Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 459
บทที่ 459 วางแผนว่าจะมีลูกกี่คน
ภายในห้องของมู่วี่สิง เวินจิ้งนอนลง ที่นี่เป็นสถานที่มู่วี่สิงเคยอาศัย ทำให้เธอรู้สึกเป็นกันเองมาก
“ต่อไปหากเป็นลูกของฉัน ฉันก็จะช่วยตกแต่งห้องของเขาให้น่ารักแบบนี้”
“อืม งั้นเราต้องรีบแต่งงานกันใหม่” มู่วี่สิงพูดต่อท้ายเธอ
เวินจิ้งอึ้ง ทุกครั้งที่มู่วี่สิงพูดถึงการแต่งงานใหม่ มันทำให้เธอทำตัวไม่ถูก
“งั้นต้องวางแผนดีๆ” เวินจิ้งพูดจริงจัง
“อืม วางแผนว่าจะมีลูกกี่คน”
เวินจิ้ง: ….
เธอยืนยันที่จะหยุดหัวข้อนี้!
เช้าวันถัดมา ตอนที่เวินจิ้งตื่นขึ้นมาที่นอนข้างๆ ก็ว่างเปล่า ตามปกติแล้ว มู่วี่สิงจะตื่นก่อนเธอเพื่อไปทำอาหารเช้า
แต่ว่าที่นี่ไม่ใช่การ์เด้นมู้เจียวาน ไม่มีสำรับเลย
ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เวินจิ้งออกไปตรงทางเดิน ฝีเท้าหยุดอยู่ตรงห้องหนังสือที่ประตูเปิดอยู่นิดหน่อย
มู่วี่สิงหันหลังให้ประตู ร่างเงายาวยืนอยู่ตรงกระจกหน้าต่าง ปลายนิ้วหนีบบุหรี่ที่ติดไฟ
ผู้ชายคนนี้ สูบบุหรี่แต่เช้าเลย!
เดินเข้าไปด้วยความโกรธ เวินจิ้งเอื้อมมือไปหยิบบุหรี่จากมู่วี่สิงทิ้งไป
“มู่วี่สิง ไม่ให้สูบบุหรี่!”
เธอรู้ว่ามู่วี่สิงไม่ได้ติดบุหรี่ ปกติเวลามีเรื่องไม่สบายใจถึงจะสูบ
แต่นี่มันตอนเช้า มันทำให้เธอเป็นห่วง
“อืม” มู่วี่สิงหันตัว อารมณ์ที่หม่นหมองถูกเขาซ่อนไว้แล้ว
“ทำไมไม่นอนนานหน่อย” มู่วี่สิงขยี้ผมของเธออย่างเอ็นดู
“คุณไม่อยู่ นอนไม่หลับ” เวินจิ้งทำหน้าตึง
มู่วี่สิงกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ข้างหูมีเสียงอ่อนโยนดังขึ้น “คุณไม่ปล่อยเย่เฉียวไปใช่ไหม”
“อืม”
“เขาเคยช่วยฉันไว้” เวินจิ้งพึมพำ
ตอนนั้นเคยคิดว่า ความจริงเย่เฉียวก็ไม่ได้ต่อต้านเธอ อย่างน้อยในชีวิตสุดท้ายของเธอ เขาก็ยังเต็มใจที่จะช่วยเธอผ่าตัด
“ฉันช่วยให้เขาได้ขึ้นมาเป็นรองอาจารย์ใหญ่ เขาถึงจะยอมผ่าตัดให้เธอ” มู่วี่สิงพูดเงียบๆ
หากไม่ใช่ข้อเสนอนี้ เย่เฉียวก็ไม่มีทางช่วย
“ที่แท้อย่างนี้นี่เอง มู่วี่สิง ฉันไม่รู้เลย” เวินจิ้งมองเขา
สิ่งที่มู่วี่สิงทำให้เธออย่างเงียบๆ ช่างมากมาย
หลายเรื่องที่เวินจิ้งจะมารู้ในตอนหลัง
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้ เพียงแค่ผลลัพธ์สุดท้ายนั้นดี ก็เพียงพอแล้ว” มู่วี่สิงมองเธออย่างลึกซึ้ง
หลังจากเกาเชียนนำเสื้อผ้าและมือถือใหม่ส่งมาให้แล้ว ก็รออยู่ข้างนอกตลอด
รถค่อยๆ เคลื่อนตัว มู่วี่สิงให้เกาเชียนไปที่สุสาน
