Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 43
บทที่ 43: คุณผู้หญิงมู่หึงหรอครับ
เมื่อมัดมือเธอไว้ เวินจิ้งขยับตัวไม่ค่อยได้แล้ว มู่วี่สิงมองลงต่ำ เขาเอาไข่แนบประคบไว้แก้มด้านขวาของเวินจิ้งน้ำเสียงเขาดูอ่อนโยนมากขึ้น “ร้อนเกินไปหรือเปล่า?”
เวินจิ้งกัดฟันไว้แน่น มู่วี่สิงเข้าใกล้เธอมาก ไม่เพียงแต่ไข่ที่ร้อน ร่างกายของมู่วี่สิงก็ร้อนเช่นกัน
เขารู้สึกว่าอุณหภูมิทั่วร่างกายของเธอกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างเร็ว
“ร้อน!” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ความเป็นห่วงหลั่งไหลออกมาทางสายตา
“อดทนหน่อยนะ ผมจะจัดการผู้หญิงคนนั้นเอง” น้ำเสียงมู่วี่สิงเย็นชา
เวินจิ้งตัวสั่นอย่างไร้เหตุผล “มู่วี่สิง คุณอย่ายุ่งเลย นี่เป็นเรื่องของฉัน”
“เรื่องของคุณก็คือเรื่องของผม”
“ไม่ใช่หรอกนะ” เวินจิ้งเถียงกลับ
ผู้ชายยีตาขึ้นอย่างมีอะไรบางอย่าง ไข่ต้มสัมผัสโดนข้างๆ ปากเธอ เธออุทานขึ้นเพราะความร้อน สายตาแลดูขุ่นเคืองมากขึ้น
“ปากเล็กๆ นี่ พูดอะไรที่ผมชอบฟังหน่อยไม่ได้เลยหรือ” มู่วี่สิงวางไข่ลงแล้วใช้มือนวดให้เธอเบาๆ
“คุณให้เย่กวนกวนบอกคุณสิ” เวินจิ้งพูดหลุดปาก
คำพูดนี้ แฝงไปด้วยความประชดประชันเป็นอย่างยิ่ง
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว “ผมเกลียดหล่อน”
“จริงเหรอ” สีหน้าของเวินจิ้งยังคงบ่งบอกถึงความไม่ไว้วางใจ
มู่วี่สิงจับคางเธอไว้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นคง “คุณผู้หญิงมู่ คุณกำลังกินน้ำส้มสายชูอยู่ (ในภาษาจีนแปลว่าหึงหวง)”
“ฉันเกลียดน้ำส้มสายชูที่สุดแล้ว เปรี้ยวจะตาย!” เวินจิ้งแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายของเขา
มู่วี่สิงยิ้ม “ผมชอบให้คุณกินน้ำส้มสายชู”
“ฉันไม่หึงเพราะว่าคุณหรอกนะ”
“ใครบอกหละ”
เวินจิ้งชะงักไป เพราะสีหน้าของมู่วี่สิงช่างอ่อนโยนเหลือเกิน มีเสี้ยววินาทีที่เธอแทบดึงดูดเอาไว้
โชคดีที่เขาหันหลังออกไปแล้ว
กลิ่นไอของมู่วี่สิงที่อยู่รอบๆ ค่อยๆ จางหายไป เวินจิ้งนอนอยู่บนเตียง แก้มแดงอย่างดื้อๆ
……
ณ บริษัทการผลิตยาเทียนอี
ตอนนี้บริษัทเทียนอีได้รับข้อมูลเกี่ยวกับโครงการร่วมมือระหว่างบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ซึ่งฉินเฟยเป็นผู้รับผิดชอบจากฝ่ายบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
อีกทั้งเธอขอให้เทียนอีส่งผู้จัดการระดับสูงพอเพื่อมาเจรจากับเธอพรุ่งนี้
เสี้ยวหงรีบเรียกทำชุมทันที เพราะก่อนหน้านั้นบริษัทเทียนอีใกล้ล้มละลายจึงมีผู้จัดการระดับสูงลาออกไปหลายคน และตอนนี้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปบอกมาแบบนี้ คงจะไม่พอใจกับผู้รับผิดชอบที่เทียนอีส่งมา
เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเข้ม “โครงการนี้ผมจะติดตามงานด้วยตัวผมเอง อั้ยเถียนและเวินจิ้งก็ด้วย”
เวินจิ้งพยักหน้า แต่เหมือนจะเหม่อลอยไป ทั้งหัวมีแต่หน้าคมหล่อเหลาที่แสนจะกวนของมู่วี่สิงไปหมด
อั้ยเถียนรีบดึงชายเสื้อเธอ เวินจิ้งรีบลุกตามเสี้ยวหงเข้าไปในออฟฟิศ
“คืนนี้ผมนัดกินข้าวกับฉินเฟย คุยเรื่องรายละเอียดงาน พวกเธอไปด้วนกันหมดนะ” เสี้ยวหงสั่ง
“จิ้งจิ้ง คืนนี้เธอมีธุระไม่ใช่หรอ” อั้ยเถียนขยิบตาให้เธอ
เธอไม่อยากให้เวินจิ้งไปเผชิญหน้ากับฉินเฟย
สายตาเสี้ยวหงก็หันไปทางเวินจิ้งเช่นกัน
“ฉันเลื่อนนัดไปแล้ว ประธานเสี้ยวคะ ขอบคุณที่มอบโอกาสนี้ให้ฉันนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปค่ะ” เวินจิ้งยิ้มๆ และตบหลังมือฉินเฟยเบาๆ เธอรู้ความหวังดีของอั้ยเถียน แต่ว่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น
นี่เป็นหน้าที่ของเธอ ๆ ก็ไม่ควรผลักงานออกไป
เมื่อออกจากออฟฟิศแล้ว อั้ยเถียนถอนหายใจ “นี่แกกำลังเอาตัวเองจ่ออยู่หน้ากระบอกปืนไม่ใช่หรอ ฉันกลัวว่าฉินเฟยจะหาเรื่อง”
“หล่อนหาเรื่องแล้วไม่ใช่หรอ เถียนเถียน ถ้าฉันหลบหน้าหล่อนจริงๆ หล่อนจะยิ่งจองหองมากขึ้น”
อั้ยเถียนเม้มปาก เวินจิ้งเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของ ก็คือเป็นห่วงนั่นแหละ
“แกอย่ารายงานข่าวให้มู่วี่สิงอีกแล้วนะ” เวินจิ้งเอ่ยปากขึ้น
เมื่อวานที่มู่วี่สิงมา เธอไม่ได้เป็นคนบอกเขา งั้นก็ต้องเป็นที่บอกอั้ยเถียน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อั้ยเถียนยิ้มๆ “แกไม่ได้สังเกตหรอ คุณหมอมู่เป็นห่วงแกจริงๆ นะ”
อย่าน้อยเมื่อวานพอเวินจิ้งบอกว่าเธอมีเรื่องแล้ว เขาก็รีบมาหาเลย
“แกคิดมากไป” เวินจิ้งขมวดคิ้วอย่างไม่เป็นธรรมชาติ แต่ไม่ยอมรับ