Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 456
บทที่ 456 ภัยพิบัติความหล่อของผู้ชาย
“ฉันจะจัดการให้เรียบร้อย” มู่วี่สิงพูดเสียงเข้ม คิ้วขมวดเบาๆ
“ฉันรู้ แต่เรื่องพวกนี้ฉันสามารถทำได้” เวินจิ้งมองเขา
มู่วี่สิงจับหน้าของเธอไว้ ปลายนิ้วเรียววาดคิ้วของเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความหลงใหล
“จิ้งจิ้ง ขอบใจเธอ”
เวินจิ้งเขย่งปลายเท้าขึ้น สบตากับมู่วี่สิง เธอถาม “ปีนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“การเสียชีวิตของพี่สาวเย่เฉียว ฉันมีคงามรับผิดชอบจริงๆ” มู่วี่สิงพูด
เวินจิ้งเบิกตาโต ทันใดนั้นก็รู้สึกหวาดกลัว
ทันใดนั้น เขาก็กุมปากของมู่วี่สิงไว้
มู่วี่สิงจับข้อมือของเธอไว้ และกระซิบ
ห้าปีก่อน มู่วี่สิงเป็นแพทย์ฝึกหัดข้างกายเจิงยี่ เย่หมิ่นพี่สาวของเย่เฉียวต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเนื้องอกในสมอง เนื่องจากเป็นเนื้องอกที่อยู่ในตำแหน่งพิเศษ ยากต่อการผ่าตัด เกิดความขัดแย้ง คำแนะนำของเจิงยี่คือสามารถผ่าตัดได้ แต่ในความเป็นจริงยังไม่มีกรณีที่ประสบความสำเร็จในอาการ หากเนื้องอกไม่ถูกตัดออก เย่หมิ่นก็อยู่ได้ไม่นาน แต่พี่สาวของเย่เฉียวได้เห็นด้วยกับการผ่าตัด และต้องเป็นมู่วี่สิงเป็นคนผ่าตัดเท่านั้น
“ทำไมเย่หมิ่นต้องให้คุณเป็นคนผ่าตัด” เวินจิ้งถามอย่างสงสัย
“ฉันปฏิเสธคำสารภาพรักของเธอ”
เวินจิ้ง:…
เวลานี้ในหัวสมองมีเพียงแค่ความคิดเดียว เป็นภัยพิบัติจากความหล่อของผู้ชายจริงๆ
“แล้วคุณเป็นคนผ่าตัดให้เธอหรือเปล่า?” เวินจิ้งถาม
“แล้วคุณเป็นคนผ่าตัดให้เธอหรือเปล่า?” เวินจิ้งถามอย่างสงสัย
“ใช่, มู่วี่สิงตอบ “สถานการณ์ของเธอคล้ายกับเธอ แต่ว่าเขาไม่ได้โชคดีขนาดนั้น เนื้องอกได้เสื่อมสภาพแล้ว การผ่าตัดใช้เวลานานเกินไป ทำให้ไม่สามารถควบคุมเรื่องที่เกิดขึ้นมากมายได้”
“แต่ว่า เย่หมิ่นเป็นคนตัดสินใจที่จะเข้ารับการผ่าตัดด้วยตัวเอง ความเสี่ยงเธอรู้ดี ทำไมตอนนี้เย่เฉียวถึงมาโทษคุณ” เวินจิ้งพูดด้วยความไม่พอใจ
“เขาโกรธที่ตอนนั้นฉันปฏิเสธคำสารภาพรักของเย่หมิ่น ทำให้มีผลกระทบต่ออาการของเย่หมิ่น ทำให้เธอหัวรุนแรงมากขึ้น อารมณ์ของผู้ป่วยนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากในการฟื้นตัว จึงมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของเธอ ว่าต้องให้ฉันเป็นคนผ่าตัดให้ ตอนนั้น ฉันไม่เหมาะจะเป็นหมอ”
เวินจิ้งเงียบ ไม่ได้พูดชั่วขณะ
ค่อนข้างเศร้า
มู่วี่สิงยกหน้าของเธอขึ้นมา “ดังนั้น ฉันก็มีความรับผิดชอบ”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณ” เวินจิ้งโต้แย้ง
