Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 510
บทที่ 510 ด้านที่ลึกลับ
พลบค่ำ ขณะที่มู่วี่สิงกำลังเตรียมตัวจะออกไปด้านนอกนั้น มู่ซือซือก็มาหาเขาด้วยตนเอง
เขาขอร้องให้พี่ชายตนเองกลับไปที่บ้านหลายครั้ง แต่ทว่าพี่ชายก็ไม่ยอมกลับ เธอจึงทำได้เพียงมาหาเขาแบบนี้
“พี่คะ พี่กลับบ้านกับฉันดีไหมคะ พี่ไม่คิดจะสนใจงานของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปแล้วใช่ไหมคะ?” มู่ซือซือขมวดคิ้ว
ช่วงนี้ผลประกอบการของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปตกต่ำลงเรื่อยๆ แต่มู่วี่สิงกลับไม่สนใจ คุณปู่เองก็ไม่สามารถเข้ามายุ่งได้ เอาแต่อยู่บ้านแล้วโมโห
ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าไม่ช้าก็เร็วบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปคงจบแน่ๆ…..
เธอไม่อยากเห็นบริษัทของครอบครัวตนเองต้องจบลงเพราะความสัมพันธ์ของปู่กับหลาน…..
“เรื่องบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เธอควรจะไปบอกกับคุณปู่” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“แต่คุณปู่ยกบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปให้กับพี่แล้วหนิคะ” มู่ซือซือเองก็ขมวดคิ้ว
“ซือซือ เรื่องของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเธอไม่ต้องมาพูดกับพี่แล้ว”
“ไม่ได้ค่ะ พี่กลับบ้านกับฉันสักหน่อยเถอะ!พี่ไม่ได้กลับบ้านมานานแค่ไหนแล้ว……” มู่ซือซือบ่นพึมพำ
แต่เธอที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ ไม่สามารถที่จะห้ามมู่วี่สิงได้จึงทำได้เพียงให้ส้งวี่มาเกลี้ยกล่อม
ส้งวี่เป็นคนที่เข้าใจความคิดของมู่วี่สิง เขาไม่คิดที่จะยึดเอาอำนาจของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป การที่มู่เฉิงบีบบังคับมู่วี่สิงแบบนี้ มีเพียงแต่จะทำให้เกิดความขัดแย้งเท่านั้น
มู่วี่สิงไม่ใช่คนที่จะยอมคนง่ายๆ
การที่เขายอมรับปากยอมรับช่วงต่อบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปนั้น ถือว่าเป็นการยอมอย่างมากที่สุดแล้ว
“ซือซือ เรากลับกันเถอะ วี่สิงไม่มีวันยอมทนเห็นบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปล้มละลายหรอก”
“แต่คุณดูสิว่าวันนี้ราคาหุ้นตกไปมากแค่ไหนแล้ว คนข้างนอกเอาแต่พูดเรื่องไม่ดีของตระกูลมู่ของเรา บอกว่าบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะล้มละลายแล้ว…..” ช่วงนี้มู่ซือซือได้ยินข่าวลือไม่น้อย ที่พูดกันโครมๆ
“ตอนนี้ตกไปถึงจุดต่ำสุดแล้ว อีกไม่นานก็จะค่อยๆขึ้น เรากลับกันเถอะ” ส้งวี่เข็นวีลแชร์ของเธอ
มู่ซือซือหลบตาลง เธอร้อนใจมากกว่าเจ้าตัวเสียอีก
“คุณจะเป็นผู้บริหารระดับสูงจริงๆหรอคะ?” มู่ซือซือเอ่ยถาม
เรื่องนี้เธอพึ่งรู้ไม่นาน ที่แท้พี่ชายก็วางแผนมานานแล้ว ส่วนส้งวี่เองก็ไม่คิดจะดูแลกิจการของตระกูลส้งแล้วด้วย ดังนั้นการที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปมีเขามารับช่วงต่อ จึงเป็นสิ่งที่มีเหตุมีผล
แต่เธอรู้ดี ตำแหน่งนี้คุณปู่เก็บเอาไว้ให้พี่มู่วี่สิงมาโดยตลอด
เหตุเพราะเรื่องนี้ ตอนนี้คุณปู่จึงไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“อื้ม หรือว่าคุณรู้สึกว่าผมทำไม่ได้?” ส้งวี่เลิกคิ้วขึ้น
ในสายตาของคนอื่นนั้น ส้งวี่เป็นคนสุภาพสง่างาม ทว่าในด้านธุรกิจ เขาเป็นคนที่ทำทุกอย่างเด็ดขาดมาก
“แน่นอนว่าไม่ใช่แบบนั้นค่ะ” มู่ซือซือเม้มปาก
วินาทีนี้เธอรู้สึกว่าตนเองอ่านความคิดผู้ชายตรงหน้าไม่ออกจริงๆ
เหมือนกับตอนนี้ เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขามีความคิดที่จะรับช่วงต่อของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป อีกทั้งเพราะเรื่องนี้ เขาอาจจะมีการวางแผนมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว
มู่ซือซือรู้สึกหงุดหงิด เธอเข้าใจมาตลอด ส้งวี่เป็นเพียงแค่จิตแพทย์ท่านหนึ่งเท่านั้น
แต่หลังจากที่รู้จักเขามากขึ้นเรื่อยๆ ด้านที่ลึกลับของเขาค่อยๆเปิดออก
…….
