Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 555
บทที่ 555 ดูแลอย่างเป็นน้องสาว
“ไม่ได้” โจวเซินปฏิเสธในทันที
เวินจิ้งเม้มปาก สีหน้าชาขึ้นเล็กน้อย
“ฉันจะต้องกลับแล้ว” เวินจิ้งหันหลังเพื่อจะกลับ
แต่ว่าโจวเซินยังคงตามติดเธออยู่ไม่ห่าง จนกระทั่งเวินจิ้งกลับถึงชั้นล่างตึกหอพัก
เวินจิ้งรีบวิ่งขึ้นตึก เมื่อถึงห้อง เธอเหนื่อยหอบมากจนล้มตัวลงนอนบนเตียง
หลังจากลุกขึ้นไปอาบน้ำเสร็จ เธอกำลังตากผ้าอยู่ที่ระเบียงห้อง กลับเห็นร่างสูงใหญ่ที่ยังไม่จากไปอยู่ด้านล่างของตึก
เวินจิ้งแทบจะดึงสายตากลับทันควัน แต่เหมือนโจวเซินนั้นจะเห็นเธอแล้ว
เธอรู้สึกหงุดหงิดรำคาญเล็กน้อย นั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ ที่เดิมทีเพียงแค่ต้องการอ่านหนังสือ แต่ว่าในหัวกลับมีแต่ภาพของมู่วี่สิง สลัดยังไงก็สลัดไม่ออกไปจากหัวสักที
พอดีกับมู่วี่สิงโทรเข้ามา
“นอนแล้วหรือ”
“ใกล้แล้ว แต่ว่ายังอยากจะอ่านหนังสืออีกสักพัก แล้วคุณละคะ”
“ผมยังอยู่ที่โรงพยาบาล เพิ่งจะเสร็จสิ้นการผ่าตัด
“ดึกจังเลย คุณรีบกลับบ้านเถอะ” เวินจิ้งพูดด้วยความเป็นห่วง
“อืม พักผ่อนเช้าๆนะจิ้งจิ้ง” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เวินจิ้งสั่นสะท้านในหัวใจ “ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
หลังจากวางโทรศัพท์ มู่วี่สิงได้ถอดชุดคลุมสีขาวออก เมื่อผู้ช่วยผู้ชายได้รายงานเรื่องงานเสร็จ เขาก็ได้จากโรงพยาบาลไปในทันใด
เพียงแต่มีร่างที่บอบบางมาขวางเขาไว้
หลิงเหยาดูเหมือนจะรออยู่นานแล้ว อากาศตอนนี้เริ่มจะหนาวขึ้น แต่เธอที่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น ตัวจึงได้หนาวสั่นตลอดเวลา
“วี่สิง” เมื่อเห็นมู่วี่สิงออกมา ใบหน้าของหลิงเหยาที่ไร้อารมณ์ได้ยิ้มขึ้น
มู่วี่สิงท่าทีที่เฉยเมย ขมวดคิ้วแล้วมองเธอ
“คุณทานข้าวหรือยังคะ” หลิงเหยามองเขาอย่างคาดหวัง
มู่วี่สิงได้ละสายตาจากเธอ
“หลิงเหยา” ตอนนี้ดึกมากแล้ว คุณรีบกลับบ้านเถิด
“ฉันไม่กลับไป ฉันอยากทานข้าวกับคุณก่อนแล้วค่อยกลับ”
ได้ยินดังนั้น ความไม่พอใจได้แผ่กระจายสู่ดวงตาของมู่วี่สิง
“มีอะไรก็พูดกับผมตรงนี้มาเลย”
หลิงเหยาเงียบ มองสีหน้ามู่วี่สิงที่เย็นชา ไม่มีเสียงพูดใดๆออกมา
“หุ้นที่แม่ของฉันโอนให้คุณ มันเป็นของคุณ คุณอย่าขายมันไปได้ไหม” หลิงเหยาพูดไปพร้อมดวงตาที่เริ่มแดงขึ้น
“ฉันทำแบบนั้นก็ได้ แต่คุณต้องรับหุ้นเหล่านี้ต่อจากผม” มู่วี่สิงจ้องหลิงเหยา
“คุณไม่อยากแต่งงานกับฉันขนาดนี้เลยหรือ!” น้ำตาหลิงเหยาที่ในที่สุดไม่อาจกลั้นไว้ได้ ก็ไหลออกมา