เป็นตัวเย่หมิ่นเองที่เป็นคนหวาดระแวง
วันถัดไป เรื่องนี้ในที่สุดก็เผยแพร่ออกมา แต่นอกเหนือจากการพูดของเย่เฉียว เจิงยี่ก็ต้องยอมรับการสัมภาษณ์ อธิบายว่าในปีนั้นผู้ป่วยเป็นคนร้องขอให้ผ่าตัด เขาเป็นที่ปรึกษาของมู่วี่สิง เขาเป็นคนดูแลเรื่องการผ่าตัดทั้งหมด สำหรับการเสียชีวิตของผู้ป่วยในตอนท้าย แพทย์ทั้งสองฝ่ายล้วนต้องรับผิดชอบ แต่ก่อนการผ่าตัด ผู้ป่วยรู้ถึงความเสี่ยงอย่างชัดเจน
นอกจากการชี้แจงของเจิงยี่แล้ว ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องก็ออกมาวิจารณ์ ถึงคำถามของเย่เฉียวเป็นการใส่ร้ายผู้อื่น และได้ทำเรื่องร้องเรียนเขาไป
เย่เฉียวเพิ่งได้รับตำแหน่งให้เป็นรองประธานของมหาวิทยาลัยหลินไห่ และยังเป๋นผู้นำของโรงพยาบาล และในตอนนี้ความคิดเห็นของประชาชนค่อยๆ เอนไปทางเขา
เมื่อเวินจิ้งเห็นข่าวดังกล่าว อารมณ์ตึงเครียดของเธอทั้งคืนก็ค่อยๆ ดีขึ้นมา
มู่วี่สิงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการประชุมในครั้งถัดไป เวินจิ้งถูกไป๋สือเรียกตัวไปสถานที่ประชุม ยืนยันว่าอารมณ์ของมู่วี่สิงจะไม่เป็นอันตรายก่อนที่จะออกไปอย่างวางใจ
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ อารมณ์ของมู่วี่สิงในมุมมองของเธอ มันสงบเงียบเกินไป
เรื่องเมื่อวานไป๋สือก็รู้แล้ว และดูเหมือนจะโกรธ
“เย่เฉียวเบลอจริงๆ เรื่องของปีก่อนก็ไม่ยอมปล่อยวางได้สักที คอยใส่ร้ายผู้อื่นไปทั่ว” มู่วี่สิงเป็นแพทย์ที่ไป๋สือชื่นชมมาโดยตลอด และก็เข้าใจศีลธรรมของมู่วี่สิงมาโดยตลอด
ตอนนี้เย่เฉียวกล่าวโทษมู่วี่สิงในที่สาธารณะ ไป๋สือก็เป็นบุคคลหนึ่งที่ทนไม่ได้จึงต้องออกมาพูด
“ศาสตราจารย์ ขอบคุณที่คุณไว้วางใจมู่วี่สิง” เวินจิ้งกล่าวขอบคุณ
“ฉันเชื่อใจเด็กนั่นอยู่แล้ว เขาเป็นคนที่ฉันเฝ้าดูมาตลอด เป็นนักเรียนที่สำคัญที่สุดของฉัน”
ในเวลานี้ ณ โรงแรม
มู่วี่สิงยืนอยู่หน้ากระจกหน้าต่าง แสงอุ่นๆ ส่องเข้ามา
มู่วี่สิงยืนอยู่หน้ากระจกหน้าต่าง แสงอุ่นๆ ส่องเข้ามา แต่ไม่สามารถละลายความเยือกเย็นบนตัวของเขาได้
ข้างหลังมีเสียงของเกาเชียนดังมา “ประธานมู่ หลุมฝังศพของคุณตายมู่ถูกขุดขึ้นมา”
วินาทีต่อมา ดวงตาที่ลึกของมู่วี่สิงซ่อนความล่าเหยื่อไว้ บุหรี่ที่หนีบอยู่ในมือถูกเขาบดขยี้
ขาวยาวเดินเข้ามา รัศมีของเขาทำให้คนหวาดกลัว
เกาเชียนไม่กล้าพูดต่อ
เขากลัวตาย…
“ใครเป็นคนทำ?” มู่วี่สิงถามอย่างเยือกเย็น
“กำลังตรวจสอบ…”
“กลับไปหนานเฉิงเดี๋ยวนี้”
สิ้นเสียง คนก็ได้ออกไปแล้ว
ไม่ถึงสองชั่วโมง เครื่องบินส่วนตัวค่อยๆ ลงท่าอากาศยานหนานเฉิง
