิ้ง ที่แสดงอารมณ์ถึงความเจ็บปวด แต่ก็ยังไม่ยอมเคลื่อนรถไปข้างหน้า
เขาบีบพวงมาลัยรถแน่น บีบแน่นจนคิดว่ามันจะแตกละเอียดคามือเขา
เขาเหยียบคันเร่งอย่างแรง เวินจิ้งถึงมีสติกลับมา และมองไปที่กระจกมองหลังอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว ในที่สุด ร่างของเขาก็ค่อยๆ เบลอมากขึ้นในสายตาของเธอ
เมื่อกลับมาถึงตระกูลหลิน ไม่คาดคิดว่าภายในห้องนั่งเล่น จะมีร่างๆ หนึ่งที่เวินจิ้งไม่อยากเจอ
หลี่ซี่เห็นเธอกับหลิงอี้กลับมาด้วยกัน ก็กำมือแน่น และรู้สึกโกรธ
“พวกคุณไปเดทกันมาเหรอ?”
เวินจิ้งไม่สนใจเขา เธอรู้สึกหิวมาก แล้วเดินตรงไปที่ห้องทานข้าว
หลิงอี้ก็เหมือนกัน ไม่ได้สนใจคำพูดของหลี่ซี่ไม่พอ ยังเดินผ่านเขาไปที่ห้องทานข้าวเหมือนกัน
ภายในห้องทานข้าว ทั้งสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะใหญ่เดียวกัน อาหารที่อยู่บนโต๊ะ ถึงแม้จะเย็นแล้ว แต่ทั้งหมดเป็นของที่เวินจิ้งชอบ แต่เมื่อเธอกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ทันใดนั้นก็อยากจะอ้วกออกมา
เธอวางตะเกียบลง เธอรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที ชายทั้งสองคนก็รีบวิ่งเข้ามาดู
หลี่ซี่สีหน้าเปลี่ยนไป,แต่หลิงอี้สีหน้าเป็นกังวล
“เวินจิ้ง——”ทั้งสองเรียกชื่อเธอ
เวินจิ้งโบกมือให้พวกเขา แล้วก็ปิดประตูทันที
ขมับของเธอรู้สึกปวดอย่างมาก เธอไม่สามารถพยุงตัวลุกขึ้นได้ แล้วสติของเธอก็ค่อยๆ เลือนราง……