ตอนแรกเวินจิ้งกะว่าจะกลับไปที่มหาลัย แต่มาคิดๆ ดูแล้ว ไปกับมู่วี่สิงด้วยดีกว่า
ตอนนี้เธอไม่วางใจให้เขาอยู่คนเดียว
ฉีซีเจ๋แม่ของมู่วี่สิงไม่ได้ถูกฝังไว้ในสุสานของตระกูลมู่ แต่เป็นเขตชานเมืองตอนเหนือ
ท้องฟ้ามืดครึ้มฝนเริ่มตกเบาๆ มือข้างหนึ่งของมู่วี่สิงถือร่มไว้ มืออีกข้างจูงมือเวินจิ้งไว้ เกินขึ้นไปบนเขาทีละก้าว
ผู้ชายในชุดเสื้อดำกางเกงดำ ทั่วตัวมีออร่าที่เป็นความลึกเผยแพร่ออกมา
ทันใดนั้น เวินจิ้งกลับจับมือของมู่วี่สิงไว้แน่น
ป้ายหลุมศพเป็นรูปภาพของฉีซีเจ๋ เห็นได้ว่าใบหน้าของผู้หญิงนั้นบอบบางมาก คิ้วนั้นมีเสน่ห์
มู่วี่สิงรับดอกลิลลี่สีขาวจากมือของเกาเชียน คุกเข่าลงช้าๆ
ส่วนเวินจิ้ง ก็ทำตามมู่วี่สิง มือของทั้งสองประสานกัน
“แม่ ขอโทษ ผมปกป้องคุณได้ไม่ดีพอ” เสียงของมู่วี่สิงนั้นเข้มลึก
ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ร่มที่เกาเชียนกางไว้ได้แค่เวินจิ้ง มู่วี่สิงตัวเปียกตั้งนานแล้ว
ผ่านไปเป็นเวลานาน มู่วี่สิงยังคงไม่ลุกขึ้น เวินจิ้งเป็นห่วงว่าร่างกายของเขาจะรับไม่ไหว
เนื่องจากฝนตกหนักมาก ความเย็นเข้ากระดูก
“มู่วี่สิง คุณป้ารู้ถึงความจริงใจของคุณ” เวินจิ้งพูดปลอบ
มู่วี่สิงลดสายตาลง ริมฝีปากบางเม้มแน่น มองใบหน้าที่ขาวซีดของเวินจิ้ง เขาค่อยๆ เอ่ยปาก “เรียกแม่”
เวินจิ้งชะงัก จึงรีบได้สติกลับมา
มองมู่วี่สิงลึกเข้าไป เธอหันมา และเอ่ยปากพูด “แม่ หนูคือเวินจิ้ง ขอบคุณที่คุณกำเนิดมู่วี่สิงออกมา ทำให้เขาได้มาอยู่เคียงข้างหนู”
เนื่องจากคุกเข่าเป็นเวลานาน ตอนที่เวินจิ้งลุกขึ้นมาแทบจะยืนไม่มั่นคง มู่วี่สิงพยุงเธอไว้มั่น
“จิ้งจิ้ง ขอบใจเธอ”
“ฉันต้องขอบคุณคุณ ในที่สุดคุณก็เปิดใจให้ฉัน”
“ต่อไปเธออยากรู้เรื่องอะไร ฉันก็จะบอกเธอ” มู่วี่สิงพูดเสียงเข้ม
“ฟังก่อน เพราะคุณมีอดีตมากเกินไป” เวินจิ้งจงใจทำหน้าตึง
“อยู่ต่อหน้าคุณแม่ ฉันจะกล้าพูดโกหกได้อย่างไร” มู่วี่สิงพูดด้วยความเอ็นดู
ทั้งสองตัวเปียกไปหมด เกาเชียนส่งทั้งสองคนกลับไปการ์เด้นมู่เจียวานก่อน เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เวินจิ้งมองดูเวลา คิดว่าจะกลับมหาลัย
มู่วี่สิงก็ต้องจัดการงานเป็นกองของบริษัทมู่ซื่อ รถจอดอยู่หน้ามหาลัย เวินจิ้งมองไปผู้ชายข้างๆ อย่างรู้สึกเสียดาย
“มู่วี่สิง พรุ่งนี้ตอนเย็นฉันอยู่แต่โรงพยาบาล” เวินจิ้งบอกรายการของเธอให้เขา
“อืม ช่วงนี้ฉันอยู่แต่บริษัทมู่ซื่อ เช้าวันศุกร์เปิดให้คำปรึกษา”
“งั้นฉันจะกลับไปแล้ว” สายตาของเวินจิ้งไม่ได้ละจากร่างของมู่วี่สิงเลย
