Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 508
บทที่ 508 แยกย้ายอย่างไม่ลังเล
เมื่อเวินจิ้งเปิดดูโทรศัพท์ ก็เห็นเธอถูกเปิดเผยสถานะในเพจโซเชียลของแฟนคลับมู่วี่สิงเต็มไปหมด
ตอนนี้แฟนคลับทั้งหลายกำลังไล่ล่าเธอ เพียงเพราะเธอนั้นไปยั่วยวนมู่วี่สิง……
ที่จริงแล้วสถานะของเธอกับมู่วี่สิงนั้นคือต่างฝ่ายต่างตกหลุมรักกัน แต่แล้วทำไมเธอต้องถูกแฟนคลับพวกนี้ใส่ร้าย!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เวินจิ้งรู้สึกหัวร้อนมาก
เธอไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับมู่วี่สิง แต่ไม่คิดว่าการกลับมาเพียงไม่กี่วันของมู่วี่สิงทำให้จำนวนแฟนคลับในโรงพยาบาลพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และเขาได้รับความนิยมมากในขณะนี้
อีกอย่าง แฟนคลับทุกคนต่างคิดว่ามู่วี่สิงนั้นมีสถานะโสดมาตลอด……
หนังศีรษะของเวินจิ้งชาไปชั่วขณะ หากว่ามู่วี่สิงไม่อธิบายกับแฟน ๆ ด้วยตนเองล่ะก็ คงไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอหรอก
ช่วงขณะที่เธอกำลังเหม่อลอย โจวเซินก็ได้พาเธอไปถึงลานจอดรถแล้ว
“ฉันจะกลับเองนะ คุณโจว เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น” เวินจิ้งหันหน้าแล้วเดินจากไป
ต่อให้เธอจะถูกแฟนคลับกักตัวไว้ เธอก็ไม่ยอมไปกับโจวเซิน
หลังจากขึ้นรถแท็กซี่ เวินจิ้งก็รู้สึกว่าอารมณ์ที่แจ่มใสของเธอในวันนี้ถูกแฟนคลับของมู่วี่สิงทำลายไปหมดแล้ว
เมื่อกลับไปถึงการ์เด้นมูเจียวาน เนื่องจากมู่วี่สิงต้องผ่าตัดคนไข้จนถึงช่วงดึก เขาจึงให้คนใช้มาเตรียมอาหารเย็นไว้ล่วงหน้า เวินจิ้งจึงมีเวลาเตรียมสัมภาษณ์อย่างจริงจัง
โจวเซินกลับไปที่ห้องผ่าตัด การผ่าตัดของโจวหย่านต้องใช้เวลาสามชั่วโมง เขาจึงรออยู่ข้างนอกกับเลี่ยวหยง
“ช่วงนี้ไม่ได้กลับมหาลัยเหรอ?” เลี่ยวหยงถามอย่างเย็นชา
ระหว่างเธอกับโจวเซินไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ และเธอก็เพิ่งแต่งเข้าบ้านตระกูลโจวได้แค่ปีเดียว ซึ่งอารมณ์ของโจวเซินมักจะเย็นชาและเย่อหยิ่งต่อทุกคน
“ก็กลับบ้าง” โจวเซินตอบอย่างเย็นชา
“ต่อไปเรื่องของหย่านหย่านนายไม่ต้องกังวลมากแล้วนะ”
“เป็นไปได้เหรอว่าคุณนายโจวจะมีเวลามาดูแลน้องสาว?” คำพูดถากถางของโจวเซินที่ไม่สามารถปกปิดได้
เพราะเลี่ยวหยงนั้นบินต่างประเทศบ่อยเพื่อจับชู้ และพ่อของเขาคนนั้นก็ไม่เคยทำให้ใครต้องกังวลเลย
เมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของเลี่ยวหยงก็ตึงเครียดทันที “ฉันจะหาเวลา!”
“เราเคารพการตัดสินใจของหย่านหย่านดีกว่า” น้ำเสียงโจวเซินยังคงเย็นชา
เลี่ยวหยงเงียบไปสักพัก การตัดสินใจของหย่านหย่าน……เธอต้องเลือกที่จะอยู่ต่อที่หนานเฉิงอย่างแน่นอน!
แต่เธอไม่อนุญาต
ผ่านไปไม่นาน แสงสีแดงจากห้องผ่าตัดก็ดับลง มู่วี่สิงเดินออกมาแล้วถอดหน้ากากลง
เขามองไปที่เลี่ยวหยง “การผ่าตัดสำเร็จนะครับ”
สีหน้าที่ตึงเครียดของเลี่ยวหยงค่อย ๆ จางหายไป “ฉันเข้าไปหาหย่านหย่านได้ไหม?”