การ์เด้นมูเจียวาน
เวินจิ้งกลับมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว ตอนแรกคิดอยากจะเข้าครัวด้วยตนเอง แต่เพราะฝีมือการทำอาหารของตนเองไม่ได้เรื่องจริงๆ จึงล้มเลิกความคิดนี้
เธอซื้ออาหารทะเลและเนื้อสัตว์มาจำนวนไม่น้อย คิดว่าคืนนี้จะทำชาบูให้มู่วี่สิงกิน
หลังจากที่ล้างวัตถุดิบทั้งหมดแล้วนั้น เธอก็บอกให้คนรับใช้ออกไป ส่วนตนก็วางของทุกอย่างเอาไว้บนโต๊ะ
แต่รอจนถึงกลางดึกมู่วี่สิงก็ยังไม่กลับมา เวินจิ้งรู้สึกเป็นห่วง จึงโทรศัพท์ไปหาเขาแต่กลับไม่มีคนรับสาย
เวินจิ้งจึงโทรหาเกาเชียน คำตอบของเขาคือมู่วี่สิงน่าจะยังอยู่ที่โรงพยาบาล เขาเองก็ติดต่อบอสไม่ได้
เมื่อได้ยินแบบนั้น เวินจิ้งจึงเปลี่ยนชุดแล้วรีบไปที่โรงพยาบาล
เวลานี้ มู่วี่สิงพึ่งออกมาจากห้องผ่าตัด เมื่อสองชั่วโมงก่อนมีคนประสบอุบัติเหตุรถยนต์ถูกส่งตัวมา คนที่โรงพยาบาลไม่เพียงพอ มู่วี่สิงจึงถูกตามให้มาช่วย
เมื่อเห็นเวินจิ้งมองดูรอบๆด้วยความกังวล เขาจึงหยุดเดิน
ในที่สุด เขาก็ดึงตัวเวินจิ้งเข้ามากอด
กลิ่นที่คุ้นเคยนั้นให้เวินจิ้งนิ่งค้าง เงยหน้าขึ้น ขยับเข้าใกล้ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้เธอหลงใหล
เมื่อรู้ตัว เธอก็เงยหน้าขึ้นอยากจะโอบกอดมู่วี่สิง
แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาล จึงรีบคลายมือ
มองดูมู่วี่สิงที่สวมชุดกาวน์สีขาว เนื้อตัวมีกลิ่นคาวเลือด เธอก็ขมวดคิ้วเป็นปม
“พึ่งผ่าตัดเสร็จหรอคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เคสที่สอง” มู่วี่สิงโอบกอดเธอเอาไว้ โดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างจากนั้นก็พาเวินจิ้งเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของตน
“ทำไมฉันถึงไม่รู้ว่าวันนี้คุณมีผ่าตัดสองเคส”
ตอนที่มู่วี่สิงไม่รับสาย เธอกังวลมากจริงๆว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเขา
“เป็นเคสกระทันหัน มาหาผมแบบนี้ เป็นห่วงผมมากใช่ไหมครับ?” มู่วี่สิงกระตุกยิ้มมุมปาก อ่านใจเวินจิ้งออก
หน้าของเธอแดงระเรื่อ หันหน้าหนีจากสายตาของมู่วี่สิง
“คุณไม่รับโทรศัพท์……” เวินจิ้งพูดพึมพำ
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ผมจึงไม่ทันได้บอกคุณ” มู่วี่สิงพูดเสียงอ้อน
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเองก็ทำงาน แล้วเมื่อไหร่คุณถึงจะกลับบ้านได้คะ?”