วินาทีต่อมา มู่วี่สิงกดเธอลงบนหลังเบาะ แล้วจูบอย่างดูดดื่มก่อนจะปล่อยเธอ
“อย่ามองฉันแบบนี้ มิฉะนั้นฉันจะพาเธอกลับไปบริษัทมู่ซื่อทันที”
เวินจิ้งอดไม่ได้จึงยิ้มออกมา “ฝันไปเถอะ”
สิ้นเสียง ก็รีบลงจากรถทันที
ไม่ควรเสียเวลาเรียน
เธอยังไม่หันไป มู่วี่สิงก็ไม่ได้สั่งให้คนขับออกรถ
ทั้งที่ข้างนอกไม่เห็นภายในรถ แต่สายตาของเวินจิ้งยังคงมองไปที่กระจกดำ เป็นเวลานาน ถึงจะเดินแยกจากไป
หลิงเหยาอยู่ในหิ้งคนเดียวหลายวัน เมื่อเห็นเวินจิ้งกลับมา อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเธอ “จึจึ หากเธอยังไม่กลับมา ฉันก็จะคิดว่าเธอหนีไปกับมู่วี่สิงไปแล้ว”
เวินจิ้ง: …
“เมื่อวานมู่วี่สิงเกิดเรื่องนิดหน่อย” เวินจิ้งพูดพลางขมวดคิ้ว
“ทำไมเหรอ?” หลิงเหยาเดินมา
“เย่เฉียวสั่งคนให้ขุดหลุมศพแม่ของมู่วี่สิง” เวินจิ้งไม่พอใจ
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอแทบจะช่วยอะไรมู่วี่สิงไม่ได้เลย
หลิงเหยาเบิกตาโต เรื่องนี้ทำให้เธอตกใจอย่างเห็นได้ชัด
มีคนจำนวนมากที่รู้ว่าเย่เฉียวไม่ถูกกับมู่วี่สิง อีกอย่างสองวันก่อนเย่เฉียวได้เปิดเผยต่อหน้าสาธารณะเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางการแพทย์เมื่อห้าปีก่อนต่อหน้านักข่าว เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความรู้สึกมากมาย
แม้ว่าจะมีแพทย์จำนวนมากที่เกี่ยวข้องออกมาพูด แต่เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของมู่วี่สิงเล็กน้อย
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ มู่วี่สิงไม่เคยออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง
และตอนนี้ เย่เฉียวก็ทำเรื่องที่มากเกินไป
“เวินจิ้ง เรื่องของห้าปีก่อน คุณหมอมู่เป็นผู้บริสุทธิ์ใช่ไหม?” หลิงเหยาถาม
ยังมีข้อถกเถียงมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้บนอินเทอร์เน็ต แต่ทันใดนั้น หลิงเหยาก็เชื่อมู่วี่สิง
“อืม ฉันเชื่อเขา”
“ฉันรู้สึกว่าศาสตราจารย์เย่เฉียวโชคไม่ดีมาก มู่วี่สิงในตอนนี้ มันเป็นสิ่งที่เขาสามารถยั่วยุได้เหรอ” หลิงเหยาพึมพำ
ถึงแม้ว่าตอนนี้เย่เฉียวจะเป็นรองอาจารย์ใหญ่ แต่เธอได้ข่าวจากพี่ชาย ว่าอิทธิพลของมู่วี่สิงบุกเข้ามหาวิทยาลัยหลินไห่ เพื่อกำจัดเย่เฉียว นั่นเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว
“แต่ก็หวังว่า ฉันเกรงว่าเย่เฉียวจะทำเรื่องสุดโต่งแบบนี้อีก” นี่เป็นสิ่งที่เวินจิ้งกังวล
“เย่เฉียวอยู่ที่มหาลัยเดิมทีก็มีความเห็นที่ไม่ค่อยดีนัก เขามีบัญชีดำไม่น้อย”