มู่วี่สิงพยักหน้าแล้วกลับไปที่ออฟฟิศ
โจวเซินเดินตามเลี่ยวหยงมา ส่วนโจวหย่านยังไม่ฟื้น เพราะยังเหลืออีกหนึ่งชั่วโมงกว่ายาสลบจะหมดฤทธิ์
ในเวลานี้ เสียงโทรศัพท์ของเลี่ยวหยงดังขึ้น เป็นสายโทรจากสายลับส่วนตัว
“คุณนายหญิงครับ ตอนนี้คุณนายโจวอยู่เมืองเป่ยเฉิงครับ ข้าง ๆ แกมีนางแบบคนหนึ่งครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเลี่ยวหยงดูซีดลง เธอยืนขึ้นด้วยความโกรธ “ส่งตำแหน่งที่อยู่มา!”
สายตาของโจวเซินมองไปที่ใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวของเลี่ยวหยง แล้วแอบยิ้มเล็กน้อย
“ผมจะเฝ้าน้องสาวเองครับ”
เลี่ยวหยงจ้องมองที่ชายร่างสูงตรงหน้า และสุดท้ายเธอก็ได้เดินจากไป
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป โจวหย่านตื่นขึ้นมาแล้ว และมู่วี่สิงเข้ามาตรวจร่างกายเธออีกครั้ง
ตอนนี้โจวหย่านยังไม่สามารถขยับตัว ได้แต่มองไปที่มู่วี่สิง และสายตาของเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าของเขาอย่างไม่ขยับ
“การผ่าตัด……สำเร็จใช่ไหม?” เธอพูดอย่างพึมพำ แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าค่อย ๆ บานขึ้น
ดวงตาเป็นประกาย
“อื้ม” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา หลังจากตรวจร่างกายเสร็จ เขาเตรียมตัวเดินออกไป
โจวหย่านพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง เธอไม่สามารถส่งเสียงใดๆได้ เธอพยายามจะรั้งเขาไว้ แต่ก็ทำไม่ได้
จากนั้นโจวเซินปิดประตูห้องผู้ป่วยลง แล้วเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ โจวหย่าน
“ปวดหัวไหม?”
โจวหย่านส่ายหัว หลังจากที่มู่วี่สิงเดินออกไป สีหน้าของเธอก็ดูเศร้าขึ้นมาทันที
“หนูต้องพักที่โรงพยาบาลนานแค่ไหน?” โจวหย่านถาม
“น่าจะครึ่งเดือนนะ” โจวเซินดูประวัติผู้ป่วย
ตัวเขาก็เป็นนักศึกษาแพทย์เหมือนกัน ดังนั้นจึงพอเข้าใจรายละเอียดบ้าง
“อ่อ พี่กลับไปก่อนเลย” โจวหย่านพูดอย่างเย็นชา
แต่โจวเซินรอจนกว่าโจวหย่านจะหลับไป เขาถึงยอมกลับบ้าน
ด้านนอกห้องนั้น เห็นเงาของมู่วี่สิงที่กำลังจะออกจากโรงพยาบาล
เมื่อกี้ได้ข่าวจากเกาเชียนว่าช่วงเย็นวันนี้เวินจิ้งถูกแฟนคลับของเขาปิดล้อม และบางคนยังคิดทำร้ายเธอด้วย มู่วี่สิงจึงรีบโพสต์ลงโซเชียลเพื่อเปิดเผยสถานะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเวินจิ้ง และให้เกาเชียนไปเตือนกลุ่มแฟนคลับของเขาว่า ถ้าไม่อยากให้กลุ่มเอฟซีถูกยุบก็ช่วยอยู่ในความสงบด้วย
คำพูดนี้ทำให้แฟนคลับหลาย ๆ คนต้องช็อคอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เนื่องจากมู่วี่สิงได้เปิดเผยด้วยตนเองแล้ว ทุกคนจึงไม่กล้าโจมตีเวินจิ้งอีก
เดิมทีมู่วี่สิงก็ไม่เคยอยากให้มีกลุ่มแฟนคลับนี้อยู่แล้ว เพราะเขาไม่ใช่ดารา เขาแค่ต้องการใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ถ้าสิ่งนี้มันส่งผลกระทบต่อชีวิตของเวินจิ้งเมื่อไหร่ เขาคงต้องให้แฟนคลับแยกย้ายโดยไม่ต้องลังเลเลย
หลังจากออกจากโรงพยาบาล มู่วี่สิงกำลังจะกลับการ์เด้นมูเจียวาน แต่มีธุระกระทันหันที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เขาจึงต้องมุ่งไปที่นั่น
ช่วงนี้มู่เฉิงได้ใกล้ชิดสนิทกับหุ้นส่วนหลายคน แม้เขาจะไม่ค่อยเข้าไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป แต่ความเคลื่อนไหวทุกอย่างในนั้นเขารู้ดี
