Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 431
บทที่ 431 ฉันก็จะคิดถึงคุณเหมือนกัน
มู่วี่สิงบีบริมฝีปากอันบอกบาง แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ชอบอธิบาย ในเวลานี้ ก็ไม่ได้เอ่ยปาก
เมื่อตอนที่โจวหย่านขู่เขาให้แต่งงานกับเธอ เธอถึงจะช่วยเวินจิ้งชี้แจงอุบัติเหตุทางการแพทย์ในครั้งนั้น
แต่หลังจากนั้น เขาต้องการตรวจสอบคนที่อยู่เบื้องหลังของโจวหย่านใช้กลยุทธ์เดียวกันของอีกฝ่ายโต้กลับ
เขาไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับโจวหย่านแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว
“มู่วี่สิง ทำไมตอนนั้นคุณถึงคิดที่จะแต่งงานกับเธอ ชอบเธอเหรอ?” เวินจิ้งถามด้วยความตื่นเต้น
นี่คืออดีตที่เธอไม่อยากถาม
กลัวคำตอบที่ทำให้เธอผิดหวัง
“งานแต่งครั้งนั้น แท้จริงแล้วมันจะไม่เกิดขึ้น” คิดอยู่ตั้งนาน มู่วี่สิงถึงจะเอ่ยปาก
เวินจิ้งรู้สึกประหลาดใจ “ดังนั้น คุณเลยจัดการมันตั้งแต่เนิ่นเลยใช่ไหม?”
ทำไมคนในครอบครัวของโจวหย่านถึงพึ่งจะพาตัวเธอไปในวันแต่งงาน ทั้งหมดนี้ เธอนึกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ
“อื่ม ผมจะไม่แต่งงานกับเธอ”
“แล้วทำไมคุณถึงตอบตกลงงานแต่งครั้งนี้” เวินจิ้งถามอย่างเงียบๆ
ในหัวสมองส่งประกายความคิดบางอย่าง หรือว่าเป็นเพราะเธอ?
พอดีเวลานั้น โจวหย่านได้ช่วยเธอไว้
แต่……แต่ในเวลานั้นเธอไม่อยากนำเรื่องทั้งสองมาเชื่อมโยงกัน
“ผมจะตรวจสอบตระกูลโจว”
“โอ้”
“อย่าคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเลย รอคุณออกจากโรงพยาบาล พวกเราค่อยแต่งงานกันใหม่” มู่วี่สิงกล่าวอย่าไม่สงสัย
เวินจิ้งทำปากจู๋ และสีหน้าที่ต่อต้าน “ไม่ ไม่อยากเลอะเทอะแบบนี้”
“เลอะเทอะ?” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“แน่นอน การแต่งงานครั้งก่อนเร่งรีบมาก ครั้งนี้จะเป็นแบบนี้อีกไม่ได้”
“คุณนายมู่ต้องการอะไร?”
“ไม่อนุญาตให้เรียกฉันแบบนี้ ฉันยังไม่ใช่คุณนายมู่” เวินจิ้งพูดอย่างเคร่งขรึม
มู่วี่สิงยิ้มแล้วพูด “อื่ม จิ้งจิ้ง?”
เขาจำชื่อเล่นของเวินจิ้งได้เสมอ
เมื่อคำพูดจบลง เวินจิ้งก็เหม่อลอยครู่หนึ่ง ในความทรงจำที่ประทับใจ ก็เคยมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเรียกเธอแบบนี้
“จิ้งจิ้ง”
“หา” เวินจิ้งจ้องมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า “ได้”
“บอกผมสิว่า คุณนายมู่ต้องการอะไร?” มู่วี่สิงยกคางเธอขึ้นมา
“พวกเราต้องคบกันก่อน” เวินจิ้งพูดด้วยสีหน้าที่ตั้งอกตั้งใจ
นี่เป็นขั้นตอนที่พวกเขาข้ามไปในตอนแรก แต่ตอนนี้ เธอต้องการทีละขั้นตอน
“เอาที่คุณว่าครับ”
จากนั้นเวินจิ้งก็ได้ถอดแหวนออกมาก่อน
เธอส่งแหวนให้กับมู่วี่สิง “รอให้พวกเราถึงขั้นมั่นในตอนนั้น ค่อยสวมแหวน”
“ไม่นานหรอกครับ” มู่วี่สิงม้วนริมฝีปาก
แก้มของเวินจิ้งแดงระเรื่อ เห็นมู่วี่สิงจะขึ้นมานอน เธอตะลึงเล็กน้อย
“มู่วี่สิง……คุณจะทำอะไร”
“นอนหลับ”
“นี่มันห้องผู้ป่วยฉันนะ”
“โรงพยาบาลนี้เป็นของผม”
เวินจิ้ง……
“คุณขี้โกงนี่” ทำแบบนี้ได้อย่างไร
“ยังไม่ได้เล่นเลย” รอยยิ้มใต้ดวงตาของมู่วี่สิงยิ่งลึกล้ำ แล้วสวมกอดเวินจิ้ง “นอนเถอะ แฟนจ๋า”
……
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เวินจิ้งด้านหนึ่งพักฟื้น อีกด้านหนึ่งกำลังอ่านหนังสือล่วงหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับภาคเรียนใหม่
กังวลแต่ความคืบหน้าของฝั่งบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เธอถามมู่วี่สิง “ฝั่งบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปคุณหาคนมาแทนฉันได้แล้วหรือยัง?”