เกาเชียนเดินตามหลังบอสด้วยความหวาดกลัว ตอนแรกว่าจะรายงานเรื่องงานแต่ก็ไม่กล้าพูดแล้ว
รัศมีของมู่วี่สิง ช่างน่ากลัวจริงๆ …
…
กินอาหารค่ำด้วยกันกับไป๋สือ เวินจิ้งจึงกลับโรงแรมไป
การประชุมสองวันก็ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว พรุ่งนี้ไป๋สือก็จะกลับไปหนานเฉิงแล้ว เวินจิ้งก็คิดแบบนี้ แต่ก็ถามความคิดเห็นจากมู่วี่สิง
เพียงแต่เมื่อกลับไปถึงโรงแรม กลับไม่มีใครสักคน! อีกอย่างมีเพียงกระเป๋าเดินทางของเธอคนเดียว…
เวินจิ้งตัวแข็งทื่อ และมองไปรอบๆ ใจลอยเป็นเวลานาน
มู่วี่สิง…กลับไปแล้ว?
เธอค้นมือถือออกมา ไม่มีแม้แต่สายโทรเข้าและข้อความ
ดวงตาแดงก่ำ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ อารมณ์ของเธอยังไม่กลับมา
เกิดเรื่องเหรอ?
ทันใดนั้น เธอก็รีบโทรหาม่วี่สิงทันที ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
ทันใดนั้นก็รีบโทรหาเกาเชียน โชคดี ที่เกาเชียนรับสาย
“คุณเวิน ประธานมู่… ประธานมู่อยู่หนานเฉิง” เกาเชียนบอก
หลังจากลงจากเครื่องมู่วี่สิงก็ขับรถออกไปเอง เขาก็ไม่รู้ว่าบอสไปไหน
“ทำไมเขาถึงกลับไป? ทำไมฉันถึงโทรหาเขาไม่ติด? เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า…” เวินจิ้งถามอย่างร้อนรน
มู่วี่สิงเป็นคนที่คอยรายงานตลอด โดยเฉพาะระยะนี้หลังจากที่ทั้งสองได้คบหากัน เขาไม่มีทางหายไปโดยไร้สาเหตุ
ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่นอน…
เกาเชียนเงียบ ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องนี้ดีไหม
เป็นเวลานานที่ไม่ได้ยินเสียงของเกาเชียน เวินจิ้งก็ยิ่งร้อนใจ
“ผู้ช่วยเกา เกิดอะไรขึ้นกับมู่วี่สิง!” น้ำเสียงของเวินจิ้งร้อนรนมาก
เป็นเวลานาน กว่าเกาเชียนจะเอ่ยปากพูด “หลุมฝังศพของคุณนายมู่ถูกขุด ประธานมู่จึงรีบกลับมาหนานเฉิง แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหนแล้ว…”
เวินจิ้งอึ้ง คุณนายมู่?
เธอไม่ค่อยเข้าใจอะไรเกี่ยวกับแม่ของมู่วี่สิง รู้เพียงแค่ว่าถูกมู่เหิงทำร้ายจนตายในปีแรกๆ
ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมใดๆ
แต่เธอรู้ สำหรับมู่วี่สิงมีความรักต่อคุณแม่อย่างลึกซึ้ง ตลอดมา จึงได้มีความเกลียดชังมู่เหิงมาก
หลังจากวางสาย เวินจิ้งสงบลง จึงรีบจองไฟล์บินที่กลับไปหนานเฉิงให้เร็วที่สุด
ช่วงเวลานั้นโทรหามู่วี่สิงตลอด เพียงแต่ไม่มีคนรับสาย
เครื่องบินกำลังค่อยๆ บินขึ้น เวินจิ้งจึงวางมือถือลง และเวลานี้เพิ่งสังเกตถึง ผู้โดยสารที่นั่งข้างๆ ตัวเองคือ…เย่เฉียว!
ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็หม่นหมองทันที