ที่ผ่านมามู่วี่สิงได้ขาดการเข้าประชุมในบริษัทหลายครั้ง และไม่ค่อยได้เข้าไปบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเลย ดังนั้นผู้ถือหุ้นจึงร้องขอให้มีการแต่งตั้งประธานผู้บริหารขึ้นมาใหม่ เนื่องจากมู่วี่สิงมีอิทธิพลในบริษัท ดังนั้นคนเหล่านี้จึงได้วางแผนแทรกแซงเขามาสักพักแล้ว
ณ เวลานี้ มู่เฉิงก็อยู่ในออฟฟิศบริษัท หลังจากมู่วี่สิงเดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงกระซิบนินทาหลายรูปแบบ
แต่สีหน้าของเขายังคงเฉยเมยอยู่เสมอ
“วี่สิง ปู่เพิ่งมอบตำแหน่งประธานที่ปรึกษาบริษัทให้หลานนะ ดูสภาพของหลานตอนนี้สิ เหมือนอะไร! เอะอะก็ไปที่โรงพยาบาลอย่างเดียว ยังรู้ตัวไหมว่าหลานอยู่ในสถานะอะไร!” มู่เฉิงรู้สึกโกรธอย่างเห็นได้ชัด
“คุณปู่ครับ ผมรู้สถานะของตัวเองดีครับ โครงการทุกอย่างของบริษัทก็เป็นไปอย่างราบรื่น แล้วคุณปู่ไม่พอใจเรื่องอะไรครับ?” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส
แม้ตัวเขาจะไม่อยู่ในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป แต่งานที่ควรรับผิดชอบเขาก็ได้จัดการให้เสร็จตามเวลาทุกอย่าง ซึ่งตัวเขารู้ดีว่าคนกลุ่มนี้กำลังคิดอะไรอยู่
“ท่านประธานมู่ครับ ท่านไม่ได้เข้าบริษัทมาหลายวันแล้ว พวกเราอยากรายงานความคืบหน้าของบริษัทให้ท่านแต่ท่านไม่เคยอยู่เลย แบบนี้มันอาจจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของบริษัทได้นะครับ” ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“นั่นสิครับ แม้ท่านจะดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของบริษัท แต่ท่านก็เป็นประธานผู้บริหารของบริษัทนะครับ การเข้าทำงานในเวลาปกติก็จำเป็นนะครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่วี่สิงจึงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วมีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า
“ทุกท่านไม่ต้องกังวลนะครับ สัปดาห์หน้าบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะมีผู้บริหารบริษัทเข้ามาใหม่หนึ่งคน ถึงเวลานั้นแล้วถ้าทุกท่านเกิดความสงสัยใด ๆ ค่อยมาเสนอความคิดเห็นกับผมนะครับ”
เมื่อพูดจบ มู่วี่สิงเตรียมจะออกจากที่นั่น
แต่ถูกมู่เฉิงห้ามไว้
“มู่วี่สิง นายนั่งลงเดี๋ยวนี้” คำสั่งอันเย็นเยือกจากมู่เฉิง
มู่วี่สิงแสดงสีหน้าเคร่งขรึม “คุณปู่ครับ ตอนนี้คุณปู่ไม่ใช่ประธานที่ปรึกษาบริษัทแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งนะครับ”
“ข้าคือปู่ของนาย!” มู่เฉิงทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน
“ถ้าเป็นเรื่องครอบครัว เดี๋ยวเราค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านนะครับ”
มู่วี่สิงไม่ได้หยุดเดิน และออกจากห้องประชุมนั้นทันที
เหล่าผู้ถือหุ้นได้แต่มอง “คุณมู่ครับ ตอนนี้เราควรทำอย่างไร……กับประธานผู้บริหาร? เรายังมีสิทธิ์ออกเสียงไหมครับ?”
“นั่นสิครับ มู่วี่สิงยึดอำนาจไปแล้ว และจะสละตำแหน่งให้คนอื่น บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะให้คนนอกมาบริหารได้อย่างไรครับ……”
“.…..”
มู่เฉิงถือไม้เท้าไว้แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่ผมยังไม่ตาย ผมจะไม่ให้เขาทำตามอำเภอใจหรอก!”
เมื่อพูดจบ มู่เฉิงก็ไอออกมาอย่างหนัก แล้วรีบเดินไปที่ออฟฟิศผู้บริหาร