“หลิงเหยา ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ บุญคุณคุณนายหลิงผมจำได้ตลอด ผมจะดูแลคุณอย่างดีเฉกเช่นน้องสาวแท้ๆ” มู่วี่สิงที่น้ำเสียงโทนต่ำมาก
หลิงเหยาสามารถเป็นคนในครอบครัวได้ แต่จะเป็นคนรักนั้นไม่ได้
“น้องสาว…..ฉันไม่อยากเป็นแค่น้องสาวของคุณ มู่วี่สิง ฉันอยากเป็นภรรยาเป็นคุณนายมู่” หลิงเหยาคว้าเสื้อมู่วี่สิงอย่างโมโห น้ำตาที่ไหลเจิ่งนองก็ถูเข้ากับเสื้อของมู่วี่สิง อยากจะกอดเขาไว้
สุภาพบุรุษอย่างมู่วี่สิงได้ผลักเธอออก รีบสั่งเกาเชียนให้มารับเธอแล้วส่งกลับบ้าน
“มู่วี่สิง แม่ฉันเคยช่วยชีวิตคุณ ชีวิตคุณ…..เป็นของตระกูลหลิง! นี่คือสิ่งที่คุณติดค้างตระกูลหลิง…..” น้ำเสียงหลิงเหยายังคงดังก้องอยู่ไกลๆ คิ้วของมู่วี่สิงค่อยๆขมวดขึ้น
นั่งอยู่ในรถ ที่ไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์ หยิบบุหรี่หนี่งมวนแล้วคีบไว้ระหว่างนิ้ว ไม่นาน ก็ทิ้งก้นบุหรี่นั้นไป
หลังจากเกาเชียนได้ส่งหลิงเหยากลับถึงบ้านแล้ว ได้รับสายโทรเข้าจากมู่วี่สิง เขาจึงรีบขับรถไปที่การ์เด้นมูเจียวาน
“ประธานมู่ ตอนนี้หุ้นของตระกูลหลิงที่อยู่ในมือท่าน ยังไม่มีการซื้อขายในตลาดครับ ผมตรวจสอบพบว่าเป็นหลิงอี้ที่ทำการควบคุมหุ้นของท่านเอาไว้ ไม่ให้ผู้ใดกระทำการซื้อครับ”
มู่วี่สิงหรี่ตาอย่างเฉยเมย รู้สึกไม่แปลกใจ
หลังสูบบุหรี่ ปากที่บางเบาได้ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
“ปล่อยหุ้นขายทอดที่ตลาดต่างประเทศ ให้เล็ดลอดจากสายตาหลิงอี้” มู่วี่สิงออกคำสั่ง
“รับทราบครับ”
“อีกสามวัน ข่าวคราวที่เกี่ยวกับยาห่ายหยางสามารถแพร่กระจายได้
…..
วันต่อมา หลังจากที่เวินจิ้งเรียนเสร็จ ตอนบ่ายเธอก็ไปที่ห้องวิจัย
เนื่องด้วยได้เข้าร่วมการวิจัยของยาห่ายหยางดังนั้นช่วงนี้เธอจึงไม่จำเป็นต้องไปฝึกงานที่โรงพยาบาล
เพียงแต่งานวิจัยชิ้นนี้ต้องใช้เวลานาน เวินจิ้งจึงได้ยื่นเรื่องที่จะไปฝึกงานในช่วงสุดสัปดาห์กับศาสตราจารย์ส้ง ถึงแม้จะยุ่งนิดหน่อย แต่เธอก็อยากจะใช้เวลาส่วนหนึ่งในโรงพยาบาล
ตอนนี้โจวเซินไม่ได้รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลส้งเชนจึงจัดการให้เธอฝึกงานอยู่ข้างๆมู่วี่สิง เวินจิ้งทราบเรื่องนี้ จึงได้โทรศัพท์ไปบอกมู่วี่สิง
“สุดสัปดาห์แล้วยังจะมาอีก ร่างกายคุณจะรับไหวหรือเปล่า” มู่วี่สิงไม่พอใจเล็กน้อย
โดยปกติการเรียนเวินจิ้งก็หนักอยู่แล้ว เขาหวังว่าเธอจะใช้เวลาสุดสัปดาห์ในการพักผ่อน
“ได้สิ อีกทั้งได้ฝึกงานกับคุณ ต่อให้ลำบากเพียงใดก็จะยืนหยัดไม่ท้อถอย”
มู่วี่สิงเลิกคิ้วเชิงหมดปัญญา “จิ้งจิ้ง คุณไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนี้”
“คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้วศาสตราจารย์ส้งได้เซ็นอนุมัติเรียบร้อย เราเจอกันวันเสาร์นะคะ”
เมื่อวางสายโทรศัพท์ เวินจิ้งยิ้มไม่หุบที่มุมปากโจวเซินที่มองดูใบหน้าของเธออยู่ ดูเหมือนเขาจะถูกสะกดจากรอยยิ้มเธอ
หน้าตาที่คร่ำเครียดก็ดูผ่อนคลายขึ้น
เพียงแต่ เขาได้เก็บสีหน้านั้นอย่างรวดเร็ว
เขาสั่งเวินจิ้ง “มาช่วยผมหน่อย”
เวินจิ้งวางโทรศัพท์ลง แล้วเดินไปข้างๆโจวเซิน ฟังคำสั่งจากโจวเซิน ไม่นานก็เข้าสู่การทดลองงานวิจัยและพัฒนา
จนกระทั่งถึงยามค่ำ เมื่อเวินจิ้งนึกเวลาขึ้นได้ ก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่าแล้ว
โทรศัพท์สั่นขึ้น เธอหยิบออกมา เห็นข้อความที่หลิงเหยาส่งเข้ามาทางวีแชท
มีเพียงแค่ภาพหนึ่งภาพ เป็นภาพที่หลิงเหยาได้กอดกับมู่วี่สิง ด้านหลังฉากของภาพเป็นประตูใหญ่ของโรงพยาบาลจงซิน
เนื่องด้วยภาพที่ถ่ายเป็นเวลากลางคืน เวินจิ้งมองเห็นไม่ได้ชัดเจนสำหรับสีหน้าของทั้งสอง แต่ดูจากภาพแล้ว ทั้งสองดูค่อนข้างสนิทสนมกันจริงๆ
แต่เพราะว่าเป็นภาพที่ส่งมาจากหลิงเหยา เธอจึงยังไม่ปักใจเชื่อในสิ่งที่เห็น ว่าจะเป็นความจริง
เพียงแต่เมื่อนึกถึงการกอดกันของคนสองคนในภาพ ภายในจิตใจก็รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ
ชั่วขณะ เธอก็ส่งภาพนี้ให้กับมู่วี่สิง
วินาทีต่อมามู่วี่สิงได้โทรกลับมาหา
มู่วี่สิงยังไม่ได้เปิดดูวีแชท ตอนนี้เขาอยู่สนามบิน อีกสักครู่ก็จะต้องไปทำงานนอกสถานที่แล้ว
“คุณจะไปเมืองตงเฉิงหรือ ต้องไปกี่วันคะ”
“หนึ่งสัปดาห์”
“อืม อย่างนั้นคงไม่เจอกันอีกหลายวันเลยสิ” เวินจิ้งถอนหายใจออกมา
“ผมจะไปรับคุณตอนนี้ ไปพร้อมกับผมได้ไหม” มู่วี่สิงพูดเชิงกะทันหัน
“ไม่ได้ ช่วงนี้ฉันยุ่งมากเลยค่ะ” เวินจิ้งรู้สึกลำบากใจ
เธอก็ต้องการอยากไปกับมู่วี่สิง แต่เมื่อคิดๆแล้วเธอกลัวว่าจะไม่มีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ
“เรื่องการวิจัยและพัฒนาสามารถชะลอไว้ก่อนได้ ผมจะช่วยคุณคุยเรื่องการลากับส้งเชนให้เอง” มู่วี่สิงได้คิดแทนเธอไว้แล้ว
แต่ว่าเวินจิ้งไม่ต้องการแบบนี้
“ไม่ต้องค่ะ มู่วี่สิง ฉันได้รับสิทธิพิเศษจากศาสตราจารย์ส้งมากพอแล้ว คุณอย่าได้ช่วยฉันคุยเรื่องลาให้เลยนะ ตามนี้นะ ฉันจะรอคุณที่เมืองหนาน เมื่อคุณกลับมาฉันจะไปรับคุณที่สนามบินด้วยตัวเอง ตกลงไหม” เวินจิ้งที่น้ำเสียงอ่อนโยน
“จิ้งจิ้ง” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว แต่ยังไม่ได้ให้คำตอบ
“ตกลงกันอย่างนี้นะ ถ้าคุณพาฉันไปเมืองตงเฉิงด้วย ฉันจะโกรธจริงๆ”
“ก็ได้ ถ้ามีเรื่องอะไรรีบบอกกับผมนะ ผมจะให้เกาเชียนอยู่ที่เมืองหนาน มีอะไรก็หาเขาได้เลย” มู่วี่สิงกล่าว
“รับทราบค่ะ”