จริงแล้ว เธอดูเหมือนอยู่ในโรงพยาบาลนี้มาเดือนหนึ่งแล้ว
แต่ว่าความคืบหน้าของการวิจัยและพัฒนาไม่สามารถล่าช้าได้อีกต่อไป
“หลังจากคุณออกจากโรงพยาบาลแล้ว ยังอยากจะไปบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไหม?” มู่วี่สิงถามเธออย่างจริงจัง
“อยาก” เวินจิ้งพยักหน้า
นอกเหนือจากจะสามารถให้ตัวเองได้เรียนรู้เพิ่มเติมมากขึ้นอีก ยังสามารถพบเจอมู่วี่สิงอีกด้วย
“ผมไม่ได้จัดเพื่อนร่วมงานคนอื่นไป หลังจากคุณออกจากโรงพยาบาล ร่างกายของคุณหายดีแล้วก็สามารถไปได้”
“มู่วี่สิง ขอบคุณนะ” เวินจิ้งพูดด้วยความจริงใจ
หลังจากที่เธอเข้าโรงพยาบาล มู่วี่สิงก็มาเฝ้าเธอตลอด
เธอเหมือนกับรบกวนเวลาของเขามานานมากแล้ว
“คุณจะกลับไปทำงานที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเมื่อไร” เวินจิ้งถาม
“รอจนกว่าคุณจะออกจากโรงพยาบาล”
“อย่านานขนาดนี้ ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวได้”
“คุณคิดว่าผมวางใจได้เหรอครับ?” มู่วี่สิงพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“มีอะไรไม่วางใจคะ” เวินจิ้งพูดพึมพำ
“ตอนนี้ผม แม้แต่ก้าวเดียวยังไม่อยากห่างจากคุณ”
เวินจิ้งกลั้นไม่ไหวที่จะยิ้มออกมา เธอก็ไม่อยากห่างเหม็นกัน……
วันรุ่งขึ้นตื่นมา ตำแหน่งด้านข้างลำตัวเย็นๆ
มู่วี่สิงไม่อยู่
เวินจิ้งลุกขึ้นนั่ง โทรศัพท์ที่อยู่ด้านข้างมีข้อความที่ส่งผ่านวีแชทมาหนึ่งข้อความ
คือมู่วี่สิงส่งให้เธอ จิ้งจิ้ง วันนี้ผมไม่อยู่โรงพยาบาลนะ ทานข้าวให้ตรงเวลานะครับ ผมจะคิดถึงคุณนะ
เวินจิ้งอ่านมันทีละคำ อ่านซ้ำไปซ้ำมาใช้เวลาไปห้านาทีเต็มๆ
จิ้งจิ้ง
เธอดูเหมือนจะชอบให้มู่วี่สิงเรียกเธอแบบนี้
จะตอบกลับก็พิมพ์ๆลบๆ ในที่สุดเวินจิ้งก็ตอบกลับไปห้าคำ ฉันก็คิดถึงคุณ
อารมณ์ในวันนี้ทั้งวันดูเหมือนกับสดใสและสวยงามเพราะข้อความนี้
เวลานี้ บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
มู่วี่สิงกำลังประชุม เมื่อเห็นข้อความ ริมฝีปากอันบอกบางก็ได้ม้วนขึ้นมา
ผู้บริหารระดับสูงต่างมองหน้ากันใหญ่ในทันใด หนึ่งเดือนที่ไม่ได้เจอท่านประธาน พอกลับมาดูไม่ค่อยเหมือนเดิม……
แต่โดยธรรมชาติแล้วทุกคนก็ไม่กล้าพูด
รีบจัดการเรื่องราวของเดือนนี้จนเสร็จ มู่วี่สิงก็ออกจากห้องประชุมไปอย่างรวดเร็ว
ในห้องสำนักงาน มู่วี่สิงกำลังดูรายงานที่เกาเชียนยื่นให้ คิ้วหมองลง
เช้าวันนี้บริษัทฉีซื่อกรุ๊ปประกาศล้มละลาย ตามที่คาดไว้
แต่มู่เหิง กลับจัดตั้งบริษัทใหม่ในวันนี้ ขอบเขตบริหารเหมือนกับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปทั้งหมด
ด้วยกำลังของมู่เหิงแล้ว ไม่สามารถทำได้เช่นนี้แน่ เว้นแต่ว่ามีใครบางคนอยู่เบื้องหลังเขา