“ต้องรอคนป่วยฟื้น” มู่วี่สิงมองดูเวลา “นี่ก็ใกล้แล้ว”
เวินจิ้งนั่งรอมู่วี่สิงในห้องทำงาน เพียงแต่ใช้เวลาไม่นาน ก็มีร่างบางเปิดประตูเข้ามา
โจวหย่านมองดูเวินจิ้งที่นั่งอยู่บนโซฟา ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ประโยคนี้ฉันควรจะถามคุณโจวมากกว่านะคะ?” เวินจิ้งไม่ได้ตอบคำถามเธอ
“ฉันมาหามู่วี่สิง!”โจวหย่านพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เขาไปดูคนป่วยคนอื่นๆ คุณรอเขาก่อนแล้วกัน” เวินจิ้งพูดเสียงเรียบ ไม่ได้มองดูเธอ
โจวหย่านเม้มปากแน่นด้วยความโมโห นั่งลงตรงอีกด้านหนึ่งของโซฟา ถลึงตามองดูเวินจิ้ง
เวินจิ้งขมวดคิ้วอย่างเหลืออด จากนั้นก็หันหลังให้กับโจวหย่าน
เสียงหวานของเธอดังขึ้นจากด้านหลัง “ได้ข่าวว่าเธอถูกไล่ออก?”
“มั้ง”
ตอนนี้ไม่มีโรงเรียนไหนรับเธอ
“ตอนนี้มีแค่ฉันเพียงคนเดียวที่ตระกูลมู่ยอมรับเป็นสะใภ้ คุณปู่ต้องคิดหาทางไล่เธอออกไปจากเมืองหนาน ฉันขอเตือนเธอละกัน รีบออกไปด้วยตัวเองดีกว่า” คำพูดของโจวหย่านดูหยิ่งทระนง
สีหน้าของเวินจิ้งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
สีหน้าของเวินจิ้งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่หมัดของเธอที่กำเอาไว้นั้นแสดงความโกรธออกมาเล็กน้อย
“ฉันไม่มีวันไปจากชีวิตของมู่วี่สิงอย่างแน่นอน” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
โจวหย่านกลับหัวเราะ “หึหึ” “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอตัดสินใจ การที่เธออยู่ต่อนั้นเป็นจุดจบที่แย่ที่สุด อีกไม่นานบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็จะล้มละลายแล้ว ความสัมพันธ์ของวี่สิงและคุณปู่ก็จะยิ่งเลวร้ายมากกว่าเดิม เธออยากจะให้วี่สิงจมอยู่กับเรื่องเครียดๆไปทั้งชีวิตหรอ?”
นี่เป็นเรื่องที่เธอพึ่งรู้ มู่วี่สิงน่าจะมีปัญหากับมู่เฉิง ทิ้งงานไม่สนใจบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป สำหรับโจวหย่านคงไม่ดีเท่าไหร่
“คุณโจวคะ ฉันเชื่อว่าคุณมู่วี่สิงจะจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี คุณเป็นแค่คนนอก คำพูดพวกนี้ คุณมีสิทธิพูดด้วยหรอคะ?” เวินจิ้งเอ่ยถามด้วยเสียงเย็นชา
ถึงแม้จะรู้ว่าโจวหย่านแค่กร่าง แต่สุดท้ายเธอก็รู้สึกไม่ค่อยดี
“ฉันมีสิทธิสิ ฉันเองก็คือว่าเป็นคนตระกูลมู่ครึ่งหนึ่ง ฉันไม่อยากให้วี่สิงหลงผู้หญิงอย่างเธอจนโงหัวไม่ขึ้น บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปต่างหากที่เขาควรจะอยู่”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เวินจิ้งคลายยิ้ม “คุณไม่เคยรู้ว่ามู่วี่สิงคิดอะไร เขาเป็นผู้ชายที่ทำทุกอย่างชัดเจน สิ่งที่เขาทำนั้นไม่ใช่สิ่งที่ฉันและคุณจะเข้าไปข้องเกี่ยวได้”