“ท่านประธานมู่ นี่เป็นบัตรเชิญที่มู่เหิงส่งมา วันหยุดสุดสัปดาห์หน้าเป็นงานเลี้ยงเปิดบริษัทใหม่ของเขา”
มู่วี่สิงยิ้มเย้ยหยัน เหล่ตาดูครู่หนึ่ง “จดไว้ในตารางประจำวัน ฉันจะดูสิว่าเขาคิดจะทำอะไร”
เมื่อพูดจบ ก็ปิดคอมพิวเตอร์แล้วออกจากห้องสำนักงาน
เกาเชียนมองดูเวลา ท่านประธานมู่อยู่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเพียงแค่สองชั่วโมง……
หมู่นี้มู่วี่สิงแทบจะไม่เข้ามาที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเลย ผู้ถือหุ้นอาวุโสเริ่มจะไม่ค่อยพอใจแล้ว เรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปถึงหูมู่เฉิงนานแล้ว
ได้รับโทรศัพท์จากคุณปู่ มู่วี่สิงก็ไม่ได้แปลกใจ
“ภรรยาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ทุกอย่างราบรื่นดีครับ”
“เป็นอย่างนั้นก็ดี วี่สิง อย่าลืมตำแหน่งหน้าที่ของเธอด้วยนะ ตำแหน่งในมหาวิทยาลัยหลินไห่และโรงพยาบาล เธอไม่สามารถดูแลทั้งสองได้” น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อยของมู่เฉิง
เมื่อได้ยิน มู่วี่สิงก็ขมวดคิ้ว
“คุณปู่ครับ ผมรู้ตัวเองดีครับ”
มู่เฉิงฟังออกว่า มู่วี่สิงคิดว่าเขาพูดเป็นเล่น
“เธอรู้ตัวเองดีอย่างไร หากเธอรู้จักตัวเองดี ทำไมถึงรับตำแหน่งของโรงพยาบาล”
“คุณปู่ครับ ท่านก็รู้อยู่เสมอว่า ความคิดของผมแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยอยู่กับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป” น้ำเสียงของมู่วี่สิงสงบเสงี่ยมเสมอต้นเสมอปลาย
“ท่านคิดว่าทั้งตระกูลมู่ ยังจะมีใครที่มีคุณสมบัตินั่งตำแหน่งนี้เหมาะสมกว่าท่าน”
“ผมจะจัดผู้จัดการมืออาชีพที่เหมาะสม”
“สารเลว” มู่เฉิงโกรธมาก “บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเป็นรากฐานของตระกูลมู่มาเป็นเวลากว่าร้อยปี ฉันจะไม่ยอมให้มันไปตกอยู่ในมือของคนภายนอกเด็ดขาด”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว รู้จักนิสัยของมู่เฉิง เขาก็ไม่ได้พูดต่ออีก
เพียงแต่พูดเบาๆว่า “สมาชิกคณะกรรมาธิการจะไม่เปลี่ยนแปลง คุณปู่ครับ ความคิดของท่านคงที่เกินไป”
ไม่ได้พูดอะไรอีก มู่วี่สิงก็ได้วางสายโทรศัพท์ไป
……
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาเป็นวันที่ฉีเซินขึ้นศาล บริษัทฉีซื่อกรุ๊ปถูกสงสัยว่าเป็นผู้ผลิตยาเลียนแบบรายใหญ่ ซึ่งเป็นบุคคลคุมอำนาจในบริษัทฉีซื่อกรุ๊ป ดังนั้นเขาต้องรับผิดชอบทั้งหมด
ก่อนขึ้นศาล เขาได้ติดต่อหลินเวย เพื่อขอพบตัวเขา
“ฉีเซิน คุณยังมีคำพูดอะไรที่อยากจะพูดอีก” หลินเวยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
สำหรับลูกชายที่ตัวเองเลี้ยงดูจนเติมใหญ่คนนี้ ตอนนี้ก็เหลือเพียงอารมณ์ความผิดหวังเท่านั้น